เปลว สีเงิน
“พระ” กับ “แพทย์” นี่
จะต่างกันก็ตรง “พระ” อยู่วัด ครองจีวร ถือศีล ๒๒๗ ข้อ
“แพทย์” อยู่โรงพยาบาล สวมชุดขาว ถือจรรยาบรรณ ๖ ข้อ และข้อบังคับแพทยสภา “ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม” อีก ๖๒ ข้อ
ส่วนหน้าที่ “พระ” กับ “แพทย์” หลักๆ ในภาพรวมแล้ว “ไม่ต่างกัน” เลย!
คือ “ทั้งพระ-ทั้งแพทย์” มีหน้าที่ “สงเคราะห์ชาวโลก” ขจัดทุกข์-สร้างสุข โดยไม่เลือกชั้น-วรรณะ ไม่เลือกคนดี-คนไม่ดี คนรวย-คนจน
สำหรับพระ เรียกว่า “โปรดสัตว์”
จากทุกข์ ให้ไม่ทุกข์ จากเห็นผิด ให้เป็นเห็นชอบ
สำหรับแพทย์ เรียกว่า “ชีวิตคนไข้มาก่อน-การกินอยู่หลับนอนของหมอมาทีหลัง”
ยาที่พระใช้รักษา ยี่ห้อ “ธรรมโอสถ”
ให้ยาผู้ป่วยทางจิต ผ่านทาง “ตา,หู,จมูก,ลิ้น,กาย และใจ” เพราะใจ คือ “ประธานสรรพสิ่ง”
เมื่อสติมา-ใจตั้ง ทางกายจะป่วยได้อย่างไร ในเมื่อใจคือ “ประธานกาย” สบายโล่ง เพราะทางธรรม
“กายกับจิต” แยกเป็นคนละส่วนกัน!
ส่วนแพทย์ใช้ยา สารประกอบทางเคมีหรือเชื้อจุลชีพในทางรักษา ผ่าน ๙ วิธี คือ กิน,อม,ดม,ทา,ผ่า,ใส่,สอด,หยอด,เสียบ
นั่นคือ มุ่งรักษา “ทางกาย” เป็นหลัก
เพราะทางแพทย์ กายกับจิต “ส่วนเดียวกัน” “ร่างกาย” คือประธาน รักษากายให้หายป่วย เมื่อกายหายป่วย ใจคนป่วยก็จะสบาย สรุปว่าหายป่วย
วันก่อน คุยกับ “นายแพทย์ไพโรจน์ เครือกาญจนา” รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถี
ภาระหน้าที่ท่านตอนนี้ คือ….
การ “สร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน” เป็นอาคาร ๑๑ ชั้น ของโรงพยาบาล
พร้อมจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี
เพราะปัจจุบันนี้ ขนาด “ขยายแล้ว-ขยายอีก” ก็ยังไม่พอรองรับผู้ป่วยที่มาขอรับการรักษา
เฉพาะ “รายฉุกเฉิน” อย่างเดียว ก็ปีละร่วมแสนรายแล้ว
ตอนนี้ น่าจะเกินแสนราย/ปี แล้วด้วยซ้ำ!
อาคารฉุกเฉินนี้ จะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ ล้าน
แต่ดูเหมือนกระทรวงเจียดงบมาให้ซัก ๙๐๐ ล้านบาท
ที่เหลือก็เป็นหน้าที่โรงพยาบาลต้องไปเสกหามาเอง เพื่อสร้างให้สำเร็จ
ผู้รับหน้าที่งานนี้ คือ”นพ.ไพโรจน์”
ท่านก็เก่งนะ ทั้งหาผู้ใจบุญที่มีเงินทองเหลือใช้มาบริจาค ท่านใดบริจาคตั้งแต่ ๓ แสนบาท ไปจนถึง ๑๐๐ ล้านบาท
ก็จะจารึกบนแผ่นป้าย, ทำแผ่นป้ายชื่อติดตามชั้น-ตามห้อง พร้อมมอบสิทธิทางการรักษาพยาบาล “บางส่วน” ให้
แต่ก็นั่นแหละ….
โรงพยาบาลราชวิถี ได้ชื่อว่าโรงพยาบาล “ขวัญใจคนยาก”!
ผู้มารับการรักษามากมายปานมดปลวกในแต่ละวัน-แต่ละแผนกโรค
ลำพังตัวและครอบครัวคนป่วย ใจแต่ละคน เขาก็คงอยากช่วย-อยากบริจาคกันคนละมากๆ อยู่หรอก
เพราะเลื่อมใสศรัทธา ต่อการดูแล-เอาใจใส่ของแพทย์-พยาบาล-บุคลากร ของโรงพยาบาลแห่งนี้
แต่อย่างว่า เขาป่วย..เขามา..เขาอยู่ในภาวะ “กระเบียดกระเสียน” ยิ่งนัก
ฉะนั้น ก็อยากบอกตรงนี้เลย บริษัท/ห้างร้าน/บุคคล ที่มีเงินพอจะทำบุญสงเคราะห์กับโรงพยาบาลได้
เพื่อเพื่อนมนุษย์ โดยช่วยกันสร้างอาคารผู้ป่วยฉุกเฉินให้สำเร็จ
ติดต่อเพื่อบริจาคได้ที่ “มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี” ชั้น ๑ ตึกสิรินธร, ชั้น ๒ อาคารทศมินทราธิราช
โทร.๐-๒๓๕๔-๗๙๙๗-๙ โทรสาร ๐-๒๓๕๔-๗๙๙๖
โบสถ์ วิหาร พระประธานใหญ่ๆ เราก็สร้างกันมามากแล้ว สร้างโรงพยาบาล-สร้างโรงเรียน-สงเคราะห์ผู้ยากไร้นี่แหละ
อานิสงส์สุดประเสริฐ “บังเกิดผล” แน่นอน ทั้งภพนี้และภพหน้า
ผมจะนำเบอร์โทร.ส่วนตัวคุณหมอไพโรจน์มาบอก เผื่อบางท่านต้องการติดต่อสอบถามรายละเอียดเพื่อการบริจาคโดยตรง แต่ก็ลืมเบอร์ไป
แล้วจะนำมาบอกวันหลัง ลำพังบริจาคคนละร้อย-คนละพัน อย่างผมนี่ ที่กะว่าจะเปิด “อาคารผู้ป่วยฉุกเฉิน” ในปี ๒๕๖๘ เห็นจะเสร็จได้ยาก
ก็ต้องขอพึ่งผู้ใจบุญรายใหญ่ๆกันโดยตรงนี่แหละ!
ก็ไม่เพียงทางนี้ทางเดียวที่คุณหมอพยายาม อีกทางหนึ่งในการหาเงินสมทบสร้าง
คุณหมอท่านจัด “ทอดผ้าป่ามหากุศล” กับครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” ขึ้น
ช่วง “เสาร์-อาทิตย์” ที่ ๑๖-๑๗ มีนา.๖๗ ที่ห้องประชุมพิบูลสงคราม ชั้น ๑๒ อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ราชวิถี
โดยตอนเย็นวันที่ ๑๖ มีนา.๑๘.๐๐ น.มีเจริญพระพุทธมนต์และแสดงพระธรรมเทศนา
ตอน ๐๗.๐๐ น.วันอาทิคย์ ๑๗ มีนา.ร่วมตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง และร่วมพิธีทอดผ้าป่า
ส่วน “หน่อเนื้อพระชินสีห์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า” ที่มาเป็น “เนื้อนาบุญประเสริฐ” ให้สาธุชนในการทอดผ้าป่ามหากุศลครั้งนี้ ประกอบด้วย
-พระราชวชิรธรรมาจารย์ (พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อุดรธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
-พระอาจารย์ไพรินทร์ สิริวัฑฒโน เจ้าอาวาสวัดสังฆทาน นนทบุรี
-พระอาจารย์สุชิน ปริปุณโณ เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิต ระยอง
-พระอาจารย์สัมฤทธิ์ ฐิตสิทธิ เจ้าอาวาสวัดถ้ำจุนโทปฎิปทาราม ตาก
-พลเอก หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ที่ปรึกษากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ประธานฝ่ายฆราวาส
นี่ไง ที่ผมว่า “พระกับแพทย์” มีหน้าที่ “สงเคราะห์ชาวโลก” เหมือนๆกัน
คุณหมอไพโรจน์เล่าให้ผมฟังว่า หลังจากท่านจบแพทย์ศิริราชด้านผ่าตัด
ก็ไปเรียนต่อ “มหาวิทยาลัยโตเกียว” ที่ญี่ปุ่น มีภรรยาเป็นชาวญี่ปุ่น ถ้าจะเป็นแพทย์อยู่ญี่ปุ่นก็ต้องสละสัญชาติไทยไปเป็นญี่ปุ่น
ท่านตรองแล้วตัดสินใจ เอาความรู้ที่ได้ กลับไปช่วยพี่น้องคนไทย ในบ้านเมืองไทยของเราดีกว่า
กลับมา ทั้งที่เลือกได้ แต่ท่านเลือกไปอยู่โรงพยาบาลสุดขอบประเทศ ที่แม่ฮ่องสอน
แล้วก็ย้ายวนเวียนอยู่แถบถิ่นกันดาร-บ้านป่า ที่เลยบ้าง อีกหลายจังหวัดแถวอีสานบ้าง จนภรรยาพ้อ
คุณหมอห่วงชาวบ้านมากกว่าห่วงเมีย ขนาดแท้งลูกถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา คุณหมอก็ไม่เคยอยู่ดูแลเลย
ก็เลยต้องตัดใจกลับมาเป็นหมอในกรุง ไม่งั้น ภรรยาลาจากกลับไปอยู่ญี่ปุ่นแน่!
ตอนเป็นหมออยู่ “โรงพยาบาลนาแห้ว” วันหนึ่ง มีพระมาที่โรงพยาบาล ท่านเดินดูๆ แล้วบอกว่า “ขาดเหลืออะไรก็ให้บอกนะ”
พระที่ว่านั้น คือ “พระหลวงตามหาบัว” นั่นเอง แต่คุณหมอยังไม่ซึ้งในด้านว่า พระจะมาช่วยได้อย่างไร?
ตอนนั้น โรงพยาบาลนาแห้ว รถที่จะเข้าป่าตะกุยภูเขาขึ้นไปรับคนป่วยก็ไม่มี ตู้อบผ้าฆ่าเชื้อโรคก็ไม่มี ต้องหอบไปข้ามอำเภอไปให้โรงพยาบาลที่มีช่วยสงเคราะห์
เมื่อสิ้นสุดทางเลื่อน คุณหมอจึงลองไปหาหลวงตาพระมหาบัวที่วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี กราบนมัสการขอพึ่งบารมี
ทีนี้ซึ้งถึงคำว่า “พระมาโปรด” ทันทีเลย
หลวงตาท่านจัดการหาให้ทั้งรถยนต์ตะกุยเขา ทั้งเครื่องอบผ้าและไม่เพียงโรงพยาบาลนาแห้วที่เดียว
เป็นที่รู้และศัทธากันทั่วท้น ไม่ว่าโรงพยาบาลไหนขาดแคลนอะไร ไปบอกหลวงตา
องค์หลวงตาจัดหาให้เพื่อใช้บริการ ดูแลรักษาชาวบ้านทันที จนทุกวันนี้ ทั้งรัฐบาล ทั้งกระทรวง จะสร้างจะซื้อเครื่องมือแพทย์ราคาแพงๆ
แพทย์ต้องไปพึ่งพระ จัดทอดผ้าป่า
นำเงินจากผู้มีศรัทธาไปซื้อหา ไปสร้างโรงพยาบาล
อย่างตอนนี้ “หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก” วัดป่านาคำน้อย และ “พระอาจารย์สุธรรม” วัดป่าบ้านตาด ศิษย์หลวงตา
รับนิมนต์เป็นองค์ประธาน “ทอดผ้าป่า” ให้โรงพยาบาลหลายต่อหลายแห่ง เพื่อสงเคราะห์มนุษยชาติผู้ลำบากยากไร้
ผมจึงไม่แปลกใจ ที่คุณหมอไพโรจน์ อาราธนาครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น มี “พระอาจารย์สุธรรม” เป็นประธานในการทอดผ้าป่า ๑๖-๑๗ มีนา.นี้
คุณหมอเล่าอะไรๆ ให้ผมฟัง รวมทั้งเรื่อง “นพ.บัณฑิต สงวนแก้ว” เพื่อนหมอจากจุฬาฯ แต่เป็นหมอจาริกอยู่บ้านนอกเหมือนกัน
เมื่อนพ.บัณฑิต เห็นปฎิปทาพระป่าและได้ฟังธรรม ก็กายน้อม-มโนตั้ง สละโลก บวชเป็นพระ
เราคงเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับท่านบ้างแล้วกระมัง คือเมื่อ ๗-๘ ปีก่อน “พระอาจารย์บัณฑิต” เจ้าอาวาส “วัดป่าตอสีเสียด” อุดรธานี
ถูกจ่อยิง “มรณภาพ” ขณะเดินกลับจากบิณฑบาต
ก็วันที่ ๑ มีนา.นี้แหละ แต่เป็นปี ๒๕๕๘
ท่านเชื่อ “อดีตกรรม” มั้ย?
แล้ววันหลัง ผมจะนำที่คุณหมอไพโรจน์เล่ามาเล่าให้ฟัง ว่า “พระอาจารย์บัณฑิต” ท่านรู้ “วาระสุดท้าย” ของท่านอย่างไร และท่านทำอย่างไร ก่อนเดินไป เพื่อให้เขายิง!?
เอาละ…ก็ขอเชิญไปที่ชั้น ๑๒ อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ราชวิถี ฟังธรรม ตอนเย็น ๑๖ มีนา.
และไปตักบาตรตอนเช้า ๑๗ มีนา.กับครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น พระผู้เป็น “เนื้อนาบุญประเสริฐ” ด้วยศรัทธาแห่งจิตเป็นที่ตั้งของท่านทั้งหลายกันเถิด
ร่วมทำบุญด้วยการโอนเข้าบัญชีได้ ที่บัญชีกระแสรายวัน ธ.ไทยพาณิชย์ สาขา รพ.ราชวิถี
เลขที่ ๐๕๑-๓-๐๑๘๐๖-๓ ระบุวัตถุประสงค์ “ผ้าป่ามหากุศล” https://www.rajavithifoundation.com/front/index.php
ส่งหลักฐานการโอนเงินผ่าน ID Line:@rajfd หรือ E-mail :[email protected]
เขียนชื่อ-นามสกุล และที่จัดส่งทางไปรษณีย์ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อจะได้ส่ง “ใบเสร็จ” มาให้ท่าน
ถ้าระบุเลขบัตรประชาชนไปด้วย ลดหย่อนภาษี E-Donation ได้ ๒ เท่า ที่ไม่แจ้ง ลดได้ ๑ เท่า
เอาเท่านี้ก่อนนะครับ…
แล้ววันใกล้ๆ ผมจะทอดสะพานบุญให้ท่านเดินไปร่วมกันที่โรงพยาบาลราชวิถีอีกครั้ง
เปลว สีเงิน
๑ มีนาคม ๒๕๖๗