24 กรกฎาคม 2568 – นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลได้รับรายงานจากที่ประชุม ศบ.ทก. และผู้แทนกองทัพบกว่าสถานการณ์ชายแดนนั้น ยืนยันชัดเจนจากข้อมูลและพยานหลักฐานพบว่าทหารกัมพูชาได้เปิดฉากใช้อาวุธก่อน โดยมีการบินโดรน (อากาศยานไร้คนขับ) เข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทยเพื่อยั่วยุ จากนั้นทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารไทย ซึ่งกัมพูชามีการใช้อาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้จรวดหลายลำกล้องขนาด122 มม.( จลก. BM 21) ยิงเข้าใส่พลเรือนไทยที่ชุมชนบริเวณชายแดนอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ กระสุนฝ่ายกัมพูชาตกใส่ บ้านประชาชนคนไทย โดยมีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย และเด็กอายุ 5 ขวบได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมคนในครอบครัวอีก 2 คน ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองได้อพยพประชาชนในพื้นที่ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ขณะที่ทหารไทยได้รับรายงานว่ามีบาดเจ็บกว่า 7 นาย โดยที่ประชุม ศบ.ทก.ได้รับรายงานว่ากองทัพไทยได้ตอบโต้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ โดย ศบ.ทก. ได้ให้กองทัพส่วนหน้าสามารถดำเนินการตัดสินใจในหน้างานได้ ส่วนการปิดด่านชายแดนได้ปิดทั้งหมด โดยดำเนินการปิดมาตั้งแต่ ช่วง 08.00 น.แล้ว
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการลดระดับทางการทูต ส่วนการประท้วงในองค์กรต่างๆได้มอบให้ กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการว่าที่ผ่านมาประเทศไทยถูกละเมิดและถูกยั่วยุ และสร้างสถานการณ์อย่างไรบ้างตลอด กว่า 7 เดือนที่ผ่านมาจากฝ่ายกัมพูชา โดยให้เตรียมพยานหลักฐาน ตั้งแต่ มาขุดสนามเพาะ และกลบ และถอนกำลังออกไป โดยทิ้งกับระเบิดไว้จำนวนมาก และพยานหลักฐานที่ทหารไทย ได้รับบาดเจ็บสาหัสว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นระเบิดใหม่ พิสูจน์ทราบได้ว่าเมื่อก่อนเดินลาดตระเวนเราไม่เคยมี แต่ตอนนี้เป็นระเบิดที่เกิดใหม่ทั้งหมดในเวลาใกล้เคียงกัน ดังนั้นเรายกระดับการตอบโต้ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว