“กาสิโน” ได้พูดหรือ “ได้ทำ”-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

หมู่นี้ร่างกายไม่อำนวยในการคุยเลย!
หนาวมา หวัดก็มา กองลม-กองธาตุ วิปริตปั่นป่วน สรุปแล้ว ปีนี้ เป็นปี “ความเป็น-ความตาย” ชักเย่อกัน

เมื่อต้องคุย แล้วจะคุยเรื่องอะไรกันดีล่ะ?
เอาเรื่อง “ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน” เห็นพ้อง ถึงเวลาเมืองไทยต้องมีบ่อนกาสิโนให้เป็นเรื่อง-เป็นราวเสียที ก็แล้วกัน

โดยที่ประชุมสภาผู้แทนวานซืน (๒ ธค.) ในจำนวนสส.ผู้ลงมติ ทั้้งฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล รวม ๓๒๙ คน
๓๑๐ คน เห็นด้วยกับญัตติ……
ให้ตั้งกมธ.วิสามัญ พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร รูปแบบ Entertainment Complex
ไม่เห็นด้วยแค่ ๙ งดออกเสียง ๑๐!
ก็ตั้งกมธ.๖๐ คน พิจารณาศึกษา ใช้เวลา ๙๐ วัน

“สถานบันเทิงครบวงจร” ในรูปแบบ Entertainment Complex หน้าตามันเป็นยังไง?
หัวใจก็บ่อนหรือ “กาสิโนสถาน” นั่นแหละ

เพียงมีห้าง มีร้านค้า ร้านอาหาร มีสวนสนุก โรงหนัง-โรงละคร อะไรมิต่ออะไร เป็นองค์ประกอบ ในความหมาย Entertainment Complex

ถามว่า ประเทศเราจะมีบ่อนพนันเป็นเรื่อง-เป็นราวจริงๆ หรือ?
ก็ไม่รู้ซี ขึ้นอยู่กับผู้แทนท่าน โดยเฉพาะญัตตินี้ เสนอโดยสส.รัฐบาล และฝ่ายค้านเห็นพ้องต้องกัน
รอฟังผลพิจารณาศึกษาของ ๖๐ กมธ.เขาก่อน ดูว่าเขาจะสรุปออกมาทางไหน?

แต่ก็แบเบอร์อยู่แล้ว จะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจาก “ให้เดินหน้า” ชัวร์!
เดินหน้าไปถึงขั้นออกมาเป็นกฎหมายให้ตั้งบ่อนในรูป “สถานบันเทิงครบวงจร” คล่องปรี๊ด อย่างนั้นเลยหรือ?
อันนี้ ผมว่า “ไม่ชัวร์”

เพราะอะไรก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน เรื่องนี้ เมืองไทยกับสังคมไทย เหมือนคนถือศีล อยากกินแกงปลา
ไปตลาดเจอปลาเป็นๆ อยากซื้อมาแกงก็อยาก กลัวบาปเพราะทุบหัวปลาก็กลัว ก็เลยเก้ๆ กังๆ ครึ่งนรก-ครึ่งสวรรค์ ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น

ความจริง สภายุคทักษิณก็เคยตั้งกมธ.ศึกษามาแล้ว แต่เหมือนอาถรรพ์ บ่อนกับเมืองไทย ลงท้ายจบที่ “แท้งนอกมดลูก” ไปก่อนทุกครั้ง

นี่ก็อีกเหมือนกัน ได้แค่ศึกษา แล้วไปจบที่อาถรรพ์ทางสภาซะก่อนก็ไม่รู้!?

เรื่องกาสิโนในไทยนั้น วันนี้ มันเลยจุดยกเหตุผลทางศีลธรรม ทางเศรษฐกิจ มาหักล้างกันแล้ว เพราะมันถูกทุกทาง-ทุกฝ่าย!
มาถึงจุดที่ต้อง “ตัดสินใจ” กันแล้วตะหาก ว่าจะเอาหรือไม่เอา?

ไม่เอา…
ก็หลบๆ ซ่อนๆ ให้ตำรวจกับขาใหญ่เป็นสรรพากรเถื่อน เก็บภาษีเข้ากระเป๋า แทนที่จะได้เข้าคลัง อยู่อย่างนี้ต่อไป

ถ้าเอา…
ก็ออกกฎหมาย กำหนดรูปแบบและสถานที่ เชิญผู้ลงทุนมาเสนอผลตอบแทนให้รัฐ แล้วประมูลกันไป
มันก็ง่ายๆ ตรงๆ อย่างนี้

เลิกซะทีเถอะ กับการ “ถ่างขาคร่อม” นรก-สวรรค์ นอกจากไม่ได้อะไรเลยแล้ว
อาชญากรรม ยาเสพติด ศีลธรรมเสื่อม มอมเมาชาวบ้าน สารพัดอย่างที่อ้างกัน มันก็ยังมีอยู่ครบเหมือนเดิม!

อยู่ในโลกเป็นจริงเถอะ …….
ถ้ามีแต่นรก แล้วใครล่ะ จะขึ้นสวรรค์ ถ้ามีแต่สวรรค์ ใครล่ะ จะไปนรก?

ก็เพราะอย่างนี้ คติโลกจึงมีทั้งนรกและสวรรค์รองรับสำหรับให้คนเลือก
ถ้าพูดภาษาธรรม ก็นี่แหละที่เรียก “ตถตา” คือ มันเป็นเช่นนี้เอง!

หมายความว่า ผม “เห็นด้วย” กับการให้เมืองไทยมีกาสิโนอย่างนั้นใช่ไหม?
ก็ใช่ ในความหมายว่า…..

“บางเรื่อง” มันเป็นพื้นฐานอยู่ใน DNA มนุษย์ แสดงออกหลากหลายตามอุปนิสัยแต่ละคน ยากห้าม-ยากควบคุม
ก็ต้องใช้หลัก “บริหาร-จัดการ” เข้าจับ
กำหนด “กรอบ-กติกา” ซะ

พยายามอย่าให้มันอยู่ในสภาพปลวกใต้ดิน เอาขึ้นมาบนดิน ถึงไม่หมด ก็ยังได้ส่วนใหญ่ ดีกว่าปล่อยให้เสียไปทั้งหมด โดยไม่ได้อะไรเลย!

นี่พูดกันเพียงกรอบใหญ่ว่า “เอา-ไม่เอา” เท่านั้น ถ้าเอา ยังมีอีกล้านประเด็นที่ต้องหาข้อสรุป สู่การทำคลอด “สถานบันเทิงแบบครบวงจร”

โดยเฉพาะ จุดเป็นสถานที่อนุญาตให้มี “สถานบันเทิงครบวงจร” ที่อยากให้มี
ผมไป ๓ จังหวัดใต้ “ยะลา-นราธิวาส-ปัตตานี” ทุกปี เห็น “ปัญหาพื้นที่” แล้ว บอกตรงๆ มันเข้าลักษณะ
“โรคเรื้อรังเลี้ยงหมอ”!

ต้อง “ดิสรัปท์” รื้อทิ้ง แล้วสร้างใหม่สถานเดียว

แบบนั้น ทั้งโจร ทั้งชาวบ้าน ทั้งเจ้าหน้าที่ ใน ๓ จังหวัดใต้ ที่เหมือนจมนรก จะได้ขึ้นสวรรค์ ไปด้วยกันทั้งหมด
แถมประเทศชาติไม่ต้องเสียงบประมาณสูญเปล่า ชนิดนิรันดร์ อย่างทุกวันนี้อีกต่อไป

ถ้าให้มีกาสิโนจริงๆ ผมขอเสนอพื้นที่รอยต่อ นราธิวาส-ยะลา-ปัตตานี ให้สร้าง “สถานบันเทิงแบบครบวงจร” หนึ่งแห่ง
โครงสร้างคมนาคมพื้นฐาน ๓ จังหวัดใต้พร้อม เชื่อมโยงเหมือนใยแมงมุม

โจรแยกดินแดนน่ะ ไม่มี (มาก) หรอก
ของเถื่อน ยาเสพติด เจ้าหน้าที่คิดไม่ซื่อ นั่นแหละตัวร้าย สร้างฉากโจรใต้บังหน้า เอาทั้งงบ เอาทั้งค้ายา เอาทั้งค้าของเถื่อน ฝังอยู่กันอยู่

แยกปัญหาให้ชัด ถ้าจะแก้ปัญหาโจร ส่วนหนึ่งมาจากชาวบ้านไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้เพียงพอ มองไม่เห็นอนาคต เห็นแต่ความคดของคนในระบบที่สร้างภาพลวง

ดิสรัปท์ด้วยสร้างสถานบันเทิงครบวงจรซะ
ถ้าเกรงจะขัดหลักศาสนา ก็ไปชวนรัฐบาลมาเลย์ฯ มาร่วมทุน เพราะเขาทำเกนติ้งไฮแลนด์มาแล้ว จะได้สิ้นกังวลด้านหลักศาสนา

Entertainment Complex ที่นี่ เผลอๆ จะกลายเป็นศูนย์กลางพักผ่อน ท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง ของพี่น้องมุสลิมทั่วโลกไปเลย

ถึงตอนนั้น งานมา เงินก็มา ๓ จังหวัดใต้ถอดรูปอร้าอร่าม เหมือนเอาเมืองที่จมดิน ยกมาไว้บนดิน แล้วใครยังอยากเป็นโจรอยู่อีกล่ะ!?

ในฐานะร่วมทุน มาเลย์ก็ไม่อยาก วิน-วิน บนดินด้วยกันดีกว่า เมื่อแสงสาด ๓ จังหวัดใต้ พวกค้ายา ค้าของเถื่อน ยังจะโล่งแจ้งอยู่กลางไฟได้ ก็ให้มันรู้ไป…ประเทศนี้

๓ จังหวัดใต้นี่ โคตรเพชร “หมกโคลน” ดีๆ นี่เอง
ผมเห็นแล้ว เสียดายโอกาส เสียดายเวลา กว่า ๓๐ ปี ที่แก้ปัญหากันแบบ “เลี้ยงปัญหา” ไว้เป็นอาชีพเลี้ยงคนในระบบบางพวก

มันฝังรากจนสะกิดไม่หันแล้ว ต้องทุบหลังโครม นั่นแหละ ถึงหัน
การทุบหลัง คือการดิสรัปท์ เพราะนั่น จะยกทั้งโจร ทั้งคนอิงโจร ทั้งคนพื้นที่ ขึ้นมาบนดิน มีช่องทางทำมาหากินใน

ความ “ครบวงจร” จัดสรรให้แต่ละคนเลือก
เมื่อมองเห็นอนาคต จะยังเหลือซักกี่คน ที่ยังอยากเป็นโจร?

คุณ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ที่ยะยา นั่นก็ผู้ใหญ่รักใคร่นับถือกัน ในความต่างทัศนคติการเมือง แต่เพื่อ ๓ จังหวัดใต้ เอาไหน-เอากัน ไม่มีความต่าง

ยิ่งคุณ “พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ” นายกเทศบาลนครยะลา คนรักถิ่นฐาน ทำงานแบบ “ขายชีวิตให้” ด้วยแล้ว
ไม่เพียงกับคนยะลา….

หากแต่โอบเอื้อถึงพี่น้อง ๓ จังหวัดใต้ เท่าที่ผมสัมผัสร่วม ๒๐ ปี เจอกันทีไร นายกฯ พงษ์ศักดิ์ มีแต่เรื่องจะทำนั่น-ทำนี่ เพื่อขุดโคตรเพชรขึ้นจากโคลน

ในมหภาค ก็ได้แต่ “อยากจะ…อยากจะ”

แต่มันเหนือวิสัยภาวะระดับท้องถิ่น ถ้าระดับรัฐมีนโยบาย “ดิสรัปท์” อย่างใด-อย่างหนึ่ง ระหว่างรอยต่อ ๓ จังหวัดใต้
จะเป็นการพลิกฟ้า-พลิกดิน ปัญหาโลกแตก ๓ จังหวัดใต้ จะหายไปปานปาฎิหาริย์ ชนิดได้ทั้งใจ ได้ทั้งความร่วมมือคนพื้นเมือง

แต่ก็ต้องบอกว่า……
สถานบันเทิงครบวงจร ในความหมาย “กาสิโนสถาน” ไม่ใช่ยาแก้โรคชนิดครอบจักรวาล เหมาะกับการใช้แก้โรคสถานที่หนึ่ง ก็ใช่ว่า จะใช้ได้ผลกับที่อื่นๆ ในทุกที่ไป

เพียงแต่เห็นว่า ที่ ๓ จังหวัดใต้ เข้าลักษณะ “ลางเนื้อชอบลางยา” กาสิโนแบบ “สถานบันเทิงครบวงจร” นี่แหละ
“ดิสรัปท์” ที่ถูกโรคแน่!
แต่ใครก็อย่าเพิ่งทึกทักไปนะ เพราะทั้งหมดนี้ จะชาตินี้ หรือชาติหน้า ก็ยังสุดปัญญาเดา

 


Written By
More from plew
ทำไมจึงไล่นายกฯ? – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน เข้าพรรษา “พระเคร่งศีล” ยัง ๓ เดือน แล้วเรา-ชาว “กทม.และปริมณฑล” “มินิล็อกดาวน์” เคร่งวินัยกัน ๑๔...
Read More
0 replies on ““กาสิโน” ได้พูดหรือ “ได้ทำ”-เปลว สีเงิน”