ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานและร่วมปาฐกถาในงาน “เศรษฐกิจฐานราก พลิกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย” โดยมี นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ พร้อมด้วยผู้บริหารสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้บริหารภาครัฐ ปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการ และผู้นำชุมชนร่วมระดมความคิดเห็นในหัวข้อ “หัวใจเศรษฐกิจไทยยุคใหม่” และ “เศรษฐกิจฐานราก อนาคตไทย อนาคตเรา” เพื่อร่วมเสนอแนะแนวทางความร่วมมือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก พร้อมผลักดันสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ณ อาคารอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี
นางสาวจิราพร กล่าวว่า ประชากรหลักของประเทศไทยประกอบอาชีพเกษตรกรรม เศรษฐกิจฐานรากจึงถือเป็นฐานสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญตั้งแต่วันนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต โดย โออาร์ ในฐานะบริษัทเรือธง (Flagship) ของกลุ่ม ปตท.บริษัทเรือธง (ธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีวิสัยทัศน์ในการเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชน ผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งโออาร์ ได้ดำเนินธุรกิจที่เติบโตร่วมกับสังคมชุมชน และช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่มุ่งมั่นพัฒนาสถานีบริการน้ำมันฯ ให้เป็นพื้นที่สร้างประโยชน์ให้กับชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการกว่า 1,500 ราย เป็นผู้ดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังได้สร้างงานสร้างอาชีพกว่า 23,000 คน ปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันฯ จำนวนรวมกว่า 1,850 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ โออาร์ ได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัด “โครงการไทยเด็ด” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนนำผลิตผลทางการเกษตร อาหาร และสินค้าหัตถกรรมงานฝีมือที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาจำหน่ายภายในสถานีบริการน้ำมันฯ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สร้างโอกาสในการขยายตลาด และสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ประกอบการฯ ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 147 ราย และยังคงมีแผนขยายโครงการฯ ไปยังสถานีบริการน้ำมันฯ ทั่วประเทศต่อไป
นอกจากนี้ โออาร์ ยังได้ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ผ่านธุรกิจร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ที่มีจำนวนรวมกว่า 2,800 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) กว่า 2,400 ราย เป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างงานกว่า 16,000 คน
นอกจากนี้ ยังได้คัดเลือกสินค้าชุมชนมาวางจำหน่ายภายในร้าน รวมถึงการรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบประมาณ 4,000 ตันต่อปี จากเกษตรกรทั่วประเทศ กว่า 2,800 ครัวเรือน อาทิ เมล็ดกาแฟกะลาจากวิสาหกิจชุมชนบ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย เป็นต้น โดยมีแผนการขยายผลการวิจัย การพัฒนาการปลูก และการผลิตกาแฟแบบระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้กับเกษตรกรในภาคเหนือและภาคใต้ รวมถึงการรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรทั่วประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ โออาร์ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชน ตลอดจนสร้างวิสาหกิจชุมชนให้มีศักยภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้ เพื่อช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความเข้มแข็ง พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน นางสาวจิราพร กล่าวเพิ่มเติม