ผักกาดหอม
ร้อยพ่อพันแม่มันก็แบบนี้
เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ คุณทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ที่พูดจาไพเราะเสนาะหู ชวนฟังมากกว่าชวนทะเลาะ แถลงข่าวแต่ละวันเต็มไปด้วยสาระ กลับพูดไม่เข้าหูคนบางกลุ่ม
แล้วพวกนี้เป็นคนแบบไหนกัน ครับ…ขบวนการที่ขยับจับจ้องจะเล่นงานทุกคนที่ทำงานกับรัฐบาล โดยไม่แยกแยะปูมของเรื่อง พวกนี้เหมารวมแล้วก็อยู่ในเข่งเดียวกัน
ฝนตกขี้หมูไหล!
วันก่อนมีกลุ่มที่ชื่อว่า กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่ไม่เห็นว่าตัวตนเป็นใครมาจากไหน รู้แต่ว่าน่าจะเป็นเอ็นจีโอ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่อต้านรัฐบาลลุงตู่
และต่อต้านมันทุกเรื่อง
ล่าสุดออกมาเรียกร้องให้ปลด “คุณหมอทวีศิลป์” ออกจากตำแหน่งโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) หรือ ศบค.
เหตุผล….
….เพราะคุณหมอทวีศิลป์ได้แถลง และตอบคำถามต่อสื่อมวลชน โดยมีเนื้อหาที่เป็นไปในทางที่ไม่เห็นคุณค่าของชีวิต และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน ต่อกรณีการฆ่าตัวตายของประชาชนที่เกิดขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ และไม่ได้รับการเยียวยา…..
โดยเนื้อหาที่คุณหมอทวีศิลป์กล่าวนั้น ได้ระบุว่า….การฆ่าตัวตายของประชาชนนั้นไม่ได้สูงไปกว่าครั้งวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ซึ่งไม่ได้เป็นจำนวนที่มากเกินความคาดหมาย….
ประโยคที่ว่านี้ถูกมองว่า ได้สะท้อนความอับจนความเข้าใจในปัญหา และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้
เพราะรัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่เหมาะสม และทันท่วงที
นอกจากนี้ยังระบุว่า
….ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่โฆษก ศบค.ของคุณหมอทวีศิลป์ ก็เป็นไปในทางที่คอยจะตำหนิติเตียนประชาชน ทำตัวเป็นคนดีที่คอยจะสั่งสอนราวกับประชาชนเป็นคนผิดบาปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
ทั้งในเรื่องการพูดถึงคนที่ได้รับเงินเยียวยาว่า ๕,๐๐๐ บาทนั้นเพียงพอ เพราะมีผักสวนครัวกิน หรือแม้แต่ทำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ COVID-19 ที่เอาภาพการ์ตูนของตนเองมาแถลงเหมือนการโปรโมต ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์นี้โดยสิ้นเชิง….
ก็…เอวังด้วยประการข้างต้น
บอบบางกันเหลือเกินนะพ่อคุณ!
ใช้สมองคิดแล้วแยกแยะ หาเหตุผลกันบ้าง อย่าเอาแต่ค้านไปเสียทุกเรื่อง
ถ้าการพูดเรื่องการฆ่าตัวตายจากวิกฤติโควิด ไม่ได้สูงไปกว่าครั้งวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี ๒๕๔๐ ไม่ได้…ต่อไปก็คงยกตัวอย่างการตายของประชาชนจากสาเหตุอื่นๆ มาอธิบายความกันไม่ได้เลย
จะเป็นการดูหมิ่นในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ทำให้นึกถึงข่าวในช่วงเวลาเดียวกัน
ที่มหานครนิวยอร์ก เมื่อสองสามวันก่อน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจนิวยอร์กรับแจ้งจากพลเมืองพบรถบรรทุกแช่เย็นขนาดใหญ่จอดอยู่หน้าโรงเก็บศพ พร้อมกับรถตู้ ๒ คัน
ประมาณว่าภายในตู้แช่เย็นมีศพประมาณนับร้อยศพ แต่เครื่องทำความเย็นเสีย จึงทำให้ส่งกลิ่นเหม็น กระทั่งชาวบ้านออกสำรวจแล้วพบว่า กลิ่นมาจากรถบรรทุกคันดังกล่าว
สาเหตุศพถูกปล่อยให้ส่งกลิ่นเหม็นเพราะ….ที่ฝังเต็ม
ลองหลับตานึกดู….ถ้ากรุงเทพฯ ตกอยู่ในสภาพที่ว่านี้ อะไรจะเกิดขึ้น
ด่ากันตั้งแต่ อบต.ยันยูเอ็น!
แต่ก็แปลก องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนสากลทั้งหลาย ไม่มีองค์กรไหนออกมาเคลื่อนไหวตำหนิรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ สักแอะ
ฮิวแมนไรต์วอตช์ สำนักงานใหญ่ที่อยู่นิวยอร์ก ก็เงียบกริบ
หรือว่าการเอาศพมากองๆ จนไม่รู้จะจัดการอย่างไร เป็นเรื่องที่ทำได้ ไม่ใช่การละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
หรือคนตายไปแล้วก็ช่างหัวมัน จะไปเรียกร้องสิทธิให้ทำไม
เห็นมั้ยมันเป็นเรื่องแปลก
แต่บ้านเราไม่ได้เชียวนะ
จะเอาคนตายจากกรณีหนึ่งไปเปรียบเทียบกับอีกกรณีหนึ่ง ก็เท่ากับไม่เห็นคุณค่าของคน ทำให้ศพไม่มีศักดิ์ศรี
การพูดเพื่อให้คนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ก็หาว่าสั่งสอน
แล้ววิธีที่ถูกต้องคือ….ต้องทำอย่างไร น่าจะอธิบายมาสักหน่อย
เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
แก้รัฐธรรมนูญ
รัฐบาลออกไปใช่มั้ย
ทำตามแล้วโควิดมันจะหายไปใช่มั้ย
มีสมองไว้คั่นหูจริงๆ
ครับ…วานนี้ (๑ พฤษภาคม) นอกจากคุณหมอทวีศิลป์จะบอกข่าวดี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่แค่ ๖ คนแล้ว คุณหมอยังแจกแจงประเด็นที่พูดถึงการฆ่าตัวตายเอาไว้ด้วย….
————–
…..ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต
ผมในฐานะจิตแพทย์ มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดในวิชาชีพของผม
ซึ่งเรื่องการเสียชีวิตทุกเรื่องมีความสำคัญทั้งสิ้น ในฐานะแพทย์ต้องช่วยทุกคนให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เราพยายามนำมาเรียนรู้หาวิถีทางในการช่วยเหลือ โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวข้องกับโรคภัยไข้เจ็บ การเป็นโรคทางกายหรือสุขภาพจิต โดยส่วนใหญ่มีชุดข้อมูลว่าจะมีสัญญาณนำมาก่อน
ในเรื่องของการป้องกันการฆ่าตัวตายเป็นภารกิจที่จิตแพทย์ต้องหาทางช่วยเหลือ
ผมอยู่กับเรื่องนี้มานาน เข้าใจความรู้สึก
อยากให้ประชาชนคนไทยเห็นใจคนกลุ่มนี้ที่เขามีความรู้สึกบีบคั้น อย่ามองว่าเป็นการทำร้ายตัวเองหรือเรียกร้องความสนใจ
ภาษาทางด้านสุขภาพจิตคือ Cry For Help หรือร้องขอความช่วยเหลือเราอยู่
การแปลความตรงนี้ ผมเข้าใจดี เราจะรับฟังทุกเรื่องและนำมาสู่กระบวนการช่วยเหลือ เยียวยา แก้ไข ซึ่ง ศบค.ยึดหลักนี้
ในฐานะจิตแพทย์เข้าใจเรื่องนี้ จะประกอบทุกเรื่องเข้ามาและพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยคนที่มีความทุกข์ด้านนี้ให้เข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือเยียวยาอย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ กระบวนการดูแลตรงนี้ ด้านสุขภาพจิตจะมีทีมช่วยเหลือเยียวยาจะเข้าไปพูดคุยกับญาติ เพื่อเก็บข้อมูล กระบวนการและเยียวยาช่วยเหลือ ขอให้ความร่วมมือ
เพราะการช่วยเหลือเยียวยาจะเป็นหนทางทำให้บรรเทาทุกข์ลงไปและได้รับทราบปัญหาและนำมาสู่กระบวนการจัดการต่อไป….
————
คำแถลงของคุณหมอทวีศิลป์ ทำให้ต้องหันกลับไปที่แถลงการณ์ขององค์กรซังกะบ๊วย มันเหลือขอจริงๆ!
ถ้าจะเอาคนตายมาเล่นการเมือง ลองมองย้อนอดีตมันก็ด่ากันได้ทุกรัฐบาล
ปี ๒๕๕๓ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ มีผู้เสียชีวิต ๘๗ ราย แต่ถูกเคลมว่า ๙๙ ราย โดยไม่หักทหาร ๙ นาย และตำรวจอีก ๒ นายออก
ปี ๒๕๕๔ ประเทศไทยประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินหลายพื้นที่ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม จนเดือนพฤศจิกายน รวมทั้งสิ้น ๖๕ จังหวัด
มีคนตาย ๖๕๗ ราย สูญหายอีก ๓ คน!
ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ การชุมนุม กปปส. มีผู้เสียชีวิต ๓๖ ราย เพราะฝ่ายตรงข้ามประเคนทั้งระเบิด เอ็ม ๗๙ ใส่เป็นรายวัน
ฉะนั้นถ้ามานั่งนับจำนวนคนตาย เพราะความผิดพลาดของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ควรจะถูกประหารชีวิตด้วยซ้ำ
เพราะนั่นตายโดยตรงจากน้ำท่วมใหญ่
ไม่ใช่ตายโดยอ้อมด้วยการฆ่าตัวตาย
ยังไม่นับฆ่าตัวตายเพราะโครงการรับจำนำข้าวที่ตามมาทีหลังอีก
ก็สงสัยอยู่ว่าวันนั้นองค์กรสากกะเบือนี้ไปอยู่เสียที่ไหน
ถึงไม่ออกแถลงการณ์ไล่ “ยิ่งลักษณ์”
ก็พยายามถามอากู๋ว่ามีใครในองค์กรนี้บ้าง….ได้รับคำตอบอย่างน่าพอใจทีเดียว
จากข่าวการชุมนุมของแฟลชม็อบเมื่อช่วงต้นปี ที่บอกว่าไม่กลัวโควิด แต่กลัวประเทศไม่มีประชาธิปไตยมากกว่า ก็ได้รายชื่อนักเคลื่อนไหวตัวเป้ง ที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ดังนี้
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด
นายรังสิมันต์ โรม
นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว
นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์
ในเวทีครบรอบ ๕ ปีรัฐประหาร ช่วงปีที่แล้วก็ปรากฏบางรายชื่อให้เห็น
นายกรกช แสงเย็นพันธ์
นพ.ทศพร เสรีรักษ์
หน้าตาคนไล่ “คุณหมอทวีศิลป์” ก็ประมาณนี้
คนเลิฟยิ่งลักษณ์รักทักษิณเกือบทั้งนั้น.