คนปลายซอย
หมั่นไส้“ทัพไทยใจดี”
นี่….
พูดตามภาษาชาวบ้านที่ไม่กระสี-ประสากับแผนยุทธการของกองทัพเขานะ
ขอถามท่านผบ.ทบ.และกองทัพภาค ที่ ๒ ซักคำ
ท่านจะ“เลี้ยงไข้”ชายแดนไทย-เขมร ให้เปลืองงบประมาณ โดยไม่มีจุดหมายว่าจะให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปอีกซักกี่ปีมิทราบ?
หรือ“เขมร-ฮุนเซน”……
มันเป็นญาติผู้ใหญ่ของใครในเมืองไทย จึงถนอมกล่อมเกลี่ยงเลี้ยงน้ำใจกันเหลือเกิน
“เล่นกับหมา หมาเลียปาก-เล่นกับสาก สากตีหัว”
“กองทัพไทย”ก็ใกล้จะเข้าลักษณะนี้แล้วนะ ปล่อยให้เขมรมันตัดขาทหารไทยครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ไปถึง ๗ ขา
ท่านผู้หลัก-ผู้ใหญ่แห่งกองทัพ ท่านคงไม่รู้สึกเจ็บปวดแทนลูกน้องเลยกระมัง ไม่คิดจะให้บทเรียนพวกเขมรด้วยซ้ำ อย่างนั้นใช่มั้ย?
ท่านผู้ใหญ่แห่งกองทัพจึงยังชิลๆ ปล่อยให้“หมาเลียปาก-สากตีหัว”วันแล้ว-วันเล่า
อย่าลืมนะ ท่านนอนตากแอร์ สบาย…ไม่ต้องคิดอะไรมาก
แต่ทหารแนวหน้า เขานอนตากฝน-ตากยุง-ตากไข้ป่า พวกเขาต้องคิด ไม่ได้คิดหาความสบาย
แต่คิดว่า……
“ท่านเจ้านายให้พวกกูมานอนดูเขมรมันลอบเข้ามาวางกับระเบิดบ้าง รื้อลวดหนามไปชั่งกิโลขายบ้าง
ทำสะพาน ชักรอกสลิงเข้ามายึดปราสาทต่างๆในเขตไทยบ้าง แล้วให้นอนตาปริบๆเอาไข่แช่น้ำเชื้อพลาสโมเดียมดูมันไปเฉยๆแบบนี้ โดยไม่ให้ลงไม้-ลงมืออะไร….แล้วมันเพื่ออะไรกันล่ะโว้ย”!?
หรือกองทัพไทย หวังล่ารางวัลโนเบล สาขา“ลูกน้องตาย-นายอยู่เพื่อสันติภาพ”มิทราบ?
ผมไม่เคยมีอคติกับกองทัพ แต่ครั้งนี้ ผู้ต่ำต้อยเข้าไม่ถึงความคิดอันสูงส่งของท่านผู้ยิ่งใหญ่ของกองทัพไทยทั้งหลาย หลังจากผมได้อ่านข่าว ๒ ข่าวนี้
ข่าวแรก….
24 พ.ย. 2568 – กองบัญชาการกองทัพไทย ออกประกาศ
เปิดเผย“รายงานผลการตรวจสอบของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนประจำประเทศไทย(ASEAN Observer Team- Thailand: AOT-TH)
ต่อเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ โดยผลการสังเกตการณ์ยืนยันชัดเจนว่า…..
“ทุ่นระเบิดที่พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 ที่ “ถูกฝังใหม่”ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด
“คณะ AOT-TH”ได้ลงพื้นที่ทันทีหลังเกิดเหตุ
และจากการประเมินสภาพหน้าดิน รูปแบบการวางทุ่น และร่องรอยการฝัง พบว่า
“ทุ่นระเบิด PMN-2 ถูกฝังในช่วงเหตุปะทะล่าสุด”
ลักษณะตรงกับทุกเหตุการณ์ก่อนหน้าในความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา
ซึ่งทุ่นระเบิด PMN-2 ที่พบในแต่ละครั้ง“ล้วนเป็นการฝังใหม่ทั้งหมด”ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าที่ตกค้าง ตามคำกล่าวอ้างของฝ่ายกัมพูชา
จากการตรวจสอบของหน่วยวิศวกรรมร่วมกับ AOT-TH ยังพบสัญญาณบ่งชี้ว่า
พื้นที่ดังกล่าว อาจมีการ“ฝังทุ่นระเบิด”เพิ่มเติม และยังไม่สามารถเข้าดำเนินการเก็บกู้ได้ในทันที
เนื่องจากความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
นอกจากนี้ คณะ AOT-TH ได้ยืนยันพิกัดจุดพบทุ่นระเบิดทุกจุดด้วย GPS โทรศัพท์มือถือ (Google Map)
ร่วมกับ“แผนที่ภูมิประเทศ”อย่างเป็นระบบ
ผลการตรวจสอบชัดเจนว่า“ทุกตำแหน่งอยู่ในดินแดนของไทยทั้งหมด”ไม่มีจุดใดอยู่นอกเขตแดนไทย
ที่สำคัญ…..
หัวหน้าคณะ AOT-TH ได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของทหารกัมพูชา ซึ่งถูกทิ้งไว้ขณะถอนกำลังบริเวณภูมะเขือ
ภายในโทรศัพท์ พบภาพถ่าย วิดีโอ ข้อมูลการลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ที่เป็นของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน
โดยมีภาพการวางและขุดฝังทุ่นระเบิด PMN-2 รวมถึงภาพการปฏิบัติของทหารกัมพูชาในพื้นที่
ซึ่งถือเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่ยืนยันได้ว่า“ทุ่นระเบิดถูกฝังโดยฝ่ายกัมพูชาในเขตแดนไทย”
คณะสังเกตการณ์ยังระบุว่า ……
พื้นที่ดังกล่าวเคยใช้เป็นฐานปฏิบัติการส่วนหน้าในช่วงการปะทะ และมีความเป็นไปได้สูงว่า
“ทุ่นระเบิดถูกฝังในห้วงสถานการณ์ความตึงเครียดล่าสุด”
“ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่า”ที่เหลืออยู่ในพื้นที่ ตามการชี้แจงของฝ่ายกัมพูชา
กองบัญชาการกองทัพไทยขอย้ำว่า……
ข้อมูลทั้งหมด เป็นข้อเท็จจริง ที่มาจากการสังเกตการณ์โดยตรง หลักฐานทางกายภาพ พิกัดภูมิศาสตร์ ภาพถ่าย วิดีโอ และการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์
โดยคณะ AOT-TH ซึ่งมีความเป็นกลาง โปร่งใส และปฏิบัติตามมาตรฐานสากลทุกขั้นตอน
โดยประเทศไทยปฏิบัติตามทุกข้อตกลงภายใต้กรอบกลไกทวิภาคี ไม่ว่าจะเป็น GBC, JBC หรือข้อตกลงการสังเกตการณ์ร่วมทุกฉบับ
พร้อมดำเนินงานตามหลักสันติวิธี ความโปร่งใส และมาตรฐานสากลมาโดยตลอด
เพื่อคลี่คลายสถานการณ์อย่างสร้างสรรค์และรักษาความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศเป็นสำคัญ
ขณะเดียวกัน…..
ฝ่ายไทยยังพบพฤติการณ์จากฝ่ายกัมพูชาที่ให้ข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในหลายเวทีการหารือ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการเจรจาและความเชื่อมั่นในกลไกความร่วมมือ
ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทย ยังคงเดินหน้าตามกลไกทวิภาคีทุกระดับอย่างโปร่งใส ชัดเจน และตรวจสอบได้
เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏต่อประชาคมในทุกเวทีที่เกี่ยวข้อง
และเพื่อปกป้องอธิปไตย-บูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่างมั่นคงต่อไป.
ครับ…..แล้วไง?
แถลงแล้วก็จบ รอเขาประกาศให้ขึ้นไปรับถ้วยรางวัลกองทัพไทย-กองทัพแห่งสันติภาพงั้นหรือ?
คณะผู้สังเกตการณ์ หรือ AOT ฝ่ายไทย ประกอบด้วยผู้แทนฝ่ายไทย ๖ นาย จากประเทศสมาชิกอาเซียน ๔ นาย
ได้แก่ มาเลเซีย ๒ นาย อินโดนีเซีย ๑ นาย และฟิลิปปินส์ ๑ นาย
กองทัพจะมีคำอธิบายอะไรให้ประชาชนทราบบ้างมั้ยว่า เมื่อฝ่ายไทยถูกกระทำชัดแจ้งเช่นนี้ เขมรละเมิด“ปฎิญญาสันติภาพ”ชัดเจน
รุกล้ำดินแดนเข้ามา…นี่ก็ผิด เข้ามาแล้วยังวางกับระเบิด นี่ทั้งผิด ทั้งขัดต่อ“อนุสัญญาออตตาวา”ที่ห้ามใช้กับระเบิด!
แต่กองทัพไทย กลับรับรู้ด้วย ปีติ-ปราโมทย์ ทั้งน้อมถวาย ๗ ขาทหารไทยเป็น“อภัยทาน”แก่ทหารเขมร
โดยไม่คิดลงโทษเขมร“ผู้กระทำผิด”ตามสิทธิอันชอบธรรมแต่อย่างใดเลย!?
ผมก็ขออนุโมทนากับจิตอันเป็นกุศลของผู้ยิ่งใหญ่ในกองทัพด้วย
แต่ขอสารภาพ ผมเป็นคนอาฆาต จิตหยาบหนา กับ ๗ ขา ทหารไทย ผมไม่ให้อภัยพวกเขมรไปจนวันตาย!
ไทยเนี่ย เป็นเด็กดีของโลก
ดีจนถูกเขมรไล่เตะตูด-เขกหัว ดีจนเสียปราสาทพระวิหาร ดีจนเสียพื้นที่รอบปราสาท ดีจนเสียปราสาทตาควาย และใกล้จะถูกเขมรมันบุกขึ้นมาเคลมไปอีกหลายปราสาท
กระนั้น กองทัพบก ก็ยังเป็นกองทัพใจบุญสุนทานคงเส้น-คงวา คณะ AOT ประกาศชัด ………..
“เขมรมันลอบเข้ามาวางกับระเบิดใหม่ในเขตไทย จนทหารไทยขาขาด”
กองทัพได้แค่นั่งพับเพียบแถลงการณ์!?
นี่อีกข่าว 24 พ.ย.2568 กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน
กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ เจ้าหน้าที่กัมพูชานำลวดหนามหีบเพลงออกจากพื้นที่ชายแดน พร้อมมีการกล่าวอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของทหารไทย
จากการตรวจสอบของหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี
ยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง ช่องระยี–ช่องเปรอ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
โดยเมื่อวันที่ 23 พ.ย.2568 เวลาประมาณ 09.00 น. ขณะกองร้อยทหารพรานที่ 2101 ปฏิบัติภารกิจวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อควบคุมพื้นที่และป้องกันการรุกล้ำจากฝ่ายกัมพูชา
เจ้าหน้าที่ชุดที่กำลังปฏิบัติงาน ได้รับรายงานจากชุดระวังป้องกันว่า
“มีกำลังทหารกัมพูชาประมาณ 20 นายเคลื่อนที่เข้ามาใกล้จุดปฏิบัติงาน”จึงมีการหยุดภารกิจชั่วคราว
และจัดกำลังที่ออกปฏิบัติงานเข้าไปเจรจา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดวางลวดหนามประมาณ 200 เมตร เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ
จากการพูดคุยนานประมาณ 20 นาที เจ้าหน้าที่กัมพูชาถอนกำลังกลับไปยังพื้นที่ของตนเอง
แต่เมื่อหัวหน้าชุดทหารพรานที่เข้าไปเจรจากลับมายังจุดเดิมพบว่า……
“ลวดหนามหีบเพลงที่เตรียมไว้สำหรับวางแนวควบคุมได้หายไป”!
หน่วยได้ควบคุมพื้นที่วางกำลังป้องกันโดยรอบ และได้มีการตรวจสอบวัตถุระเบิดในพื้นที่อย่างละเอียด
ปัจจุบัน หน่วยวางกำลังควบคุมพื้นที่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และได้นำลวดหนามใหม่เข้าไปติดตั้ง พร้อมปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
จากการประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าว มีความเสี่ยงต่อการซุกซ่อนวัตถุอันตราย
เช่น กับระเบิดและทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (PMN-2) เป็นต้น
และอาจเป็นเล่ห์เหลี่ยมของทหารกัมพูชาที่หลอกล่อให้ทหารเราติดตามเข้าไปในพื้นที่สังหาร
กองทัพภาคที่ 2 เน้นย้ำว่า เป็นการรายงานเหตุการณ์จริง ทุกการตัดสินใจ เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชา
ในการปฏิบัติงาน
รวมทั้งมองเห็นความสำคัญของการปกป้องอธิปไตย และการป้องกันตัวในความอยู่รอดของสนามรบเป็นสำคัญ
ครับ….อ่านแล้ว คันหัวจี๊ด!
มันไม่ใช่เล่เหลี่ยมทหารเขมรหรอก มันเป็นเล่ทื่อของฝ่ายเรามากว่า
ปล่อยให้เขมรมันปล้นเอา“ลวดหนามหีบเพลง”ไปชั่งกิโลขายต่อหน้า-ต่อตา โดยไม่มีปัญญาทำอะไรมันได้เลย
แล้วที่ชอบพูดกันว่า ขอให้มั่นใจ จะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้นน่ะ จะให้เชื่อกองทัพได้ไง?
แค่ลวดหนามกองอยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังปล่อยให้เขมรฉกเอาไปได้ แล้วที่เอามาวางใหม่ วางกันเขมรเข้ามาวางกับระเบิด หรือวางให้เขมรมันเอาไปชั่งกิโลเพิ่มอีก?
ไม่ยิงกระบาลมันก็ไม่ว่าอะไร
แต่กองทัพไม่คิดจับมันขณะลอบเข้ามาวางกับระเบิดและขะโมยลวดหนามหีบเพลง เอาตัวมันมาประจานหน้าให้โลกรู้ว่า
เขมร นอกจาก“ศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก”แล้ว
กองทัพเขมร…..
ยังเป็น“กองทัพขี่คอไทย”จะทำอะไร-อยากได้อะไร “ทัพไทย”ให้หมด-สดชื่น!
-เปลว สีเงิน
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
