น้ำท่วม “จะโทษใคร?”-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ถ้าใครหาเสียงเป็นผู้ว่าฯกทม.ว่า “ผมแก้ไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพฯได้”
อย่าไปเลือกมันเป็นอันขาด!
เพราะมันโม้
ถ้าย้อนไปเมื่อ ๕๐-๖๐ ปีก่อน ที่กรุงเทพฯด้านตะวันออก ถนนสุขุมวิท ไปสิ้นสุดความเป็นเมืองอยู่ตรง “โรงแรมเอราวัณ” ราชประสงค์

ทิศเหนือ-อีสาน ถนนพหลโยธิน ไปสิ้นสุดความเป็นเมืองอยู่ตรงแถว บางซื่อ-สะพานควาย
ทิศใต้ ถนนเพชรเกษม จากวงเวียนใหญ่ อีโหลก-โขลกเขลกไปถึงบางแค

แค่นั้น ความเป็นเมืองของจังหวัดธนบุรี ก็นับว่าความเจริญแผ่ขยายออกไปมากแล้ว
ถนนเจริญกรุง ถนนสายแรกคู่กรุงรัตนโกสินทร์ ไม่ต้องวอกแวกเลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวาทางไปไหน
“ท่าเตียน” ตรงแน่ว “ถนนตก” ถ้าไปต่อก็ “ตกถนน” หรือตกแม่น้ำเจ้าพระยาไปเลย ไม่มีถนนต่อไปไหน!

ใจกลางกรุงเทพฯ “ถนนสายหลัก” ด้วนอยู่แค่นั้น สารพัดถนน ตรอก-ซอกซอย เป็นร้อย เป็นพัน ยังไม่มี ถึงมี ก็ไม่มากเป็นรูมด-รูปลวก ซอกซอนอย่างทุกวันนี้

เนี่ย….
ถ้าเป็นสมัยนั้น ใครบอกว่า “จะทำให้กรุงเทพฯ น้ำไม่ท่วม” มีความเป็นไปได้ เพราะผู้คน ถนนหนทาง บ้านเรือน ตึกรามบ้านช่อง ยังน้อย

๑,๕๖๘ ตารางกิโลเมตรของกทม.ไข่แดงซัก ๕๐๐ เป็นตารางกิโลเมตรของความเป็นเมือง
ขอบไข่ขาวอีก ๑,๐๐๐ ตร.กม.นั่นจะเป็นทุ่งนา เป็นพื้นที่ราบรองรับน้ำทั้งนั้น

ประชากรทั้งประเทศ ราวๆ ปี ๒๕๐๐ มีซัก ๒๐ กว่าล้านคน จะเป็นประชากรกรุงเทพฯซักล้านคน ถึงหรือมากกว่านั้น ผมไม่แน่ใจ

ต่างหน้ามือเป็นหลังมือกับวันนี้ ปีพศ.๒๕๖๕ ประชากรทั้งประเทศตามสำมโนประชากรกว่า ๖๕ ล้านคน ถ้ารวมคนนอกทะเบียนด้วย ผมว่าไม่หนี ๑๕-๑๖ ล้านคน

เฉพาะคนกรุงเทพฯ “ตามทะเบียน” มีกว่า ๕ ล้านคน
แต่ถ้านับนอกทะเบียน ทั้ง พม่า-เขมร-ลาว-ฝรั่ง-จีน-แขก อีกสารพัด ที่แออัดยัดเยียดกันอยู่ในกทม.
รวมแล้ว อย่างที่บอก ประมาณ ๑๕-๑๖ ล้านคน!

๕๐-๖๐ ปี ก่อน เส้นทางคมนาคมและขนส่ง ใช้รถไฟและแม่น้ำ-คลอง เป็นหลัก ทางถนน ก็มีพหลโยธิน, เพชรเกษม, สุขุมวิท

แต่พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย เอาเป็นว่ามีสิ่งที่เรียกว่า “ถนน” ก็พอแล้ว ไม่มีปั๊ม OR ของปตท.ไม่มีคาเฟ่อเมซอน ให้เติม-ให้ซด สะดวกสบายรายทางอย่างทุกวันนี้หรอก

ฉายภาพอดีตคร่าวๆ ให้เห็นยุคกทม.มีคนไม่ถึงล้าน ตึกรามบ้านช่องอยู่กันห่างๆ และไม่มากมายเป็นดอกเห็ดอย่างตอนนี้ ต่อให้ฝนตก ๗ วัน ๗ คืน ก็ไม่ท่วม

เพราะกทม. มีคลองรองรับน้ำอยู่ทุกแห่ง ถึงล้นคลอง ก็นองลงพื้นที่ราบ ซึมซับลงดินหายไป

ท่อระบายน้ำ แทบไม่จำเป็น เพราะไม่มีตึก ไม่มีอาคาร ไม่มีถนน ขวางทางน้ำ ฝนตกมาก็ดินก็ซับลงไป
หลายถนนในกทม.เพิ่งมาขุดวางท่อระบายน้ำกันทีหลัง อย่างเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นต้น

ตอนปี ๒๕๐๐ กว่าๆ ถนนเพชรบุรีตันแค่ประตูน้ำ เพิ่งมาทะลุเป็น “ถนนเพชรบุรีตัดใหม่” ตอนจีไอ.เต็มกรุงนี่เอง

ก็กรุยทางลาดยางวางแปะไปบนพื้นราบเท่านั้น เรียกถนนเพชรบุรีตัดใหม่กันว่า “ถนนสายนี้ชั่ว” เพราะสองข้างทางพรึ่บด้วยสถานบริการ สถานบันเทิง รองรับพวกจีไอ.
เมืองขยาย โดยใครวางผังเมืองรู้มั้ย?

พวกหมู่บ้านจัดสรรที่ดินขายนั่นส่วนหนึ่ง พื้นที่เคยรองรับน้ำ ก็ถูกถมด้วยทรายขี้เป็ด
แล้วเจ้าของโครงการก็ตัดถนนเท่าแมวดิ้นตายตามใจชอบ โดยไม่สนว่าจะขวางทางน้ำหรือไม่ ยิ่งท่อระบาย ไม่ต้องพูดถึง

เมื่อเมืองชั้นในคือ “ไข่แดง” ถูก “ความเจริญ” ที่ไร้แบบแผนเจาะพรุน ทั้งตึกรามบ้านช่อง ทั้งอาคารสูง ทั้งสารพัดคอนโดฯ

คลองสองข้างทางเพื่อรองรับน้ำ ก็ถูกถมขยายเป็นถนน เช่นถนนวิภาวดีรังสิต เป็นตัวอย่าง เดิมข้างทาง เป็นคลองรับน้ำตลอดสาย ถัดเข้าไป เป็นทุ่งนาปลูกข้าวเขียวสุดลูกหูลูกตา

ต่อมาก็ค่อยๆ ถมคลองเป็นทางเข้าตึกบ้าง ขยายถนนบ้าง จากนาข้าว กลายเป็นป่าคอนกรีต จึงไม่ต้องสงสัย ฝนตกทีไร วิภาวดีฯ มันต้องท่วม!

ขึ้นทางด่วน มองกว้างๆ ออกไป จะเห็นยอดตึก-ยอดอาคารเหมือนหน่อไม้เบียดเสียดแทงยอดพรึ่ดไปหมด
จากไข่แดงพรุน ก็ขยายไปพรุนในพื้นที่ไข่ขาวรอบนอก

ก็คิดดูซิ สภาพเมืองด้วยแท่งคอนกรีต……….
เสาเข็มกี่ล้านต้นอัดลงไปในดิน ทางน้ำไหลกี่ทางที่ถูกสิ่งปลูกสร้างและถนนขวาง พื้นที่กี่พัน-กี่หมื่นตร.กม.ที่เคยรองรับน้ำกลายเป็นเมือง และขยะจากมนุษย์ ๑๕-๑๖ ล้านคน โยนถมลงไป

ต่อให้เทวดาเหาะลงมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็จะทำให้น้ำไม่ท่วมกทม.ไม่ได้!

ที่ตกซู่-สองซู่ ก็ท่วม ไม่แปลกหรอก เพราะ ๑.ทางเดินน้ำหมดไป ๒.ถูกสิ่งปลูกสร้างและถนนขวาง ๓.เสาเข็มเต็มพื้นดิน ไม่มีที่ว่างให้น้ำซึมลงไป ๔.ทิ้งขยะตามใจชอบ และ

๕.กทม. “เงิน” เป็นตัวกำหนดผังเมือง จากการก่อสร้าง โดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรรและอาคารสูง

กรุงเทพฯไม่ได้ออกแบบมารองรับคน ๑๕-๑๖ ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทุกวันนี้ กรุงเทพฯ มัน “ล้นเกิน” มานานแล้ว ควรขยับขยาย “ย้ายส่วนราชการ” บางแห่งนำร่อง เพื่อดึงการขยายตัวของเมืองให้ตามออกไป

ขืนกระจุกทุกอย่างอยู่ในพื้นที่ ๑,๕๖๘ ตร.กม.ต่อไป ที่คำนวณกันว่า “กรุงเทพฯจะจมน้ำ” ในอีก ๒๐-๕๐ ปีข้างหน้า ผมว่า จะมาเร็วกว่านั้น

ทุกวันนี้ จากอดีตผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ ถึงผู้ว่าฯ อัศวินและรองฯ สกลธี ที่ทำอุโมงค์ ทำสถานีสูบต่างๆ พูดกันแฟร์ๆ ก็แก้น้ำท่วมได้ระดับหนึ่ง

ตกโครม จะให้แห้งวับ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!

ที่เป็นอยู่ ที่ว่า “น้ำรอระบาย” ผมว่าใช่ แค่ไม่กี่ชั่วโมง น้ำก็ถูกระบายแห้งไป ที่จะท่วมถึงเป็นวันๆ เป็นสัปดาห์อย่างตะก่อนไม่มีแล้ว

สรุป ได้แค่นี้ ก็บุญนักหนา ในสภาพ “ป่าคอนกรีต” ล้อมน้ำ!
ผมมีอะไรให้อ่านนิด ความจริงเผยแพร่อยู่ทั่วไป ผมก็เคยนำมาเล่า จะลอกมาให้อ่านอีกที
………………………

S! Horoscope
สนับสนุนเนื้อหา

“หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก” วัดทุ่งสามัคคคีธรรม จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านบอก หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ เจ้าอาวาสวัดสังฆทาน จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นพระลูกศิษย์ไว้ เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ดังต่อไปนี้

หลวงปู่สังวาลย์พูดให้ฟังว่า
“สนอง ไม่ช้าพวกเราก็ตายแล้ว แต่โลกนี้จะเดือดร้อน แต่ถ้าเราอยู่ถึงก็จะเห็นภัย 3 อย่าง “น้ำจะท่วมภาคใต้ ฝั่งตะวันตกตายกันเยอะ เป็นครั้งที่ 1 แต่ก็ตายไม่มากเท่าน้ำท่วมกรุงเทพ กรุงเทพนี่ น้ำท่วมมาก ท่วมตึก 4 ชั้นเลย”

สนอง…เตรียมน้ำมันรถไว้ให้ดีนะ เตรียมรถให้ดี อย่าใช้รถเก่านะ ถ้าน้ำท่วมกรุงเทพเนี้ย ฝนจะตก 7 วัน 7 คืน ฟ้าจะมืดหมด ไม่มีแสงอาทิตย์ แสงตะวัน แล้วไฟดับหมด เงินไม่มีค่า เงินไม่มีความหมาย เอาข้าวตากไว้ดีกว่า ตอน 7 วัน 7 คืน

ท่านบอกเรา (หลวงพ่อสนอง) ที่วัดอีกครั้งหนึ่งว่า เวลาฝนตก 7 วัน 7 คืน ถ้าน้ำท่วมมาถึงชลบุรีโกยเลยนะ
ไปโน้นเลย สระบุรีไปเขาใหญ่เลยจะไม่ตาย

เราจะโกยไปทำไมคนเดียวล่ะ คลื่นยักษ์มาถึง ชลบุรีท่วมภูเขามาเลย ท่วมไปถึงวัดทุ่งสามัคคีธรรม วัดทุ่งนี่เรานั่งพื้นน้ำเปียกหัวเรือเลยนะ น้ำไปสุดนครสวรรค์ เราบวชมานานเชื่อเราสิ

แล้วก็ จะเกิดสงครามพระ สงครามพระไฟจะลุกทุกหย่อมหญ้าเลย สงครามพระจะเกิด เชื่อเราไหม เราทำกรรมฐานมานาน (ก็ยังไม่เห็น เชื่อก็ไม่ได้ จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ นั่งเฉยไว้ก่อน)

ท่านบอกว่า มันเป็นกรรมของคนไทย ไปดูสิเดี๋ยวเราตาย วัดทุ่งฯ ก็เหมือนกับวัดหลวงพ่อสำเภาที่ลพบุรีน่ะ
เมื่อตอนหลวงพ่อเภาอยู่นี่ เจริญมาก คนกรุงเทพขึ้นอุดมสมบูรณ์มาก ทุกวันนี้วัดเงียบเลย อยู่ที่ลพบุรี เราอยากจะพาพวกลูกศิษย์ไปดู ตอนที่หลวงปู่สังวาลย์อยู่อุดมสมบูรณ์ เราอยากจะพาไปดู มันจะได้รู้ว่า สิ้นเราแล้วเนี้ย สุนัขก็อดข้าว ท่านพูดไว้นะ

หลวงปู่สังวาลย์ พูดเรื่องอนาคตให้ฟังต่อไปว่า ให้เตรียมตัวไว้นะ เราก็ถามว่า หลวงพ่อแก้ไม่ได้เลยเหรอ “พอไม่นานน้ำก็ท่วม ท่วมภาคใต้ เกิดสึนามิ” ก็จริงอย่างหลวงปู่ว่า คนจะตายกันเยอะ เคยเล่าไปแล้ว ไม่เล่าต่อแล้ว นี่คือคำพยากรณ์ของครูบาอาจารย์

เหลืออีกสองอย่างที่ยังไม่จริง ยังไม่ถึง “ศึกพระ กับน้ำท่วมกรุงเทพฯ คนจะตายกันเยอะตายมากกว่านี้”

คราวนี้ท่านไม่บอกปีนะ ท่านเตือนบอกให้ระวังตัว แต่อาตมาจะมีวิธีไป เดี๋ยวจะพาไป ไม่ตื่นตูม เป็นคนไม่ตื่นตูม เชื่อก็เชื่อแต่ไม่ตกใจ จะไปอย่างสวยๆ

ถ้าจะตาย ก็ตายอย่างเตรียมตัวตายก่อน ตายยิ้มตาย อาตมาจะไม่ร้องไห้ เพราะฉะนั้น คนเรานะมันต้องตาย วิบัติมันเกิดขึ้น เราไม่อยากให้เกิดวิบัติ วิบัติอย่างนี้เราไม่อยากได้ แต่ว่าป้องกันไม่ได้

ซึ่งเป็นคำทำนายที่สอดคล้องกับคำทำนายของ “ปู่อินทร์ตาทิพย์” แห่งเขาตำแย อำเภอปักธงชัย เมืองโคราช หลวงปู่สังวาลย์ท่านพยากรณ์ไว้

ที่จริงอาตมาไม่อยากออกทีวีหรอก เพราะเดี๋ยวคนจะตื่นตัว แต่ก็ดีแล้ว พวกคนทั้งหลายที่มันหลง มันจะได้เบาลงบ้าง แต่ว่าบางทีอาจจะด่าเราก็ได้ ว่าหลวงพ่อเพ้อเจ้อ

ซึ่งปัจจุบัน หลวงพ่อสนองได้ละสังขารด้วยอาการสงบแล้ว ด้วยโรคไตวายและโรคหัวใจ คืนวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2555 ในระหว่างกำลังจำพรรษาอยู่ ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมกตปุญโญ (สวนธรรมกิจสุนทร) ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี

ซึ่งองค์หลวงพ่อท่านได้ลงไปพำนักจำพรรษาอยู่ในปีนี้ สิริรวมอายุได้ 68 ปี พรรษา 48 ท่ามกลางความเศร้าโศกอาลัยเป็นยิ่งนักของบรรดาคณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ และสาธุชนทั่วไป

ขอขอบคุณข้อมูล :พระศรีอาริยเมตไตรย
………………………..

หลวงปู่สังวาลย์ เป็นอัมพาตก่อนละสังขาร ผมเคยนวดถวายท่านครั้งหนึ่ง ท่านมอบรูปหล่อให้ผม ๑ องค์ บูชาไว้บนหิ้งพระทุกวันนี้

ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์

 


Written By
More from plew
๗ อาจารย์เพี้ยน “ภาคอวตาร”
ผมเห็นด้วยกับมติครม.ที่ให้ “วันนักขัตฤกษ์” เป็นวัน “หยุดราชการ” ตามเดิม คือ ในเดือนพฤษภา.มี ๔ วัน นอกเหนือจากวันหยุด “เสาร์-อาทิตย์” -วันแรงงาน...
Read More
0 replies on “น้ำท่วม “จะโทษใคร?”-เปลว สีเงิน”