เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เริ่มฉีดวัคซีนทางเลือกให้กับพนักงานวันแรก ซึ่งเป็นวัคซีนที่ภาคเอกชนออกค่าใช้จ่ายเอง ผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแบ่งเบาภาครัฐ และถือเป็นการดูแลพนักงานและครอบครัวอีกด้วย
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย ทำให้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ ในภาวะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ในอัตราเกือบจะถึงหลักหมื่น ถือเป็นเรื่องที่น่าวิตก ดังนั้นการที่ภาคเอกชนช่วยแบ่งเบาภาครัฐด้วยการฉีดวัคซีนทางเลือกให้กับพนักงานและครอบครัว ถือเป็นมาตรการในการดูแลบุคลากรของเครือ
ในการนี้ได้ขอให้ซีอีโอและผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลของทุกบริษัทในเครือผนึกกำลังเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 และปกป้องดูแลพนักงานให้ปลอดภัย เพื่อเป็นการลดภาระภาครัฐ โดยล่าสุดเครือซีพีได้ประกาศให้เร่งฉีดวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มที่เครือซีพีได้รับการจัดสรรจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แก่พนักงานในสายการผลิต พนักงานด่านหน้าที่ต้องสัมผัสกับลูกค้าหรือผู้บริโภค และพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงโดยเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทยอยฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานดังกล่าวที่อยู่ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน)หรือซีพีเอฟ,บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน), บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด(มหาชน)และบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือ โลตัส เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่พนักงานและสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าและผู้บริโภค
นอกจากนี้ นายธนินท์ มีนโยบายให้ซีอีโอและผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลทุกบริษัทหาทุกวิถีทางช่วยพนักงานและครอบครัว ในขณะเดียวกันขอให้พนักงานและครอบครัวก็ต้องดูแลตัวเองอย่างมีวินัย ถือเป็นการช่วยชาติช่วยองค์กร ซีอีโอ และผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลต้องผนึกกำลัง เพื่อไม่ให้พนักงานและบุคลากรมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรค ต้องเข้มงวด ต้องขอความร่วมมือพนักงาน มิฉะนั้นภาระจะไปอยู่กับประเทศ สุดท้ายประเทศจะเสียหาย