16 ตุลาคม 2565-นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทอล์กโชว์เดี่ยว 13 ของโน้ส อุดม แต้พานิช ว่า ตนไม่แน่ใจว่าระหว่างรู้สึกโกรธกับอาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้น้ำหนักกับอารมณ์ไหนมากกว่ากัน
แต่ถ้าตั้งสติ ไม่โกรธ ไม่โมโห จะเข้าใจว่าการแสดงความคิดเห็นเป็นสิทธิเสรีภาพที่ถูกร้องรับไว้ในรัฐธรรมนูญ การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเป็นการติชมตามวิสัยที่ประชาชนพึงกระทำได้ คนดีชอบแก้ไข อะไรที่เป็นปัญหา พล.อ.ประยุทธ์ ก็นำไปปรับปรุงแก้ไข
แม้ 8 ปีที่ผ่านมาจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ แต่ถ้าน้อมรับการ วิพากษ์วิจารณ์ แล้วนำไปปรับปรุงเชื่อว่าเวลาที่เหลืออยู่ 5 เดือน คงพอได้เห็นอะไรบ้าง แทนที่จะให้นักร้องในเครือข่ายไปฟ้องร้องดำเนินคดีคนวิพากษ์วิจารณ์ ต้องหันกลับแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
เริ่มตั้งแต่แก้รัฐธรรมนูญที่เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้ง กำหนดกติการการเข้าสู่อำนาจของนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยกติกาที่เป็นประชาธิปไตย เป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง และกับทุกแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี บทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตยควรได้รับการแก้ไข
โดยควรแก้ไขมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ ให้เฉพาะส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น มีอำนาจโหวตนายกรัฐมนตรี หากไม่เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 จะเกิดสภาพความขัดแย้งไม่จบสิ้น ไม่เอื้อต่อการเกิดกติกาที่สุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง อุปมาเหมือนกับการแข่งขันวิ่ง 750 เมตร
ในขณะที่ทุกคนออกสตาร์ทจากจุด 0 เมตร แต่มีคนเอาเปรียบนักกีฬาคนอื่นๆ ด้วยการออกสตาร์ทที่จุด 250 เมตร ไม่มีน้ำใจนักกีฬา หากไม่แก้ไขกติกานี้ก็ยากที่ความขัดแย้งจะหมดไป เวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ต้องเร่งส่งสัญญาณแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อให้เกิดกติการการแข่งขันที่เป็นธรรมในการเลือกตั้งครั้งหน้า
“ความกลัวทำให้เสื่อม ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ เก่งได้สักครึ่งของที่สารพัดโฆษกแข่งกันออกมาอวย ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ชายชาติทหาร ต้องกล้าสู้ด้วยกติกาที่เป็นธรรม ไม่เอาเปรียบคนอื่น ต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 คืนความเป็นธรรมให้กับประเทศ” นายอนุสรณ์ กล่าว