“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช ควง “สส.สุธรรม” สร้างการเมืองมิติใหม่ ลุยทำงานเพื่อ ปชช. พร้อมร่วมถกสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ขับเคลื่อนต่อ “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี” สร้างโมเดลความสำเร็จ ตั้งเป้าผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์
วันที่ 2-3 กันยายน 2566 ที่อำเภอเมือง-ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสุธรรม จริตงาม สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ นายวัชระ กรรณิการ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายทวี สุระบาล สส.จังหวัดตรัง เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ และนายคอซีย์ มามุ สส. จังหวัดปัตตานี เขต 2 ลงพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช รับฟังเสียงพี่น้องประชาชน เดินหน้าแก้ปัญหา พัฒนาพื้นที่ สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับพี่น้องประชาชน
โดยนายสนธิรัตน์ และนายสุธรรม ได้เปิดเวทีถก “ทิศทางการพัฒนาอำเภอทุ่งสง” ซึ่งมีผู้นำชุมชน 13 ตำบล ในอำเภอทุ่งสง เข้าร่วมกว่า 100 คน นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งนี้ ตนตั้งใจมาช่วย สส.สุธรรม จริตงาม ในการลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชนในการพัฒนาขับเคลื่อนพื้นที่อำเภอทุ่งสงนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมาวันนี้ก็ได้รับทราบหลายปัญหาในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำแล้ง น้ำหลาก ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ เช่น ราคามังคุด ยางพารา ปัญหายาเสพติด และปัญหาพื้นที่ทำกิน เป็นต้น ซึ่งตนและ สส.สุธรรม เก็บรวบรวมทุกปัญหา เพื่อนำไปสู่การวางแนวทางการบริหารให้สอดรับกับทุกปัญหาที่ผู้นำชุมชนได้สะท้อนออกมา ซึ่งตนในฐานะประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พร้อมจะช่วยคิด ช่วยวางแนวทางแก้ปัญหาให้อย่างแน่นอน
“การลงพื้นที่ในวันนี้ ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมืองที่ยึดปัญหาพี่น้องประชาชนและบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าผมและ สส. สุธรรม มาพร้อมกับ สส. ทวี จังหวัดตรัง และ สส. คอซีย์ จังหวัดปัตตานี มาลงพื้นที่ร่วมกัน เพราะแนวทางการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ เน้นการทำงานทั้งองคาพยพ ผมเชื่อว่าการพัฒนาและการแก้ปัญหา ที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนต้องมาจากความร่วมมือที่จะปิดจุดด้อย ส่งเสริมจุดเด่นร่วมกัน ดังนั้น สส. ภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐหรือแม้แต่ สส. ทุกภาคก็ยึดแนวทางการทำงานแบบนี้ วันนี้ ผมอยากให้พี่น้องประชาชนชาวทุ่งสงมั่นใจในตัว สส.สุธรรม ว่าท่านเลือกคนไม่ผิดแน่นอน” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสุธรรม กล่าวยืนยันว่า ตนมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน จะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนเข้าไปขับเคลื่อนงบประมาณเข้ามาพัฒนาแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่ สส. อีเว้น งานศพ งานบวช งานแต่ง แต่ตนจะเป็น สส. ที่ประชาชนเข้าถึง ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อแม่พี่น้องทุกคน ตามนโยบายที่ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐตั้งมั่นไว้เป็นแนวทางให้ สส. ของพรรคทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนในพื้นที่อย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะเดินหน้าโครงการ สส. สัญจร พบปะพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ต่อไป
จากนั้น นายสนธิรัตน์ และ นายสุธรรม ได้เดินทางไปดูพื้นที่ช่องเขาหินลูกช้าง พร้อมรับหนังสือติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนเขตป่าสงวนช่องเขาหินลูกช้าง จากนายเดชพล แก้วคุ้มภัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาไม้ไผ่ ซึ่งดำเนินการยื่นเรื่องมาตั้งแต่ปี 63 แต่โครงการไม่คืบหน้า เนื่องจากติดกฎหมายของกรมป่าไม้ โดยโครงการตัดถนนดังกล่าว จะเป็นเส้นทางสัญจร และการขนส่งพืชผลทางการเกษตร ที่เชื่อมต่อพื้นที่อำเภอทุ่งสง เช่น ตำบลเขาขาว และอำเภอทุ่งใหญ่ ไปจนเชื่อมต่อจังหวัดกระบี่และภูเก็ตได้ นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตห้กับอำเภอทุ่งส่ง เนื่องจากเขาหินลูกช้าง เป็นจุมชมวิวที่สามารถมองเห็นอำเภอทุ่งสงได้ทั้งเมือง และบางพื้นที่ในจังหวัดตรังและกระบี่ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ที่โรงแรมทวินโลตัส อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พบปะตัวแทน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ภาคใต้ 14 จังหวัด ประกอบด้วย กลุ่มจังหวัดอันดามัน กลุ่มจังหวัดอ่าวไทย และกลุ่มจังหวัด 3 ชายแดนใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ บริษัทประชารัฐฯ จากอดีต ปัจจุบัน อนาคต จะไปอย่างไร ในระหว่างการประชุมสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ ภาคใต้ ครั้งที่ 3/2566
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ภายใต้แนวคิดความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อเป้าหมายสร้างชุมชนทั่วประเทศให้เกิดความเข้มแข็งที่คลอบคลุมทั้งด้านสังคม อาชีพ รายได้ คุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อม
โดยพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาบริษัทประชารัฐฯ ทั่วประเทศต่อไป เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจฐานรากเพราะวันนี้ตนเชื่อว่าบริษัทประชารัฐฯ ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนชุมชนทั่วประเทศให้อยู่ดีกินดีและพึ่งพาตัวเองได้
“บริษัทประชารัฐรักสามัคคี เป็นเครื่องมือที่ดี และยังเป็นความหวังของชุมชนที่จะสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งได้ โดยรวมเอาจุดดีของ CSR ระบบสหกรณ์ และ Business model ของภาคเอกชนมาบูรณาการเป็นบริษัทประชารัฐรักสามัคคีซึ่งวันนี้พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจที่จะสร้างให้เข้มแข็งและเติบโตก้าวไปให้ถึงตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นโมเดลความสำเร็จของบริษัทประชารัฐรักสามัคคี และเป็นเครื่องมือแก้จนให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้อย่างยั่งยืน” นายสนธิรัตน์ กล่าว