“วัว-ควายต้องต้อน-คนต้องนำ”

“เรามีเวลาซ้อมใหญ่ มา ๒ เดือนแล้ว ขณะนี้ ทุกคนจะต้องทำจริง ไม่มีการซ้อมอีกแล้ว”
-ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
๑๕ มีค.๖๓ครับ…นี่เป็นคำเตือนจาก”คุณหมอยง”
“หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

ขณะนี้ โควิด-๑๙ มันคือ “ยมทูตใต้พิภพ” ผุดขึ้นมาดับอหังการมนุษย์
มันไร้ตัว-ไร้ตน แพร่และแผ่คลุมไปทั้งโลก

“ยัง กัมมัง กะริสสันติ”
ใครทำกรรมอย่างใด กับใคร กับประเทศไหนไว้ ถึงคราวต้องรับกรรมนั้นแล้ว
มันน่าสะพรึงยิ่งนัก มันมา มันเข้าร่าง วันไหน-เวลาไหน ไม่มีใครรู้
เมื่อรู้ ก็หมายความว่า ชีวิตกับความตาย “คนละครึ่ง” ที่ต้องยื้อแย่งกัน
ขณะนี้ ทั่วโลก ติดเชื้อหมื่นราย/วัน (เป็นอย่างน้อย)

มนุษยชาติกำลังตกอยู่ในวงล้อม และถูกโจมตี ชนิด รุกฆาต!
แต่ไทยเรา “ทีมสาธารณสุข” โดยแพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ และการตื่นตัวภาครัฐ
ถือว่า “เยี่ยม”!

ตั้งแนวรับจนโควิดไม่สามารถบุกฝ่าแนวต้านเข้ามาถึงตัวคนไทยได้โดยตรง

เพียงแฝงร่างคนเดินทางจากต่างประเทศหลุดรอดเข้ามาระดับสิบเท่านั้น

ไทยตอนนี้ แทบหลุดทำเนียบประเทศโควิดระบาด
จนสหรัฐ-ยุโรป ต้องออกปากชม เและยกไทยเป็นประเทศตัวอย่างในการรับมือโควิด-๑๙

แรกๆ เขาประเมินศักยภาพการแพทย์เราต่ำ
มองว่า เมื่อระบาดในจีน ไทยเป็นประเทศนักท่องเที่ยวจีนมากที่สุด ฉะนั้น รองจากจีน ที่จะเป็นเหยื่อโควิด ก็ไทยนี่แหละ

แต่ผิดคาด….
สาธารณสุขไทย “พัฒนา-ก้าวหน้า” เหนือโลกคาดหมาย “บล็อคโควิด” อยู่หมัด

ที่ติดเชื้อ ก็รักษาหาย มีรายเดียวเสียชีวิต เพราะป่วยโรคอื่น

ขณะเดียวกัน ยุโรป-สหรัฐฯ ผู้เหยียดคนเอเชีย ว่าเป็นตัวเชื้อโรคน่ารังเกียจ ต้องพวกเขา อารยะวิทยาการล้ำหน้าเหนือโควิด

แต่พอโควิดไปถึง ปรากฏว่าชนชั้นอารยะยุโรป-สหรัฐ “ร่วงผล็อยๆ” ที่คุยโว ก็เงิบ เหมือนถูกง่อยกิน

ตีซะว่า การแพทย์-การสาธารณสุขยุโรป-สหรัฐฯ ก้าวหน้าเลยหัวโควิด-๑๙ ไป เลยทำอะไรตื้นๆไม่เป็น
และทั้ง ขีปนาวุธ นิวเคลียร์ เครื่องบินเหนือเสียง-เหนือแสง และเทคโนโลยีไอทีล้ำโลก “เครื่องมือสยบโลก” ทั้งหลาย

เจอเจ้าไวรัสโควิด กระจิดริดจนมองด้วยตาไม่เห็น แต่เจ้ามหาประลัยโลกเหล่านั้น

“สากกระเบือ” ยังมีท่าซะกว่า!
ยุโรปทั้งทวีป วันนี้……

องค์การอนามัยโลก WHO ประกาศให้เป็น “ศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙” ไปแล้ว ตั้งแต่ ๑๓ มีค.๖๓

บรรยากาศความตายและซากศพ ไม่เฉพาะประเทศในยุโรป หากแต่แผ่คลุมทั้งทวีป

ไม่เพียงประชาชน ตกอยูู่ในสภาพ คุกเข่าอ้อนวอนความตาย
ระดับประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี เรื่อยลงไป “หลายประเทศ” ก็ตกอยู่ในสภาพนั้น

ใครจะคิด “ซีกโลกตะวันตก” ผู้หยิ่งผยอง จะมีวันนี้
ยุโรป “ปิดประเทศ” ในสภาพจำนนความตาย

สหรัฐฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หนีตาย (มาก)!

ในขณะที่ “ซีกโลกตะวันออก” ผู้ถ่อมตน ทั้งจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน ประกาศชัยชนะเหนือโควิด

ไทย ที่ถูกปรามาส “ไม่รอดแน่”…….
เพราะโควิด เป็น “โรคเกิดใหม่” อย่าพูดถึงยารักษาเลย ทั้งโลก ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ไวรัสตัวนี้สายพันธุ์ไหน มาจากไหน ระบาดตูมตามขึ้นได้อย่างไร?
จีน “ต้นตอระบาด” ที่อู่ฮั่น ใหม่ๆ ก็ยังมืดแปดด้าน
สำมะหาอะไรกับไทย เมื่อระบาด จะรับมือไหวหรือ?

แต่การแพทย์-การสาธารณสุขไทย กลับทำให้วงการโลกเซอร์ไพรส์
สามารถหยุดการระบาดภายในของโควิดได้ ๑๐๐%

ที่ป่วย ก็จากคนนอก นำติดตัวเดินทางเข้าไปเท่านั้น แพทย์ไทยรักษาให้หายได้ ส่วนระบาดภายในไม่มี
ไทยเป็นประเทศที่ชาติตะวันตก ยกให้เป็น “ตัวอย่าง” ในการรับมือโควิด
ที่ตำหนิ ด่าว่า ก็มีเพียง “คนไทย” ด้วยกันเท่านั้น

ทองยังมีขี้ ไม้สักยังมีเสี้ยน คน-ย่อมมีประเภท “นรกส่งลงมาเกิด” บ้าง ก็เป็นธรรมดา

ทั้งแพทย์ ทั้งรัฐบาล ไม่ต้องสนใจ
ดียังไง พวกนรกส่งมาเกิด มันก็ว่าเลววันยังค่ำ จนกว่าพวกเขาจะได้ระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจ นำประเทศไปอยู่ใต้คอนโทรล “ไซออนิสต์” ที่ควบคุมกลไกสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมาย “อำนาจเดียวครองโลก” นั่นแหละ

นี่………
ผมก็สรุปสถานการณ์ในภาพรวมให้ทราบกัน
ก็เพราะแนวหน้า “แพทย์-พยาบาล-บุคลากรการแพทย์” ของเราเก่ง ดังโลกรู้

ทำให้ “แนวหลัง” คือพวกเราทั้งหลาย ปลอดภัยแล้วระเริง ว่าไม่เห็นมีอะไร ก็กิน เที่ยว เล่น เหมือนเดิม
รัฐบาล สาธารณสุข ประกาศเตือนอย่างไร ขอความร่วมมือขนาดไหน ก็เมิน นอกจากเมินยังอวดเก่ง อวดรู้
แถมด่ารัฐบาล สอนรัฐบาลซะอีก!

ยิ่งพวกไฮโซบางคน พวกดูงานต่างประเทศ พวกทัวร์ไฟไหม้ ต้องไปแช๊ะภาพมาอวดให้ได้
ไปเฉิ่มแฉะกันมาแล้ว แทนที่จะกักตัวดูอาการ ๑๔ วัน
ฮึ…ไม่

นอกจากไม่ ยังทำตัวเป็นขยะเปียก โพสต์เฟซ ลงข่าวสังคม อวดโก้ที่น่าขยะแขยงซะอีก
และบางพวก กิน เที่ยว เล่น มั่วสุมกับกลุ่มคนประเทศเสี่ยง อย่างที่เป็นข่าว ดื่มแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน
ไม่ใช่เพราะยาจก ที่ทำแบบนั้น
แต่มันเป็นวิถีเมามันของไฮโซ เคลิ้มกันให้หลุดโลก

ผล…เฉพาะตัวต้นเหตุ ติดเชื้อรวดเดียว ๑๑ คน
แล้วที่ไปแพร่เชื้อที่นั่น-ที่นี่ไว้อีกไม่รู้เท่าไหร่ คิดแล้วสยอง ระยะ ๓ คือ “การระบาดสู่กันเองภายใน”
……….เห็นท่าจะ “หนีไม่พ้น” แน่!
ก็คงถึงขั้นอย่างที่ “คุณหมอยง” เปรยนั่นแหละ ว่า

“เรามีเวลาซ้อมใหญ่ มา ๒ เดือนแล้ว ขณะนี้ ทุกคนจะต้องทำจริง ไม่มีการซ้อมอีกแล้ว”

เพราะพวกเราไม่เชื่อ-ไม่ฟังมาตรการที่สาธารณสุขและรัฐบาลประกาศเตือนนั่นแหละ

ไวรัส “โควิด-๑๙” จึงสู่ขั้น ติดต่อสู่กันระดับ “กลุ่มคน” แล้ว! และนี่……

๑๕ มีค.๖๓ “นพ.สุขุม กาญจนพิมาย” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ โควิด-๑๙ ล่าสุด
พบผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ เพิ่ม(พรวดเดียว)อีก ๓๒ ราย

แยกตามแหล่งที่ไปรับเชื้อมา ดังนี้
-จากสนามมวย ๙ คน
-จากผับ ๓ คน
-จากสุวรรณภูมิ ๓ คน
-จากไปเที่ยวต่างประเทศ ๗ คน
-จากชาวต่างชาติ ๒ คน
-จากกลุ่มข้าราชการไปดูงานที่ประเทศสเปน ๑ คน
-จากเจ้าของร้าน ๒ คน

ขณะนี้ยังรอผลยืนยัน อีก ๕๑ คน
รวม…พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ รวม ๑๑๔ คน
รักษาหายกลับบ้านแล้ว ๓๗ คน
นอนรักษาในโรงพยาบาล ๗๘ คน เสียชีวิต ๑ คน

สำนึก “เห็นหายนะ” กันหรือยังล่ะ หรือจะยังลั้นลากันเหมือนเดิม?

นายกฯ ในฐานะหัวหน้า “ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-๑๙”

จะปิดผับ ปิดบาร์ ปิดสถานบันเทิง สนามมวย สนามม้า สนามกีฬา หรือกิจกรรมใด ที่ต้องไปอยู่รวมกันเปนสิบ-เป็นร้อย
ก็สั่งปิดเลย อย่ารอถึงขั้นต้อง “ปิดประเทศ”!

“ตามใจคือไทยแท้” จนเสียนิสัยกันมานาน ยิ่งทุกวันนี้ มีกลุ่มสถุลปลุกเร้า
สิทธิมนุษยชน “ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ”!
เลย “คลั่งก่อนวัย” ตั้งแต่รุ่นคอซอง!

ขืนไปฟังเสียงพวกนี้ ไม่ใช้มาตรการเข้ม ไม่เด็ดขาด ไม่เชือดพวกลองดีให้เห็นซักราย-สองราย
ปลายมันจะบาน ถึงขั้น “ต้านรับไม่อยู่”!

เพราะไม่มีวินัย ไม่เชื่อฟังหมอนั่นแหละ จากภายนอกนำเชื้อเข้ามา จะขยายตัวเป็น ระบาดสู่กันเองภายใน
จากสถานชุมชน พวกเที่ยวเมืองนอก ผีน้อย-ผีใหญ่ ไม่ยอมกักตัว
จะค่อยๆ ระบาดเข้าสถานศึกษา มหา’ลัย โรงเรียน วัด ศาสนสถาน ตลาด ชุมชน ห้างสรรพสินค้า และบ้านเรือน

อย่าลืม……
พาหะชุดใหม่ จากยุโรป-สหรัฐฯ จะพาเหรดกลับเข้ามาไทย ยังไงๆ ไม่ต่ำกว่าอีกหมื่นคนแน่!

ถ้าไม่เข้มตั้งแต่ตอนนี้ “ผู้ดียุโรปกลับบ้าน” แน่ใจหรือว่า จะไม่มีการ “พยักพเยิด” หลุดรอดการกักตัว ๑๔ วัน

เพราะไทยจากยุโรป พูดตรงๆ คนละเกรดกับผีน้อย ระบบเส้นสาย อาจทำให้ผีใหญ่หลุดรอด จึงขอย้ำเตือน

สรุป สถานการณ์ถึง ณ ขณะนี้………
ประเทศไทยแข็งแกร่ง “โควิด” ยังทะลวงกำแพง “แพทย์-พยาบาล-บุคลากรการแพทย์” เข้ามาไม่ได้
ถ้าพวกเรา”ไม่เจาะกำแพง” กันเอง

ภายใน ยังไงก็ “เอาอยู่”!
หน้ากากอนามัยตอนนี้ ดูท่าจะสำคัญอันดับ ๒
อันดับแรก น่าจะเป็น “ถุงมือ”
รัฐบาลไม่คิดนำยางพาราที่ล้นประเทศแปรรูปเป็น “ถุงมือ” แจกจ่ายชาวบ้านและส่งขายไปทั่วโลกบ้างหรือ?

เพราะ “มือ”
เป็นตัวแพร่เชื้อสู่คนอื่นและนำเข้าตัวเอง “มากที่สุด”!

Written By
More from plew
่อ่าน “จะได้เป็นรัฐบาล” #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน ดีใจสุดๆ…. เมื่อทราบว่า “เข็มทิศ” ชี้บอกอนาคตประเทศ “พุ่งพรวด”! จากสถิติงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ” ครั้งที่ ๒๙ ที่...
Read More
0 replies on ““วัว-ควายต้องต้อน-คนต้องนำ””