กำลังเป็นที่วิตกกังวลของหลาย ๆ คน สำหรับโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับหรือกำลังจะเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
แพทย์หญิงญาดา หลุยเจริญ อายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี เปิดเผยว่า 2019-nCoV (Novel Coronavirus 2019 Pneumonia) หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นไวรัสในกลุ่มโคโรนาเช่นเดียวกับเมอร์ส (MERS) และซาร์ส (SARS) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจและมีความรุนแรงของโรคสูง
โดย 2019-nCoV เป็นเชื้อไวรัสที่มีความรุนแรงสูง ทำให้ปอดอักเสบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่ง ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคปอดอักเสบรุนแรงจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 คือคนที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยต้องเฝ้าระวังภายใน 14 วัน หากพบว่ามีอาการทางด้านการติดเชื้อ เช่น มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีอาการทางด้านระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ก็ให้สงสัยว่าอาจจะได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าว ควรพบแพทย์ทันที
ตามรายงานระบุว่า 2019-nCoV สามารถระบาดจากคนสู่คนได้โดยทางไอ จาม น้ำมูก เสมหะ ดังนั้นทุกคนควรต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ซึ่งนายแพทย์ประยุทธ อังกูรไกรวิชญ์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเวชธานีแนะนำว่า ให้ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือบ่อย ๆ รับประทานอาหารปรุงสุกร้อนและใช้ช้อนกลางเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ รวมถึงไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น แต่หากคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงหรือภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น อายุเยอะ เป็นมะเร็ง รวมถึงคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง เพราะหากได้รับเชื้ออาจมีอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไปได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังไม่วัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำได้เพียงรักษาผู้ป่วยตามอาการที่เป็น เช่น หากมีไข้สูงก็เช็ดตัวหรือให้ยาลดไข้ หากมีอาการปอดบวมก็เฝ้าระวังการติดเชื้อแบคทีเรียและภาวะการหายใจล้มเหลว เป็นต้น