ไม่ได้โม้นะ…สาบานได้-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

พักนี้ นายกฯ อารมณ์ดีนะ
นักข่าวถามอะไรก็ จ๋าๆ จ้ะๆ ตลอด
“จะไปอยู่รวมไทยสร้างชาติหรือไม่คะ?”
“ไม่ต้องถามหรอกจ้ะ ถึงเวลาก็มาเอง การเมืองไม่ใช่ของเล่น เข้ามาก็ต้องทำงานการเมือง ไม่ใช่เล่นการเมือง”
“จะทำงานการเมืองต่อใช่ไหมคะ?”
นักข่าวประเหลาะต่อ

“กำลังพิจารณาอยู่นะจ๊ะ อย่ากังวล” ขุนพลนะจ๊ะไม่ยอมตกหลุม
“อีกนานมั้ยคะ ที่จะตัดสินใจ?”
นักข่าวก็ไม่ลดละความพยายาม ฝ่ายนายกฯ ก็การ์ดสูง ระวังก้านคอ

“อะไรที่จะพูด ก็ต้องรอหน่อย”
“ก่อนปีใหม่หรือไม่คะ?”
ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก คือภาษิตนักข่าว นายกฯ ก็ยังใจแข็ง บอกว่า

“ใจเย็นๆ นะ ยังมีเวลาอีกเยอะแยะ”

ฟังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ นักการเมืองก็เหมือนลูกตะกร้อ ส่วนนักข่าว คือคนเตะตะกร้อ
ลูกตะกร้อ โด่งเองไม่ได้ ต้องอยู่ที่คนเตะ

เตะแล้วใช่ว่าจะโด่งเสมอไป มันขึ้นก็อยู่กับคนชง คือคนที่โยนลูกให้เตะด้วยว่า “ถูกจังหวะ-ได้จังหวะ” หรือไม่
มีแต่ลูกตะกร้อ แต่ไม่มีคนเตะ มันก็แอ้งแม้งเป็นลูกหวายสานอยู่กับพื้น

มีคนเตะ แต่ไม่มีลูกตะกร้อ นักเตะก็เฉาตายเหมือนกัน
และนักเตะตะกร้อตีนอาชีพ ใช่ว่าลูกตะกร้อเฮงๆ ซวยๆ ก็เตะดะ เขาก็เลือกนะ

ต้องลูกตะกร้อมาตรฐาน หวาย ๑๑ เส้น ขัดไขว้ ๒๐ จุด ๑๒ รู ถึงจะเตะ
เมื่อตะกร้อดี คนชง คนเตะดี มันก็สนุก เตะส่งกันไปมา ตะกร้อก็โด่งขึ้น…โด่งลง นานนักหนา กว่าจะตกพื้น

เรียกว่า นักการเมืองกับนักข่าว ต่างคน-ต่างอาศัยซึ่งกันและกัน จะแยกจากกันไม่ได้
ฟังคำถามนักข่าวและคำตอบนายกฯ ในเรื่องนี้แล้ว พูดกันตรงๆ ไม่ต่าง “งูเห็นตีนไก่-ไก่เห็นตีนงู”

คือความจริงในใจ รู้กันอยู่แล้วทั้งคนถามและคนตอบ ว่าจบเทอมนี้แล้ว ลุงตู่จะอยู่หรือไปจากพลังประชารัฐ และถ้าไป..จะไปพรรคไหน?

แต่ต่างฝ่าย-ต่างเอาที่รู้ แต่ “ละไว้ในใจ” มาถาม-มาตอบกัน เชิงคาดคั้นเอาให้สะเด็ดน้ำ หรือไม่อีกที ช่วงนี้ ไม่มีอะไรจะถาม เมื่อเจอหน้าก็ถามไปเรื่อยๆ
เผื่อฟลุ๊ค!

ถ้าเป็นแบบหนุ่มเกี้ยวสาวละก็นะ หนุ่มถาม “จะแต่งกับผมมั้ย” ถ้านายกฯ เป็นสาว แล้วตอบไปลีลาอ้าซ่านั้น
“ถูกปล้ำ” แล้วหละ!

แต่ถ้าเป็นหนุ่มที่ไม่เข้าใจจริตหญิง ถอดรหัสคำตอบไม่ถูก เงอะๆงะๆ ก็ไม่กล้าจับ ไม่กล้าแตะ
ถ้าถีบได้ ถูกฝ่ายหญิงถีบแน่…ผู้ชายอาไร้ ทำไมถึงซื่อบื้อได้ขนาดนี้นะ!

ฉะนั้น ถึงตอนนี้แล้ว ใครที่แฟนคลับลุงตู่ ระงับสงสัย-หยุดวุ่นวายใจได้แล้วหละว่า
“เลือกตั้งปีหน้า ลุงตู่จะยังอยู่พลังประชารัฐ หรือไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ?”

“เลือกตั้งบัตร ๒ ใบ รักลุงตู่ กาพรรค-รักผู้สมัคร กาเบอร์”

คือ สส.เขต ทั้งหมดทุกพรรค รวม ๔๐๐ คน จะเลือกใคร ก็กาเบอร์คนนั้น-เขตนั้น
ส่วนสส.ปาร์ตี้ลิสต์ รวม ๑๐๐ คน มาจากคะแนนพรรค ชอบพรรคไหน ก็ต้องกาเบอรของพรรคนั้น
ง่ายๆ สั้นๆ เข้าใจในขั้นต้นไว้อย่างนี้ก่อน

เรื่องอนาคตลุงตู่ทางการเมือง………
ก็ไม่สังเกตที่ลุงป้อมพูดบ้างหรือ มันเข้าทำนอง “ตุ่มน้ำมีกี่ตุ่ม นามีกี่ไร่ ข้าวมีกี่กระบุง ลูกมีกี่คน”

พี่ป้อมกับน้องตู่ ตกลงแบ่งสมบัติกันเรียบร้อยไปแล้ว!
ขึ้นอำเภอใจ จดทะเบียนหย่ากันทางใจไปแล้ว……..

แต่ไม่ได้โกรธกัน ยังรักกันเหมือนเดิม เพียงแต่แยกบ้านกันอยู่ แยกเตียงกันนอน เท่านั้น
พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ “พรรคเดียวกัน”
ไม่ได้ยินลุงป้อม “หยดน้ำสังข์สั่งลา” กันดอกหรือ?

นายกฯ ท่านเป็น “ผู้ใหญ่”
การเป็น “ผู้ใหญ่” ไม่ได้หมายถึงว่าใครอยู่ในตำแหน่งใหญ่ อายุมาก ก็เป็น “ผู้ใหญ่” กันทุกคน

ไม่ใช่อยวางนั้นนะ เข้าใจเสียให้ถูก
คำว่า “ผู้ใหญ่” คือคนนั้น ไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งไหน จะยาก ดี มีจน ไม่เกี่ยว

ถ้าเป็นคนมีความคิด รู้จักกาลควร-ไม่ควร รู้จักภาวะแห่งตน และประพฤติให้ถูกกาล คนนั้น ต่อให้เป็นยาจก วณิพก ขอทาน ก็นับว่าเป็น “ผู้ใหญ่”

ในนิทานชาดกก็ยังมี ขอทาน ๓ คน ระหกระเหิน มานั่งละห้อยละเหี่ย เพลียจากเดินขอ พลันก็มีราชรถเสี่ยงทายวิ่งมา
เกยพรวดเข้าที่ ๑ ใน ๓ ขอทาน!

ขอทานคนที่ราชรถมาเกย ก็ได้ถูกหามแห่ไปเป็นพระราชาครองเมือง
ส่วนอีก ๒ คน เสวยตำแหน่งขอทานตามเดิม วันหนึ่ง ปรึกษากันว่า เราน่าจะไปเยี่ยมเพื่อนเราที่ไปเป็นพระราชานะ

แล้วก็พากันไป เมื่อถึงประตูเมืองก็บอกว่า จะมาเยี่ยมเพื่อนที่เป็นพระราชา เขาก็พาไปเข้าเฝ้า
เพื่อนคนหนึ่ง พอเห็นพระราชา ก็ถือความเป็นเพื่อนเก่าโดดเข้าไปมึงวาพาโวย เขย่ามือ-เขย่าแขน

“ได้เป็นใหญ่เป็นใต สุขสบายดีนะเพื่อน”

พระราชาก็โอภาปราศรัยด้วยไมตรี พลางบอกข้าราชบริพาร ให้นำสิ่งของทองเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้เพื่อน ก่อนส่งกลับ

ส่วนเพื่อนอีกคน เมื่อเข้าเฝ้า ก็หมอบกราบ ด้วยสำนึกภาวะแห่งตน รู้กาลใดควร-กาลใดไม่ควร
พระราชาเห็นเช่นนั้น ก็ทรงชุบเลี้ยงเพื่อนคนนี้ไว้เป็นข้าราชบริพารอยู่ในราชสำนัก ด้วยเห็นว่า เป็นผู้รู้จักภาวะแห่งตน รู้กาล-รู้เวลา สมภาวะ “ผู้ใหญ่”

เนี่ย….
การวางตน “รู้กาล-รู้เวลา” ดูเล็กน้อย แต่เหมือนเหล็กเส้นเล็กๆ ที่ประกอบเป็นเสาเข็ม แต่แบกรับน้ำหนักอาคารร้อยชั้นได้มั่นคง สง่างาม

การ “รู้กาล-รู้เวลา-รู้ภาวะแห่งตน” ก็เช่นนั้น ขณะนี้ ลุงตู่ยังเป็นนายกรัฐมนตรีตามบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐอยู่

การเสนอชื่อให้สมาชิกรัฐสภาเลือกหลังเลือกตั้งปี ๖๒ พลเอกประยุทธ์ได้รับการเสนอ ในนามพรรคพลังประชารัฐ แข่งกับนายธนาธร พรรคอนาคตใหม่

บางคนอาจสงสัย…..
ทำไมพรรคเพื่อไทยที่มีสส.มากกว่า เลือกตั้งได้คะแนนมากกว่าพรรคอนาคตใหม่ จึงไม่เสนอชื่อคนพรรคตัวเองแข่งกับพลเอกประยุทธ์ในตอนนั้น?

คำตอบง่ายมาก
รู้ว่าส่งคนพรรคตัวเองลงแข่งก็แพ้ ชนิดไม่ต้องมีคะแนนสว.ร่วม และเห็นกระแส “ขี้ใหม่หมาหอม” ในกลุ่มคนรุ่นใหม่มาแรง

ก็เลยดันตูดธนาธรขึ้นไปให้ถูกถีบหงายท้องลงมา ชนิดหน้าตัวเองไม่เสีย แถมได้ใจไก่เดือยอ่อน ที่ต้อนมาเล่นอีกตะหาก!

ในเมื่อขณะนี้ รัฐบาลที่มีพลังประชารัฐเป็นแกน บริหารโดยพลเอกประยุทธ์ ผู้เป็นนายกฯ ของพรรค เป็นรัฐบาลอยู่

มันถูกกาลเทศะมั้ย…..?
ที่นายกฯ ในสีเสื้อพลังประชารัฐ จะตอบว่า ผมจะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคไหนก็ช่างเถอะ!

ขืนไปพูด-ไปทำอะไรอย่างนั้น
มันไม่เพียงเสียแค่การบริหารงาน-บริหารจิตใจ ซึ่งกันและกันเท่านั้น

หากแต่มัน “เสียผู้ใหญ่” กลายคนเป็นคนไร้วุฒิภาวะไปทันที!
ดูอย่าง “กวนอู” ซิ ถึงแม้ภักดีต่อเล่าปี่ แต่เมื่อไปอยู่กับโจโฉ ก็รบให้โจโฉเต็มกำลัง ชนิดอยู่แต่กาย ส่วนใจไม่อยู่…ไม่มี

ครั้นถึงคราวจะไป
ก็ไปแบบผู้ใหญ่ ตามวาจาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้ากับโจโฉ เรียกว่า อยู่ก็อยู่ทั้งกายและใจ เมื่อไป ก็ฝากรอยกายและรอยใจให้กระสันสัมพันธ์มิคลายต่อกัน

ตอนนี้ ลุงตู่ยังทำหน้าที่นายกฯ พลังประชารัฐ และทุกพรรรคร่วม เขาเลือกลุงตู่เป็นผู้นำ ก็ในนามพลังประชารัฐ
แล้วทุกพรรคร่วมเขาจะคิดยังไง?

ถ้าจู่ๆ ลุงตู่ บอกว่าผมเหลือแต่กายในคราบนายกฯ พลังประชารัฐ
ส่วนใจผมถอดไปอยู่พรรคอื่นแล้ว……
เช่นพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่พรรครวมเขาอาจไม่ยินดีด้วยก็ได้ในขณะนี้

แบบนั้น พรรคร่วมดูแคลนแน่ ว่าเป็นการทำที่ไม่ให้เกียรติเขา

ดังนั้น ที่นายกฯ บอกว่า “ใจเย็นๆ เวลายังมีอีกเยอะ…อะไรที่จะพูดก็ต้องรอหน่อย” นั้น
เป็นคำตอบจากวุฒิภาวะคนเป็นผู้ใหญ่!

รับรู้กันไว้ด้วย…….
ลุงตู่ของเราวันนี้ ไม่แค่เป็นนายกฯรัฐบาลไทยเท่านั้นน่ะ
ลุงตู่ “well known” ระดับโลกไปแล้ว ชนิดแม้วชักดิ้น-ชักงอตาย

นี่…เรื่องจริง สาบานได้…….
ถ้า “ไม่จริง” ขอให้ “ควายตายยกคอก”!

เปลว สีเงิน
๒ ธันวาคม ๒๕๖๕

 

Written By
More from plew
วางบิล “ทวงหนี้” ปฏิรูป
เปลว สีเงิน ปัญหาตอนนี้….. บางเรื่องมันเป็นผลของกรรมที่นายกฯสั่งสมไว้เอง แล้วจะโทษใครล่ะ? เช่น เรื่องตำรวจและมหาดไทย เรื่องราวมันฟ้องว่า สังคมไป ประชาชนไป แต่คนในระบบ…ไม่ (ยอม)...
Read More
0 replies on “ไม่ได้โม้นะ…สาบานได้-เปลว สีเงิน”