สมุหกลาโหม “คลังแสง” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ..⬇️

เปลว สีเงิน

พรรคเพื่อไทย ที่เงียบเฉามา ๙ ปี
กลับมาแดงเจิดจ้าอีกครั้ง
คึกคัก คราคร่ำ ด้วยผู้คนและเสียงหัวเราะ พูดจาสัพยอกหยอกล้อ สดใส
ทั้งสส. ทั้ง “ว่าที่พณฯ ท่าน” เข้า-ออก ขวักไขว่

บ้างล้อมหน้า-ล้อมหลัง แสดงความยินดี บ้างขอฝากเนื้อ-ฝากตัว ลิฟต์ถูกกดขึ้น-กดลง จนสลิงท้อ กูอยากจะขาดซักผึง!

กลิ่นหอมอำนาจโชยตลบ เคล้าเสียงประจบสอพลอ เยินยอกันไม่ขาดสาย

ณ ที่รโหฐานอีกแห่ง …..
“รอยัล สวีท” ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ

ทักษิณ “นักโทษเทวดา” ยังคงเร้นกายที่นี่ ชนิดแพทย์ตอบไม่ได้ จะหายป่วย มีตัวออกไปปรากฎให้เห็นเป็นบุญตากันได้หรือไม่ และเมื่อไหร่?

“อุ๊งอิ๊ง” เข้าเยี่ยมพ่อเป็นวันที่ ๒

นักข่าวรุมถามด้วยเสียงแสร้งห่วงใย “อาการคุณพ่อเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“อ่อนเพลีย ดูท่านไม่สดชื่นเหมือนเดิม เห็นว่าท่านเครียด”

“แล้วเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษล่ะ ทางครอบครัวจะดำเนินการอย่างไร?”
“เป็นดุลยพินิจของคุณพ่อจะจัดทำเมื่อไหร่ ก็ให้คุณพ่อเป็นคนจัดการค่ะ”

ตัดฉากไปที่รโหฐาน อีกแห่งหนึ่ง
ณ เรือนจำกลางคลองเปรม หรือคุกลาดยาว

๒ นักโทษคุก ๔๘ ปี “บุญทรง เตริยาภิรมย์” กับนักโทษคุก ๓๖ ปี “ภูมิ สาระผล”

รมว.และรมช.พาณิชย์ ผู้ยอมทุจริตขายข้าวจีทูจีเก๊ รับใช้นโยบาย “ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ”

ในคุก “มาตรฐานเดียว” จากปี ๒๕๖๐ เรื่อยมา
นั่งเศร้า ผอม ซูบเซียว หัวขาวโพลน วันๆ ตาเหม่อลอย ชะเง้อรอ

ว่าวันนี้ จะมีเจ้านาย และสส.พรรคพวกเพื่อนฝูงคนไหนมาเยี่ยมประโลมใจ พอให้คลายเหงาและได้ข่าวคราวโลกภายนอกบ้างไหมหนอ?

“โลกลืม” ไม่เจ็บปวด
รับใช้ชนิดยอมขายชีวิตให้ เจ้านายลืม
ก็ไม่เจ็บปวด

แต่สะใจ “กูเองตาบอด” เลือกนายใจบอดเอง!

บุญทรง จากโทษ ๔๘ ปี ไม่หนีโทษทัณฑ์ จนได้เลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม
ได้รับ “พระราชทานอภัยโทษ” ในวันสำคัญๆ ๒ รอบ ตอนนี้จากโทษ ๔๘ ปี เหลือ ๑๐ ปี

บุญทรงจะได้รับอิสรภาพ “ออกจากคุก” วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๗๑

ส่วนนักโทษภูมิ สาระผล จากโทษ ๓๖ ปี นักโทษชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ๒ รอบ เช่นเดียวกัน

จาก ๓๖ ปี เหลือโทษ ๘ ปี จะพ้นโทษ “ออกจากคุก” วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๘ คืออีก ๒ ปี ที่จะถึงนี้แล้ว!

ก็เล่าสู่กันฟัง เชิงนิทัศนอุทาหรณ์

ในแง่ ระหว่างคำว่า ทาส, ไพร่, ขี้ข้า กับคำว่า รับใช้, นายทุน, สส. ในยุคนี้ มีความหมายใช้แทนกันได้!

เห็นเขาว่า “ครม.เศรษฐา” จัดสรรกันลงตัวทั้ง ๓๕+๑ ตำแหน่งแล้วมิใช่หรือ?

ถ้าอย่างนั้น หลังตรวจสอบคุณสมบัติแต่ละรายครบแล้ว คงได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ
ไม่เกินกลางเดือนกันยา.ประเทศไทย น่าจะได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารสืบต่อจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์

ใครเป็นใครบ้าง ฟังแล้วเวียนหัว ไม่รู้จะเชื่อโผไหน จึงไม่อยากพูดถึง รอให้ประกาศชัดๆ ออกมาก่อน แล้วค่อยรวบยอดคุยกันรวดเดียว

ที่พูดกันมาก เห็นมี ๒ คน คือนายสุทิน คลังแสง ที่ว่าจะนั่งรัฐมนตรีกลาโหม กับนายพิชิต ชื่นบาน เจ้าตำนาน “ทนายถุงขนม”

รายนายสุทิน พูดกันว่า ทหารเขาจะยอมให้พลเรือนมานั่งกลาโหมหรือ?

ผมก็อยากถาม มีรัฐธรรมนูญมาตราไหน ที่ห้ามพลเรือนไม่ให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม?
ก็ไม่มี ถ้าตั้งแง่-เกี่ยงงอนกันนัก ก็เรียก “นายพลสุทิน คลังแสง” ไปซะก็หมดเรื่อง

อย่างสาธารณสุข ใครไปเป็นรัฐมนตรี หมอหรือไม่หมอก็ช่าง แต่ทุกคนเรียก “หมอ” หมด อย่างนายอนุทิน ชาญวีระกูล
เห็นเรียก “หมอหนู” กันทั้งเมือง!

จะปฎิวัติกองทัพ-ปฎิวัติระบบราชการกันมิใช่หรือ มันก็ถูกแล้วนี่ ที่ให้ราษฏรเต็มขั้น อย่าง “นายสุทิน” ไปเป็นรัฐมนตรีกลาโหม

ถ้าไปจริง ผมว่าดีทั้ง ๒ ฝ่ายซะด้วยซ้ำ ระบบทหารก็วางตนเป็น “ชนชั้นหนึ่ง” นักการเมืองก็วางตนเป็น “ชนชั้นหนึ่ง”

ถ้าซ้อนเป็นชั้นๆ แบบ “ขนมชั้น” มันก็อร่อย แต่ที่ผ่านมาไม่ว่ายุคไหน-สมัยไหน ทั้ง ๒ ฝ่าย ต่างฝ่าย-ต่างอีโก มันเลยซ้อนแบบกดทับ (เอาซะหน่อย)

ก็เลย “เขม่นกัน” ในเชิงต่างถือชนชั้น จนมีขบวนการมุ่งทางล่มชาติ-ล้มสถาบัน “จับจุดนี้เป็น” ช่องสอดแทรก”
แล้ว “ตอกลิ่ม” ปั่นหัว ๓ ฝ่าย

“ทหาร-นักการเมือง-ประชาชน” ให้เกลียดชังซึ่งกันและกัน

ผ่านวาทกรรม…….
“ทหารมีไว้ทำไม” บ้าง “ทหารผลาญชาติ” บ้าง “ทหารมีไว้ปราบประชาชนบ้าง, ทหารมีเอาไว้ปฎิวัติ” บ้าง ต่างๆ นานา

จนทุกวันนี้ ทั้งเกลียดชัง ทั้งชิงชัง ฝ่ายการเมืองก็พยายามตรวจสอบงบกองทัพ พยายามตัดงบกองทัพ

ใครซักคนเคยเป็นทหารมาแต่ชาติไหนก็ไม่รู้
พอก่อเรื่องไม่ดี ขบวนการปั่นให้แตกแยก ก็จะใช้คำว่า “อดีตทหาร…ทำเลวระยำโน่นนี่” ประโคมเป็นข่าวทันที!

นี่ มันเกิดช่องว่างระหว่าง “การเมืองกับการทหาร” ปั่นกันจนพรรคการเมืองหลายๆพรรคพลอยบ้าจี้ ออกนโยบาย “คุมกำเนิดกองทัพ”

เลิกเกณฑ์ทหาร ลดกำลังพล ยุบกอ.รมน.ยุบกองบัญชาการทหารสูงสุด ลดนายพล (ข้อนี้มีเหตุผลควรฟัง)

ไม่ต้องซื้อเรือดำน้ำ ใช้เรือประมงแทนบ้าง เอางบซื้ออาวุธไปช่วยชาวบ้านดีกว่าบ้าง

ทั้งหมดนี้ เกิดจาก “อคติ-เกลียดชัง” ๗๐-๘๐% ข้อเท็จจริงควรพิจารณา แค่ ๒๐-๓๐% เท่านั้น

ทั้งหมดนี้ เหตุใหญ่มาจาก คนการเมือง ไม่เข้าใจ-ไม่เข้าถึงการทหาร

ขณะเดียวกัน การทหารก็ไม่เข้าใจและเข้าไม่ถึงคนการเมือง

โดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทย ตอนไม่ตั้งรัฐบาล “ปรองดอง-สมานฉันท์” ก็เกลียด-แอนตี้กองทัพเต็มสูบ
จับมือก้าวไกล ประกาศนโยบายเป็นปฎิปักษ์กองทัพ!

ฉะนั้น โอกาสดีกว่านี้ไม่มีแล้ว
ที่การเมือง จะให้ “นายสุทิน…” ไปนั่งกระทรวงกลาโหม

ได้ส้องเสพ/แลกเปลี่ยนความเห็น/ได้รู้แนวคิด/แนวทำงานซึ่งกันและกัน
ระหว่างกองทัพ โดยนายพลทหารกับรัฐบาล โดยนายสุทิน

เมื่อพลเรือนฝ่ายบริหารกับทหารฝ่ายปฎิบัติการ ได้คลุกคลี ได้เรียนรู้ จนเข้าถึงปรัชญา-แนวทาง-เป้าหมายและภารกิจอันการเมืองควรรู้ แต่ไม่ควรพูดแพร่งพราย

หลอมเข้าใจเป็นเนื้อเดียว-ทิศทางเดียวกันได้แล้ว

นั่นละ…..
แล้วคอยฟัง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ที่มีคำว่านาย… “อดีตครูบ้านนอก” พูดจากปาก-จากใจ เขาเองว่า
“ทหารมีไว้ทำไม”?

คุมกำเนิดกองทัพ “ได้กับเสีย” อย่างไหนมากกว่า?
เลิกเกณฑ์ทหาร ยุบหน่วยทหารนั่น-นี่ ที่คิดกับที่เป็นจริง อย่างไหนใช่ อย่างไหนไม่ใช่?

ผมเข้าใจวัฒนธรรมและความคิดทหาร
เขาหยิ่ง ถือศักดิ์-ถือตัว มองคนการเมือง, คนไร้ยศ ด้วยชั้นความคิดหนึ่ง มีระยะห่างในการคบหา ต่างกับพวกเขาเอง

เมื่อสังคมเปลี่ยน ทุกคน-ทุกฝ่าย ก็ต้องปรับ
กองทัพก็ลองเปิดใจ ให้ “นายพลสุทิน” เข้าไปนั่งเป็นนายในฐานะ “สมุหกลาโหม” ดูซักที

โอกาสนี้ อาจช่วยหลอม “ความคิดต่าง” ให้รวมเป็นทางสร้างสรรค์จรรโลง ประสาน “งานรัฐบาล” กับงาน “กองทัพ” ให้เดินด้วยความเข้าใจไปด้วยกัน

รัฐมนตรีกลาโหม ใครอย่าเข้าใจว่า รัฐบาลส่งคนเข้าไปใช้อำนาจทุบโต๊ะ “สั่งทหาร” ทำโน่น-ทำนี่
ไม่ใช่อย่างนั้น พูดกันตรงๆ ตัวรัฐมนตรีเข้าไปบริหารด้านธุรการและบริการกองทัพมากกว่าไปสั่งการ หรือไปบัญชาการชี้นิ้ว

ดังนั้น ดีแล้ว ผมสนับสนุน ให้นายสุทินที่เคยด่ากองทัพได้เข้าไปกินนอนกับทหารด้วยตัวเอง แอนตี้ไคลแมกซ์ดี

อีกคน “นายพิชิต ชื่นบาน” ทนายคู่บุญ-คู่บาปทักษิณ ที่ถูกส่งมาเป็นรัฐมนตรี “มือกฎหมายรัฐบาล” จนวิจารณ์กันขรมขณะนี้ นั้น

ผมฟันธงเลย…..
ไม่ผ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ เพราะติดคุก ๖ เดือน โทษฐาน “หิ้วกล่องขนมยัดไส้เงินสด ๒ ล้านบาท”
หวัง “ติดสินบน” ผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ ถึงใน “อาคารศาลฎีกา” เมื่อ ๑๐ มิย.๕๑!

ที่ถามกัน ทำไมทักษิณต้องจากคุกไปนอนโรงพยาบาล
ก็ไปทำคลอด “โผครม.” ที่ชั้น ๑๔ “รอยัล สวีท”
“พิชิต ชื่นบาน” ถึงได้ “ตูดบาน” เพราะดันเข้ามานี่ไง!

เปลว สีเงิน

๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
อีกขั้น “สวรรค์หรือเหว”? – เปลว สีเงิน
ฟังบทความคลิก..⬇️ เปลว สีเงิน เหมือน “ปั่นรูเล็ต” ที่เห็น “กลิ้งไป-กลิ้งมา” ตรงหน้า ตราบใดที่ยังไม่นิ่ง ตราบนั้น ก็ยังมั่นใจไม่ได้ว่า มันจะออกหน้าไหน?...
Read More
0 replies on “สมุหกลาโหม “คลังแสง” – เปลว สีเงิน”