‘ลุงตู่’ อยู่ถึงปี ๒๕๗๐-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

“ผมเชื่อมั่นว่า ปี ๒๕๖๕ ที่กำลังจะเข้ามาถึง จะต้องเป็นปีที่ดีขึ้นกว่าเดิมของประเทศไทยอย่างแน่นอนครับ”

“ลุงตู่” โพสต์เฟซบุ๊กเอาไว้แบบนั้น

ก็ธรรมดา…ชมรมคนเกลียดลุง พากันด่าเช็ด

ไม่อยากให้ “ลุงตู่” อยู่ต่อ

หากพิจารณาในข้อเท็จจริง ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ยิ่งอยู่นาน คนไม่ชอบก็ยิ่งเยอะด้วยกันทั้งนั้น ไม่เคยมีรัฐบาลไหนหลุดจากวงจรนี้

ดูกรณี “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เป็นตัวอย่าง ชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล แม้จะมีคนชอบเยอะ แต่ยิ่งบริหารประเทศไป คนก็ยิ่งเกลียด

ม็อบเรือนแสนเรือนล้าน ออกมาขับไล่ สุดท้ายถูกรัฐประหารไปทั้งคู่

พูดไปก็น่าเสียดาย เพราะการรัฐประหารนั่นเอง ถูกรัฐบาลสองพี่น้องนำไปเคลมว่า ตัวเองอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย

แล้วมีคนเกลียดรัฐบาลลุงตู่หรือเปล่า?

เยอะครับ

ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ก็มีคนเกลียดมากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน

มันห้ามไม่ได้

ที่จริงไม่เฉพาะไทยเท่านั้น รัฐบาลทั่วโลกล้วนอยู่ในวังวนนี้แทบทั้งสิ้น

แต่กรณี “ลุงตู่” ที่ทำให้บางคนควันออกหู ก็เพราะมีข่าวจะอยู่ถึงปี ๒๕๗๐

มาจากประเด็นถกเถียงทางกฎหมาย การนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ “ลุงตู่” ตามรัฐธรรมนูญปี  ๒๕๖๐ มาตรา ๒๕๘ วรรค ๔ ที่ระบุนายกรัฐมนตรีมีวาระดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วไม่เกิน ๘ ปี

จะให้เริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่เมื่อไหร่

ตั้งแต่เป็นนายกฯ คสช. หรือนายกฯ หลังเลือกตั้ง

เรื่องนี้สภาผู้แทนราษฎรได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาหาข้อสรุป

ฝ่ายกฎหมายสรุปความเห็นมาแล้ว…ตามนี้

การนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ มาตรา ๑๕๘ วรรค ๔ ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒

เป็นวันโปรดเกล้าฯ ให้ “ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี

เหตุผลคือ การกำหนดเงื่อนไขให้นายกฯ ดำรงตำแหน่งรวมแล้วเกิน ๘ ปีไม่ได้นั้น เป็นเงื่อนไขการจำกัดสิทธิบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เป็นการบัญญัติกฎหมายในทางเป็นโทษ

จะนำมาบังคับใช้ย้อนหลังในทางที่เป็นโทษไม่ได้

การกำหนดเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญให้ผลย้อนหลังใช้บังคับกับการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ ย่อมขัดหลักกฎหมาย

แม้มาตรา ๒๖๔ จะกำหนดให้ ครม.ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็น ครม.ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้นั้น

แต่การปฏิบัติหน้าที่ของ “ลุงตู่” ตามมาตรา ๒๖๔ เป็นการปฏิบัติหน้าที่แทน ครม. ตามบทหลักของรัฐธรรมนูญปี  ๒๕๖๐ เพียงชั่วเวลาหนึ่ง

และต้องพ้นจากหน้าที่ ภายหลังจากที่ ครม.ตามรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ เข้าปฏิบัติหน้าที่

หากรัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ให้นับระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ของ “ลุงตู่” ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้านี้ จะต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่า…

ให้นับระยะเวลาดังกล่าวรวมเป็นระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ “ลุงตู่” ด้วย

สรุปคือต้องเริ่มนับตั้งแต่ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ วันที่  “ลุงตู่” ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐

ฉะนั้นจะไปครบวาระ ๘ ปี ในปี ๒๕๗๐

แต่ผู้ที่จะวินิจฉัยจริงๆ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ และฝ่ายค้านจะยื่นให้ตีความช่วงกลางปี ๒๕๖๕ แน่นอน เพราะ “ลุงตู่” จะอยู่ครบ ๘ ปี หากนับการเป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๗

ครับ…แค่ข้ามวัน แกนนำสามนิ้วก็งอแงเสียแล้ว

เฟซบุ๊กเพจ เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak  ของ “เพนกวิน” โพสต์ “จดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารศาลอาญา”

…การที่พวกท่านมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวพวกเรา ถือเป็นการหมิ่นประมาทพวกเราอย่างร้ายแรง พวกท่านกล่าวหาว่าเราเป็นพวกก่อความรุนแรงจึงจำเป็นต้องคุมขังไว้ก่อน ทั้งที่ที่ผ่านมาผมและมิตรสหายราษฎรต่างยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด ผมไม่เคยกล่าวปราศรัยให้ผู้ใดใช้ความรุนแรงในการต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้กำลังกับพวกเราจนเกิดเป็นเหตุปะทะวุ่นวาย หากท่านต้องการขังคนเพื่อระงับเหตุรุนแรง เหตุใดท่านจึงไม่ไปขังตำรวจที่ทำร้ายประชาชนเหล่านั้นบ้าง หรือเพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันพวกท่านจึงหลับตาข้างเดียวให้

และในวันเดียวกับที่พวกท่านไม่ให้ประกันตัวพวกผมซึ่งยังเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกท่านกลับให้ประกันตัวจำเลยคดีฆาตกรรมอีกรายหนึ่งที่ถูกพิพากษาให้มีความผิดแล้วด้วยซ้ำ  และในปีที่ผ่านมาพวกท่านก็ให้ประกันตัวนายสุเทพ นายสนธิญาณ และแกนนำ กปปส. อีกหลายคนที่ถูกพิพากษาให้มีความผิดไปแล้ว โดยที่ยังขังพวกผมไว้ ผมอยากถามพวกท่านว่าในขณะที่พวกท่านตัดสินใจใช้อำนาจเช่นนี้ พวกท่านรู้สึกตะขิดตะขวงหรือละอายใจบ้างหรือไม่ ท่านได้ถามตัวเองบ้างหรือไม่ ว่าพวกท่านกำลังทำตัวเป็นศาลลำเอียงหรือเปล่า หรือพวกท่านก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำว่ายุติธรรมที่เขียนในชื่อองค์กรศาลสถิตย์ยุติธรรมของพวกท่าน

ที่สำคัญพวกท่านทราบหรือไม่ว่าการใช้อำนาจโดยเลือกข้างทางการเมืองเช่นนี้ เป็นการอุ้มชูรัฐบาลระบอบประยุทธ์  จันทร์โอชา ซึ่งเราต่างรู้ดีว่าเป็นรัฐบาลที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติมากที่สุดที่เคยมีมา การที่ท่านค้ำชูรัฐบาลก็เท่ากับว่าพวกท่านต้องร่วมรับผิดชอบกับความวิบัติที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติจากรัฐบาลนี้ด้วย

ขอให้ท่านอย่าได้ทำให้พวกเรากลายเป็นเนลสัน แมนเดลาของประเทศไทย เพราะหากเป็นเช่นนั้นประวัติศาสตร์จะจดจำท่านไว้ไม่ต่างจากผู้พิพากษานาซีที่เคยรับใช้ระบบเผด็จการฮิตเลอร์ในที่สุด…

วันก่อน ทนายเพิ่งจะบอกว่า ต่อไป อานนท์, เพนกวิน,  ไมค์ ระยอง และ ไผ่ ดาวดิน จะไม่ขอประกันตัวแล้ว

อ้างว่าเหตุผลของศาลอาญาไม่ชอบด้วยหลักกฎหมาย  หลักยุติธรรม และไม่เป็นไปตามกติการะหว่างประเทศที่ไทยได้ให้สัตยาบันรับรองไว้

แค่ข้ามวันขู่ฟ่อซะแล้ว จะแปลงร่างเป็น เนลสัน แมนเดลา

ด่าผู้พิพากษา เป็นนาซี

สรุปคือ ต้องให้ประกันตัวทั้ง ๔ คนโดยเร็ว ก็จะไม่มี  “เนลสัน แมนเดลาเมืองไทย”

จะเอาไงกันแน่

อยากให้เป็น “เนลสัน แมนเดลาเมืองไทย” จริงๆ

การจะเป็นแบบ “เนลสัน แมนเดลา” ไม่ใช่เรื่องที่ลอกเลียนแบบกันได้ง่ายๆ

ประการแรกความสำคัญของ แกนนำสามนิ้ว ยังไม่ได้ขี้เล็บนิ้วก้อยของ “เนลสัน แมนเดลา”

แต่ถ้าอยากเป็นจริงๆ ต้องทนอยู่ในคุก ๒๗ ปี ในห้องขังเล็กๆ บนเกาะ ให้ได้เสียก่อน

รอจน “เพนกวิน” อายุ ๕๐ ปี แล้วค่อยออกมารับรางวัลโนเบล ลงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐไทย

ถ้าจะให้เป็นภายใน ๒-๓ ปี หรือใน ๑๐ ปี คงจะยากหน่อย

ประการถัดมา ตราบใดที่ยังเจตนาดึงศาลเป็นคู่ขัดแย้ง  การออกจากคุกก็ยิ่งยาก ไม่ใช่เพราะศาลโกรธเกลียด แต่เพราะการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก

ไม่เช่นนั้นจะเกิดบรรทัดฐานใหม่

ด่าศาลแล้วได้ประกันตัว


Written By
More from pp
“สนธิรัตน์” ประกาศนโยบายพลิกโฉมเศรษฐกิจประเทศไทย เร่งยกระดับเครื่องยนต์เศรษฐกิจเดิม เพิ่มเติมเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ ย้ำ ขอก้าวข้ามความขัดแย้ง จัดตั้งรัฐบาล นำทุกนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้สำเร็จ
9 มีนาคม 2566 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์สู่สนามเลือกตั้งปี 2566 ในงาน IBusiness...
Read More
0 replies on “‘ลุงตู่’ อยู่ถึงปี ๒๕๗๐-ผักกาดหอม”