เปลว สีเงิน
ท่านเชื่อมั้ย?
“ดรุณศึกษา” ตำราเรียนภาษาไทย ผู้แต่งไม่ใช่คนไทย หากแต่เป็น “เจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์”
นักบวชคณะ “เซนต์คาเบรียล” ที่ถูกส่งจากฝรั่งเศสมาบริหาร “โรงเรียนอัสสัมชัญ” บางรัก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๔
ท่านรักเมืองไทย รักวัฒนธรรมประเพณีและภาษาไทยมาก
ถึงขั้นแต่งตำราเรียนภาษาไทย ใช้ใน “การเรียน-การสอน” ในอัสสัมชัญ ถึง ๕ เล่ม
สุภาษิตอังกฤษบทหนึ่ง ท่านถอดความเป็นภาษาไทย ผ่านกาพย์ยานี ๑๑ เป็นที่ประทับใจ “รู้จัก-รู้จำ” มิรู้ลืมถึงทุกวันนี้ คือ
“สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย”
สุภาษิตนี้ สอนให้เราเข้าใจว่า……
“ความจริง” อาจแตกต่างกันไป ในแต่ละบุคคล เราควรเปิดใจรับฟัง “ความคิดเห็นที่แตกต่าง”
เพื่อให้เราสามารถ “เข้าใจ” และรับมือกับ “ความขัดแย้ง” ได้อย่างผู้มีโลกทัศน์
มหาอุทกภัยที่ “หาดใหญ่” เราลองตอบซิว่า “อุทกภัย” หรือ “จิตมนุษย์” คือปัญหา?
ถ้าแยกแยะได้ถูกต้อง “ทุกอย่างจบ”
ธรรมชาติไม่เคยมีปัญหา การเอาแต่ใจตัวของมนุษย์ นั้นแหละคือ “ปัญหา”!
ผมจะยกคอมเมนต์ท้ายคอลัมน์ “เปลว สีเงิน” มาให้อ่านตามนิยาม “กาพย์ยานี ๑๑” ของท่าน ฟ.ฮีแลร์ ซักเล็กน้อย
………………………………………..
@NutsineeChoti-yl7hk
เชียร์มันเข้าไป แก้ตัวให้มันเข้าไป ตอนโควิด ก็ที นี่น้ำท่วมหาดใหญ่ นายกฯ ประเมินไม่เป็น คนตายเป็นเบือ นายเปลวสีเงิน ยังเชียร์อีก สังเวชใจจริงๆ
@สิทธิพรแคล้วภัย
แบกไม่ลืมหูลืมตาเลย ถ้าเป็นนายกฯ ประเทศอื่น มีคนตายแบบนี้ เขาแถลงข่าวลาออกไปนานแล้ว
@วินัย-ษ7ฃ
เปลว สีเงิน เมื่อก่อนผมรับ น.ส.พ เดลินิวส์ประจำ แต่ต่อมาเลิกอ่าน เพราะเบื่อเปลวนี่แหละ เขียนเรื่องสวนความจริง
(ไอ้นี่ เลอะเทอะ…คอมเมนต์พาดพิงให้ “เดลินิวส์” เขาเสียหาย เป็นแค่เห็บงั่งๆ ดันอวดเป็นหนอนหนังสือ-เปลว)
@ประมวลกาลพัฒน์
ไม่ได้ฟัง คิดว่าจะไม่ฟังแล้ว มันเชียร์อนุทินไม่ลืมหูลืมตา
@user-he6vk3sy6e
ถ้าเป็นนายกฯ อิ๊ง แกจะพูดแบบนี้ไหม นายกฯ หนูต้องรับผิดชอบ เพราะกลไกทุกอย่างอยู่ที่นายกฯ
ไปรอบแรกเริ่มท่วม กลับมาดูดสส.เข้าพรรค
พอเริ่มหนักก็ทำอะไรไม่ถูก พอหนักขึ้นสั่งช้าจนคนตายเพียบจะไม่รับผิดชอบได้ไง เป็นนายกฯ คนไหนก็ต้องยอมรับผิด
ญี่ปุ่น เกิดเหตุแบบนี้ คน ตายเยอะ เขาลาออกเลย
@นิทราพวงทอง
ไม่เห็นด้วยเหมือน แก้ตัวช่วยอนุทิน เขาทำงานลงพื้นที่แบบไหน เราเห็นไม่ OK มาก
@daonesbitt3681
นายคนนี้ไม่เคยด่าสลิ่มเลย มันไม่มีจรรยาบรรณ ถ้าเป็นทักกี้ป่านนี้ไอ้เปลวด่าไฟแลบแล้ว คนผิดนะ สลิ่ม
@surasakpaomala909
โดนอำนาจซื้อไปแล้วเหมือนกันเหรอลุงเปลว แก่จะจากไปแล้ว ยังเอาศักดิ์ศรีตัวเองมาแลกกับนายกฯสีเทา แบบนี้ เหรอ…หมดศรัทธา
@สุวรรณาจิตจงยิ่งเจริญ-ฏ7ฮ
นี่เป็นการบิดครั้งสำคัญของเปลว สีเงิน ที่บอกว่าผู้นำยืดอกรับแทนลูกน้อง ผู้นำ นรม.ที่ไม่สนใจ ตัวเองเป็น รมว.มหาดไทย ไม่ทำงาน ยกให้ รมว.เกษตร ทำงาน น่าเกลียดที่สุด
@สุพัตรา-ฉ8ฝ
เลิกเข้าข้างได้แล้ว ขนาดท่านสนธิ ยังด่าเลย
@ชาคีย์เอี่ยมจันทร์
ลองเป็นนายกหญิงคงโดนด่าไปถึงโคตรพ่อโคตรแม่ไปแล้ว ไม่มีมาหาข้อมูลย้อนหลังอย่างนี้หรอก ว่ากันตรงๆ ดีนะ ที่เป็นเนทินผัดข้าวผู้ไม่ผิด
@นิพลรัตนพันธ์-ด9ฌ
คอลัมน์อวยรัฐบาล คนหาดใหญ่
…………………………………………………….
ครับ…..นี่คือ “One sees the mud”
ทีนี้ มาดูด้าน “One sees the stars” บ้าง “INFO Thailand” เขาโพสต์ ดังนี้
“INFO Thailand”
รัฐล้มเหลวกันทั้งโลกแล้วพ่อ
น้ำท่วมหาดใหญ่ หลังเจอฝน 300 ปี รัฐบาล ถูกด่าทำงานล้มเหลวทันที
Ok เข้าใจคนจะด่า แต่อยากให้ดูด้วยว่า ทั้งโลกน่ะ เขาเป็นอย่างไร
น้ำท่วมหาดใหญ่ แล้วสรุปว่า ประเทศนี้ “รัฐล้มเหลว”
งั้น…
อเมริกา จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดฯ เวียดนาม
ที่โดนน้ำท่วม โดนพายุ แล้วตายปีละเป็นร้อยเป็นพันน่ะ
พวกนั้นต้องเรียกว่า “รัฐเจ๊งถาวร” กันให้หมดเลยไหม?
ก่อนจะตะโกนว่า “ไทยล้มเหลว”
ช่วยเปิดแผนที่โลกดูสักนิดว่า วันนี้ ทั้งโลกเจออะไรอยู่
แล้วสภาพเป็นอย่างไร?
สหรัฐฯ ถึงขั้นจะคุมดินฟ้าอากาศ ยังไม่รอดเลยพ่อ ถ้าใช้มาตรฐานด่ารัฐแบบง่ายๆ ของบางคน
ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้ รอดพ้นคำว่า “รัฐล้มเหลว” ได้สักแห่งเดียว
เพราะฉะนั้น ถ้าจะใช้คำนี้กับไทย ก็เท่ากับประกาศไปทั้งโลกว่า
ถ้าไทยล้มเหลว… โลกคงล้มเหลวกันหมดเหมือนกัน!
พวกด่ารัฐ… เคยดูโลกบ้างไหม?
ภาพเมืองจมน้ำ มันไม่ได้มีแต่ที่ไทย
ทุกปี สหรัฐฯ เจอพายุเฮอร์ริเคนซัด เมืองหายไปทั้งเมือง
บ้านพังเป็นหมื่นหลัง คนตายเป็นกอง
จีน น้ำท่วมระดับมณฑล, ญี่ปุ่น เองก็ไม่รอด, ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ปีนี้ ท่วมหมด
ใครกล้าออกมาอวดเก่งยืนกลาง CNN แล้วตะโกนใส่หน้าว่า
วิกฤตครั้งนี้ สะท้อนว่า “อเมริการัฐล้มเหลว…จีนรัฐล้มเหลว…ญี่ปุ่นรัฐล้มเหลว” บ้าง
ไม่มี….เพราะคนทั้งโลกเข้าใจพื้นฐานตรงกันว่า
ภัยธรรมชาติยุคนี้ มันเกินมนุษย์คุม 100% ไปแล้ว
จะป้องกันได้บางส่วน ลดความเสียหายได้บางส่วน
แต่มันไม่มีทาง “ศูนย์เปอร์เซ็นต์”
แล้วทำไมพอถึงคิวประเทศไทย บางพวกกลับทำตัว “โลกแบน” ขึ้นมาทันที!?
ทำทีไม่รู้ไม่เห็นว่าโลกทั้งใบกำลังโดนอะไรอยู่
หันมาจิ้มด่าอยู่ประเทศเดียวว่า “นี่ไง รัฐล้มเหลว!”
เอาสิ…..
การวิจารณ์รัฐ ไม่ผิด แต่การด่ารัฐด้วยอคติ จนไม่แยกแยะระหว่าง “สิ่งที่มนุษย์ทำได้” กับ “สิ่งที่ธรรมชาติสั่งมา”
อันนี้แหละ ที่อันตราย!
การจัดการระยะยาว วางแผนผังเมือง ระบบระบายน้ำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ จะต้องถูกตรวจสอบ ถูกตั้งคำถาม ถูกวิจารณ์ หลังน้ำลด — ถูกต้อง
แต่ระหว่างที่คนยังติดอยู่บนหลังคา
ยังขาดน้ำกิน–ข้าวกิน ยังต้องการทีมกู้ภัย–เรือ–เฮลิคอปเตอร์
แล้วมีคนบางกลุ่มออกมานั่งหน้าจอ ทำท่าปัญญาชนเบิกเนตร สรุปสั้น ๆ ว่า
“นี่คือรัฐล้มเหลว”
โดยไม่คิดสักนิดว่า คำพูดของตัวเอง “ไม่ได้ช่วยชีวิตใครเพิ่มเลยแม้แต่คนเดียว”
นี่ไม่ใช่การตรวจสอบรัฐ
แต่นี่คือ การใช้ความทุกข์ของคนอื่น “หยอดแต้มทางการเมืองตัวเอง” ต่างหาก
…………………………………….
มาถึง “Two men look out through the same bars” บ้าง
คุณ Pat Sangtum โพสต์เมื่อวาน
APOLOGIZE MY FOOT!
“คุณภราดร” แถลงข่าวในฐานะ “ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย” (ศป.กฉ)
เปิดโอกาสให้สื่อถาม เกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ
เมื่อสื่อถามว่า…….
“ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องยอมรับแล้วหรือไม่ว่า ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดจนทำให้เกิดความสูญเสียโดยเฉพาะชีวิตของประชาชนจำนวนมาก?”
ผอ.ปิดไมค์ และขอบคุณ ที่มาร่วมฟังรายงาน
เป็นวิธีที่ “นุ่มนวลที่สุด”
เพราะคำถามกดดันจาก “สื่อชะนี” รายนั้น บ่งชัดว่า มี agenda ที่จะโจมตีรัฐบาล
“คุณภราดร” ไม่ได้เป็นนายก ไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจ ที่จะตอบแทนรัฐบาลได้อยู่แล้ว
แต่มีสิทธิที่จะตอบโต้หรือไม่ตอบโต้ก็ได้ ปิดไมค์จบการแถลงข่าว “ถูกต้องแล้ว”
ถ้าตอบแทนคุณอนุทิน “ย่อมเป็นการล้ำเส้น”
และที่สำคัญคือ “จะให้รัฐบาลออกมาขอโทษ ยอมรับว่ามีความผิดพลาดกลางคันได้อย่างไร?”
ในเมื่อยังมีปฎิบัติการให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย
รวมทั้งประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว หรือที่เห็นความตั้งใจที่จะช่วยเหลือของทุกหน่วยงาน ทั้งทีมกู้ภัย จิตอาสา ทหารทุกเหล่า ตำรวจ ฯลฯ
ออกมาขอโทษตอนนี้….แล้วยังไงต่อ?
ออกมาขอโทษ ในขณะที่ ชีวิตผู้คนยังแขวนบนเส้นด้าย ยอมรับว่าผิดพลาด แล้วขวัญและกำลังใจของเหยื่อน้ำท่วม จะเป็นอย่างไร?
“กูจะรอดไหม ขนาดรัฐบาลยังยอมรับว่าไร้ความสามารถ”
และเมื่อประชาชน หมดความเชื่อถือต่อรัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ ใต้บัญชาของผู้นำประเทศ
ก็คงเลิกให้ความร่วมมือ!
เพราะ “พวกเมิงไม่มีน้ำยา ไม่ต้องมาช่วย มาให้กูร่วมมือทั้งนั้น” … จะเอาอย่างนั้นใช่ไหม?
ปฏิบัติการยังไม่เสร็จสิ้น หลังจากน้ำลดแล้ว ก็ยังต้องช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่
หลังจากนั้น ยังต้องเข้าสู่ระยะฟื้นฟู ไม่เฉพาะหาดใหญ่และภาคใต้เท่านั้น ยังต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติ ที่ได้รับผลกระทบอย่างจังไปด้วย
เมื่อทุกอย่างเข้าสู่ภาวะใกล้ปกติ เมื่อภาระกิจต่างๆ จบลง รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี จะออกแถลง จะขอโทษ จะอธิบาย ก็เป็นเวลาที่เหมาะสม
วาระซ่อนเร้น ที่ไม่แนบเนียนของสื่อมวลชน มีคนเห็นดีเห็นงามไปด้วยไม่น้อย
ต้องหาคำตอบให้ได้ว่า “ถ้ารัฐบาลโค้งคำนับ ขอลาออก” ยุติการปฏิบัติหน้าที่ แล้วยังไงต่อ..?
ใครจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน โดยมีอำนาจบังคับบัญชา หรือคิดว่า ให้ต่างคนต่างจัดการไป ตามคำสั่งผู้นำหน่วย
แล้วใครจะมีอำนาจในการอนุมัติงบ หรือแผนให้ความช่วยเหลือต่างๆ?
“อ๋อ…พวกกูรอได้ ให้เลือกตั้งใหม่ ได้ผู้นำในดวงใจ ผู้ประสบภัยตอนนี้ ช่างพวกมันก่อน”????
ภัยพิบัติครั้งนี้ ชาวไทย สื่อมวลขน และ ชาวเน็ต ก็ได้แสดง “ธาตุแท้” ให้เห็นชัดอีกครั้ง
แสดงคุณภาพของพลเมือง ที่เรียกร้องทุกอย่าง จากสำนึกที่ไม่มีตรรกะ และที่ชัดเจนมากคือ
“พวกกูชอบเรื่องดรามาทุกชนิด”
“ธรรมนัส” ส่งเสียงดังเหมือนตวาด กูต้องเล่น “แม่งบ้าอำนาจ แม่งหยาบคาย”
นายกฯ ร่วมมือทำอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าผู้นำประเทศมาดูแลประชาชนด้วยตนเองแล้ว….. “แม่งหน้าไม่อาย เมิงผัดกระทะเดียว พอเลี้ยงคนประสบภัยกี่คนวะ
มันต้องอย่างโทนี่ หรือมิสน้ำหมึกสิวะ ไม่เคยต้มพะโล้ ไม่เคยผัดอะไรเลย”
สมัยลุงตู่ ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ นโยบายต่างๆ ไม่เคยรับรู้ แต่จดจำว่า “แม่งมีปัญหาเรืองควบคุมอารมณ์ แม่งขึ้นเสียงกับสื่อ.. แม่งไม่รู้จำนวนเซลล์สมอง..”
“พวกกูเป็นพลเมืองที่เน้นดรามา พวกกูไม่ได้ให้กำลังใจคนทำงาน พวกกูไม่เห็นเจตนาอะไรทั้งสิ้น
เพราะพวกกูมี agenda ไอ้ cheer มึงไม่รู้เหรอ”!
ความเห็นอกเห็นใจ ผู้ประสบภัยพิบัติ แสดงออกอย่างไร ใช้ตรรกะของแต่ละคนได้ตามสบาย
เพราะการแสดงออกทั้งคำพูดและความคิด มันจะเป็นเกณฑ์ให้คนอื่น เห็นชุดความคิด และจุดยืนของตนเอง
แล้วชอบอ้างว่า “ถ้าเป็นญี่ปุ่นนะ…..”
จะบอกให้ว่าฝันต่อไป อีกร้อยชาติคนไทยก็ไม่ได้เป็นญี่ปุ่น จะลงบ่อออนเซ็น ยังเอาผ้าขนหนูคลุมหัว มาปิดโม๊ะเลย
แทนที่จะปิดหน้า 🥸
……………………………………….
จบ…เรื่อง
“Two men look out through the same bars; One sees the mud, and one the stars.”
เปลว สีเงิน
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

