ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
จะบอกว่า “ขอกันกิน”!
ผมเองก็ไม่ได้มีบารมีอะไรที่พอจะพูดคำนี้ให้คนทั้งคู่ยอมฟังได้ ฉะนั้นที่คุณเพชร-กรุณพล เทียนสุวรรณ โพสต์..
“ถ้าสู้คนตายตั้งแต่เด็กแล้ว ตนด่าผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิง และมีข้อสงสัยเรื่องอมตังค์ ทำไมเขาอยากเจอตน หรือเขารู้ว่าหมายถึงใครเลยอยากมาบอก นี่ #โหนกระแส หรือผู้ตรวจราชการแผ่นดิน”
จึงถูกแล้วที่หลบเลี่ยงไม่ปะทะ แต่คราวหน้า-คราวหลังก็อย่าวู่วามใจร้อนกับการโพสต์ หากรู้ว่าตัวเอง “ไม่ใช่คนสู้คน” ก็ไม่ควรทำปากเก่ง ไปกระแนะกระแหนใครเขาอย่างที่โพสต์ก่อนหน้า..
“คนที่ตบถีบผู้หญิง ใช่คนที่ขอเงินบริจาคทำหนัง แล้วใครถามก็ไล่บล็อกหรือเปล่า พร้อมติดแฮชแท็ก#เก่งกับผู้หญิงนะเรา”เช่นนั้น
เพราะคำว่า “เก่งกับผู้หญิงนะเรา” จะทำให้อีกฝ่ายคิด-มองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากหยามแล้วยังจะท้าทายกันด้วย!
และคงคิดอย่างนี้กระมัง คุณต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค ซึ่งก็รู้ล่ะว่าที่คุณเพชรโพสต์หมายถึงตัวเขาเพราะเพิ่งผ่านการตบ-ถีบผู้หญิงมาแหม็บๆ จึงได้ประกาศอยากเจอหน้า..
แต่ถ้าไปเจอกันในที่ลับตา ก็อาจจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้นได้ ด้วยต่างฝ่ายต่างมีทิฐิ-อารมณ์ การท้าไปพบกันในรายการโหนกระแส จึงถือเป็นที่ที่เซฟ-ปลอดภัยทั้งสองฝ่าย!
จะเถียงจะตอบโต้มีอารมณ์กันแค่ไหน-อย่างไร กรรมการคือคุณหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ก็น่าจะควบคุมอยู่ ดูสิขนาดเชิญเมียเก่าที่ยกพวกตบเมียใหม่ แล้วทั้งสองฝ่ายหยาบคายใส่กันกลางรายการ..
คุณหนุ่มปรามเสียงเข้ม.. “..คุณทะเลาะกันได้ แต่อย่าถ่อยในรายการแบบนี้” เท่านั้นแหละ..เงียบกริบทั้งห้องส่ง!
การได้ไปคุยกันในรายการ “โหนกระแส” จึงเป็นช่องทางที่จะได้พูดได้อธิบาย ปรับความเข้าใจกัน มันไม่เกี่ยวกับ #โหนกระแส หรือผู้ตรวจราชการแผ่นดิน อย่างที่คุณเพชรแขวะอะไรเลย!
ผมน่ะ ใจจริงก็ปรารถนาที่จะเห็นคนในวงการบันเทิงมีความรักความสามัคคี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเกื้อหนุนต่อกันเหมือนกับอดีตที่เคยเป็นมา แต่เมื่อโลกเปลี่ยน-สังคมเปลี่ยนจึงพอจะเข้าใจ..
ว่าเป็นเรื่องยากที่จะเห็นสังคมคนบันเทิงรักใคร่กลมเกลียวกัน!
ถึงกระนั้น ผมก็ยังหวังสักวันคนบันเทิงจะรู้จักแยกแยะ และจะไม่ใช้อารมณ์ต่อกันในการแสดงความคิดเห็นทั้งการเมือง-เรื่องส่วนตัว!
ครับ..เมื่อวานศิลปินแห่งชาติ อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ได้ส่งไลน์และโทรศัพท์กำชับ.. “ฝากด้วย(โว้ย)สันต์” เปล่า ไม่ได้ฝากเมีย-ฝากลูก แต่ท่านฝากเรื่องนี้..
“จากแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๔ ซึ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ที่สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21
ในการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นสายใยสัมพันธ์ของคนในชาติ..และเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว สู่สังคม สู่ประเทศชาติ
ในฐานะที่กระผมเป็นนักดนตรี จึงขอนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านดนตรีขลุ่ยมาใช้เป็นเครื่องมือทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา และองค์กรที่มีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาเด็กและเยาวชน
โดยผ่านกิจกรรมด้านดนตรีซึ่งเป็นสิ่งไม่ล้าสมัย แต่เป็นการสะท้อนถึงความตั้งใจและการแสดงออกถึงคุณธรรม ความดี ที่สามารถสัมผัสได้ผ่านเสียงดนตรี
กระผมจึงได้ดำเนินการจัดทำโครงการขลุ่ยเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในชาติ ครั้งที่ 1 ขึ้น เพื่อเป็นการพัฒนากิจกรรมทางด้านดนตรีซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนฯ
โดยนำเด็กและเยาชนที่ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 1,000 คน มาร่วมแสดงคอนเสิร์ตกับกระผม ในวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์”
รายละเอียด อาจารย์บอกให้ไปฟังการแถลงข่าวอีกทีในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ เวลา 13.00น. ณศูนย์วัฒนธรรม (หอเล็ก)
รับทราบ-รับปาก..ไปร่วมฟังครับ!