ผักกาดหอม
กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง คงเละเป็นขี้เลน
จากนโยบายแจกหัวละหมื่น ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าจะพาเศรษฐกิจชาติสู่ความวิบัติในอนาคตข้างหน้า
ตอนนี้เริ่มกลายเป็นมหกรรมแฉผู้อยู่เบื้องหลังกันแล้ว
แต่มันก็แยกกันไม่ออก เพราะนโยบายไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่
มันมาจากความคิดของคน
เห็นเอกสารภายในของพรรคเพื่อไทยที่แชร์กันว่อน ระบุถึงทีมงานหัวเห็ด ที่คิดนโยบายแจกแหลกนี้แล้ว ขนลุกครับ!
เอกสารระบุว่า เป็นคณะทำงานสถาบันต้นไม้แห่งประชาธิปไตย ทำงานในเชิงอาสาสมัครทางการเมือง นำนโยบายของพรรคเพื่อไทย ทำการหาวิธีการในทางปฏิบัติ เสนอต่อพรรคเพื่อไทย ผ่านกลไกของพรรค คณะทำงานประกอบด้วย
๑.ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ประธานสถาบันต้นไม้แห่งประชาธิปไตย
๒.รศ.ดร.กิตติ ลิ่มสกุล ที่ปรึกษาสถาบันต้นไม้แห่งประชาธิปไตย
๓.ดร.นันทนัช จินตพิทักษ์
๔.ดร.ศิวะ หงษ์นภา
๕.ผศ.ดร.มณิษวาส จินตพิทักษ์
๖.อ.วิปัศยา อยู่พูล
๗.อ.ภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น
๘.อ.คเณศณัฏฐ์ สิมลาโคตร
๙.อ.ปิยมิตร กล้าณรงค์
เขาตามไปขุดคุ้ยอดีต และความคิดของบางคน
ตัว “ดร.โอฬาร” ไม่มีอะไรให้แปลกใจ เพราะสิงสถิตกับระบอบทักษิณมานาน จนเป็นรุ่นลายครามไปแล้ว
เคยเป็นประธานผู้แทนการค้าไทย อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์
เคยต้องคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกรณีการแปรรูป บมจ.กฟผ.
เคยลาออกจากการเป็นกรรมการ บมจ.การบินไทย หลังถูกตรวจสอบว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน
“ดร.กิตติ” ก็ถือเป็นสาวกทักษิณรุ่นแรกๆ ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ตอนนั้นอาจารย์สอนคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
ก็ถือเป็นมันสมองให้ทักษิณ และเป็นคีย์แมนคนสำคัญ ในการคิดนโยบายที่ใช้ในเลือกตั้งครั้งนี้หลายนโยบาย
ที่เหลือโปรไฟล์ยังไม่น่าสนใจนัก
“ดร.นันทนัช” มาจาก ม.เชียงใหม่
“วิปัศยา” ดารา นักร้อง
แต่มีอยู่คนหนึ่งน่ากลัวจริงๆ!
ตอนนี้แชร์กันว่อนแล้ว
“ภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น” เคยโพสต์เฟซบุ๊กเอาไว้เมื่อปี ๒๕๕๘ หลังคณะ คสช.ทำการรัฐประหารไม่นานเท่าไหร่นัก
“…ไม่รู้คิดแบบนี้โหดไปมั้ย…ตอนนี้ผมอยากให้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีสุดท้ายพังพินาศให้หมดทุกสาขา
NPL เกิน ๗๐%
แรงงานตกงานเกิน ๗๐%
ที่สำคัญอยากเห็นภาคการเกษตรของประเทศล้มเหลวเกิน ๗๐% ทั้งระบบ
ทุกอย่างที่พูดมาต้องเละภายใต้ คสช.เท่านั้น อย่าเปลี่ยนเป็นรัฐบาลอื่น ให้เละในรัฐบาลนี้ให้ได้…”
คิดแบบนี้ได้ต้องอคติขนาดไหน
มันสะท้อนการอบรมสั่งสอน
อยากเห็นความพินาศของประเทศ เพียงเพราะไม่ถูกใจรัฐบาล
นี่คือหนึ่งในทีมงานของพรรคเพื่อไทย
ถ้าเปลี่ยนเป็นเห็นตลาดหุ้นฉิบหาย นายทุนเจ๊ง ยังพอถูไถไปได้
แต่นี่ แรงงาน เกษตรกร
อยากให้ประชากรกลุ่มที่มีรายได้น้อยพบกับความวิบัติ เพียงเพราะความฉิบหายนั้นจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เป็นสะพานให้พรรคเพื่อไทยเข้าสู่อำนาจ
นี่มันอะไรกัน?
ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงจริงๆ
นโยบายแจกเงินดิจิทัล เปิดตัวมาร่วมสัปดาห์แล้ว ยังไม่เห็นนักเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร คนไหนสนับสนุน บอกว่าเป็นสุดยอดนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ
มีแต่เตือนว่าจะฉิบหาย
คนเก่าคนแก่ของระบอบทักษิณ ก็ชี้ให้เห็นถึงหายนะ
“โภคิน พลกุล” ที่เคยมีบทบาทสูงก่อนที่ “ทักษิณ” จะตั้งพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ ย้อนกลับไปดูช่วงลดค่าเงินบาทปี ๒๕๓๙ ก็จะเห็นว่า ไม่ธรรมดา
มาวันนี้ “โภคิน” ขอปลีกไปสร้างดาวคนละดวง
ไปเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ ให้ “เจ๊หน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ที่พรรคไทยสร้างไทย
“โภคิน” เตือนว่า
“…การขับเคลื่อนนโยบายทั้งระบบไม่ใช่ประชานิยมแบบที่ทำให้ประชาชนเป็นขอทาน ต้องไม่ทำให้ประชาชนเป็นขอทาน เป็นทาสของแต่ละขั้ว อยู่ท่ามกลางความยากจน เกลียดชังซึ่งกันและกันตามความเชื่อที่ผูกพันกับขั้วที่ตนชอบ ถูกหลอกให้เจ็บปวด ล้มตาย…”
นี่คือเสียงเตือนจากพรรคน้อง
พรรคพี่ว่าไง?
ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญยิ่ง
แน่นอนครับ พรรคเพื่อไทย ทำทุกวิถีทางให้ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เพื่อกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งหนึ่ง หลังจากห่างหายไปร่วม ๘ ปี
ถือเป็นการเว้นวรรคจากอำนาจนานที่สุดของรัฐบาลระบอบทักษิณ
หากพลาดครั้งนี้ก็จะกลายเป็น ๑ ทศวรรษ ที่ไม่ได้ลิ้มรสอำนาจ
ความยิ่งใหญ่ของพรรคเพื่อไทย อาจถึงกาลสิ้นสุด
“ทักษิณ” ถึงต้องทุบหม้อข้าว เกหมดหน้าตัก
ทำให้ประชาชนเป็นขอทานก็ยอม
