น.ต.ศิธา นำทีมไทยสร้างไทย ให้กำลังใจผู้ชุมนุม ต้าน พ.ร.บ.รวมกลุ่ม ระบุ ผู้มีอำนาจพยายามออกกฎหมาย ปิดปากประชาชน จี้ฝ่ายเกี่ยวข้องหยุดเป็นเครื่องมือให้เผด็จการ พร้อมเจรจาตร.ขอให้เข้าใจ การแสดงออกของประชาชน ที่คัดค้านกฎหมายซึ่งสวนทางกับโลกยุคปัจจุบัน
26 พฤษภาคม 2565-น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ อำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย พร้อมนายกัณวีร์ สืบแสง คณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม พรรคไทยสร้างไทย พร้อม คนรุ่นใหม่และสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พี่น้องประชาชนกลุ่มขบวนการต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน ซึ่งปักหลักอยู่หน้า สำนักงานองค์การสหประชาชาติหรือ ยูเอ็นประจำประเทศไทย ถนนราชดำเนิน
โดยน.ต.ศิธา ได้กล่าวให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนที่ออกมาแสดงสิทธิเสรีภาพ โดยเห็นว่า ผู้มีอำนาจ ควรสนับสนุนพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะบุคคลที่ทำงานเพื่อสังคม และได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ กำลังทุนทรัพย์ เพื่อรณรงค์เรื่องต่างๆ ให้ประเทศชาติบ้านเมืองดีขึ้น เป็นบุคคลที่ต้องได้รับการสนับสนุน แต่รัฐกลับพยายามออกกฎหมายเพื่อกำกับควบคุมหรือ ที่เรียกว่าร่างพระราชบัญญัติ การดำเนินกิจกรรม ขององค์กรไม่แสวงหากำไร
ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าผู้มีอำนาจยังมีความคิด แบบเดิมยังใช้รัฐราชการในการกำกับควบคุมพี่น้องประชาชน ในทางกลับกันกฎหมายที่เป็นประโยชน์และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน กลับดำเนินการอย่างล่าช้า ซึ่งถือเป็นความละเลยของภาครัฐ
“การออกพ.ร.บ.ที่จะไปกำกับดูแล NGO ต่างๆ ถือเป็นสารตั้งต้นที่จะไปปิดปากประชาชน ปิดปากเพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้ และเข้าไปตรวจสอบควบคุมกดดัน NGO และกดดันพี่น้องประชาชนในการรวมกลุ่ม เพื่อที่จะทำประโยชน์หรือเสนอแนวความคิดให้กับรัฐบาล เสนอแนวความคิดที่จะสร้างสิทธิเสรีภาพให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐจะกำกับควบคุมตั้งแต่ต้นน้ำ เราจึงต้องต่อด้าน”
น.ต.ศิธา เรียกร้องไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือ ให้กับผู้มีอำนาจในการกดหัวประชาชน และจะต้องไม่ใช้อำนาจที่มี ในการต่อยอดสนับสนุนเผด็จการ ดังนั้นพรรคไทยสร้างไทย จะขอเป็นปากเป็นเสียง เป็นแรงสนับสนุน พี่น้องประชาชน ให้มีสิทธิเสรีภาพ และแสดงความคิดเห็นของตนเองได้ และพรรคไทยสร้างไทยจะขอเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่ยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้น.ต.ศิธา ยังได้พูดคุยกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำกำลังมาตรวจสอบความเรียบร้อย โดยย้ำว่า พี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิเสรีภาพ ออกมาแสดงจุดยืนในการคัดค้านกฎหมายที่สวนทางกับโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเข้าใจ และฝากเป็นตัวกลางในการสื่อสารไปถึงรัฐบาล ขณะเดียวกันได้ย้ำว่า เจ้าหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยให้กับพี่น้องที่มาชุมนุม เน้นการพูดคุยเจรจา แทนที่จะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม เหมือนเช่นหลายครั้งที่ผ่านมา