ยุค “ดรามาครองเมือง”-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ยี่เกกับสังคมไทยเป็นของคู่กัน
ฉะนั้น ไม่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ยี่เกต้องเกิดตามเป็นเงา
เผอิญยุคนี้ เป็นยุคไอที
“ยี่เก” จึงพัฒนาเป็น “ดรามา” ของพวกขยะที่หวังอัพราคาตัวเอง”ทางปั่นข่าว” แบบโง่ๆ
ดารา-นางงามประภท “สวยแต่ทรามสมองกลวง” พวกหนึ่ง
นักวิชาการ, โฆษกพรรคการเมืองประเภท “อ้าปากทีไร วัวควายเป็นฝูง” อีกพวกหนึ่ง

สามนิ้ว-สามสัส ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งโตยิ่งดักดาน ฉลาดในภาษาอังกฤษ NGO คือ โง่ครอบงำ อีกพวกหนึ่ง

และ “กระแดะข่าว” ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกะเขา อ่านก็ไม่อ่าน แต่ “เมนท์เสร่อ-โพสต์เสร่อ” ตามเขาสั่งได้ทุกเรื่อง อีกพวกหนึ่ง

ดังนั้น จึงไม่แปลก….
สถิติผู้ใช้อินเทอร์เน็ต “สูงที่สุดในโลก” ผลสำรวจที่ออกมา คือประเทศไทย

ก็ขนาดมีคนเสนอให้กระทรวงดีอีเอสปิดเว็บ porn hub พวกสส.ก้าวไกล และสามนิ้ว-สามสัส ยังออกมาต่อต้านว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ

ผสมเข้ากับขบวนการสามสัส-สามนิ้ว ต้องปั่นเฮทสปีชติดแฮชแท็กให้ขึ้นเทรนด์อันดับ ๑ ทุกวัน

ต้องปั่นข่าวธนาธรเก่งนั่น อัจฉริยะนี่ อินเตอร์โน่น สู่ความเป็นนายกฯ ของคนรุ่นใหม่

แม้ไปไม่ถึง ดันให้เป็น “นายกฯ โซเชียล” ตลอดกาล ก็เอา!

แล้วตอนนี้ ต้องปั่นเพิ่มอีกเจ้า
คือปั่นธนาธรเป็นนายกฯ โซเชียลแล้ว ยังต้องปั่นโทนาฟของแก๊งแคร์หลอ เป็น “นายกฯ ขลับเห่า” ด้วย

แถมยังต้องตามจับทุกอิริยาบถนายกฯ ทุกนโยบาย ทุกคำสั่ง ทุกงานของรัฐบาลและทุกคำพูดนายกฯ

มาตัดตอน-แต่งคำ-แปลงประเด็น เป็นเฮทสปีช เป็นข่าวปั่น เพื่อใส่, สอด, หยอด, เสียบ, เสี้ยม และแซะ จริงในเท็จ-เท็จในจริง ให้คนด่านายกฯ ด่ารัฐบาล

แค่นั่งดื่มน้ำ ดื่มกาแฟ ริมหาด รอรับเที่ยวบิน “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” มันก็ปั่น ไม่สวมหน้ากากดื่มกาแฟ

นายกฯ ยิ้ม นายกฯ หัวเราะ ก็ดรามา กรุงเทพฯ คนติดโควิดมีคนตาย แต่นายกฯหนีมาระเริงหน้ารื่นริมหาด

แล้วก็ปั่นเฮทสปีช ติดแฮชแท็ก “รัฐบาลฆาตกร”!

ทุกเรื่อง แม้กระทั่งไฟไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกที่บางพลี มันเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ที่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ว่ามันจะเกิดที่ไหน ตอนไหน เมื่อใด?

แต่สส.ผู้นำสามนิ้ว อีง่าวถามชง ไอ้งั่งโชว์ตอบบ้าง นางงาม-นางทรามครือกัน ดรามาสร้างประเด็น-ปั่นกระแส ถึงขั้นเพ้อเจ้อ อยากเอาสลิ่มไปเผาในกองเพลิงบ้าง

น่าเสียดาย….
ที่เอาเงินไปทำหน้า ถ้านางเอาไปทำนิสัย มูลค่าความเป็นสาวจะสูง แบบนี้เลยต่ำไร่เรี่ยเตี้ยหลังม็อบไปเลย!

เรื่องไล่นายกฯ ออกไปน่ะ มันเห่ย รู้มั้ย พวกกระสันเสียบแทนทั้งหลาย
ไม่ต้องกระสันหรอก….

มานี่ เอียงหูมาใกล้ๆ จะกระซิบบอกให้ จะได้หายกระสัน-กระเสือกกันซะที

และคนและพรรคร่วมประเภท “มนุษย์ ๒ หน้า” รู้ไว้ด้วย ๔ น่ะ ไม่จำเป็นต้องมาจาก ๒+๒ หรอก

จักรยาน, มอเตอร์ไซค์ ก็ไม่จำเป็นต้องมี ๒ ล้อ ล้อเดียวก็วิ่งได้ ไม่เคยเห็นกันหรือ?

บิลเลียดใครว่ากลม?
รู้ไว้ด้วย สิ่งไหนกลมสุด สิ่งนั้น เหลี่ยมมากสุด เหลี่ยมจะมากได้ ต้องมาจาก “เหลี่ยมตัดเหลี่ยม” ขึ้นไปได้มากที่สุด

ฉะนั้น อย่าผยอง แล้วทำแอคอาร์ต
“ขาดพรรคกู ตู่ก็พัง” นั่นโง่คิด ไม่ใช่ใคร่ครวญคิด!

๑๒๐ วัน “เปิดประเทศ” นายกฯ ประกาศ นึกว่านายกฯ กินยาผิดแล้วมาพูดงั้นหรือ?

๑๒๐ วันก็คือ ๔ เดือน จากกรกฎา-สิงหา-กันยา-ตุลา.ครบ ๑๒๐ วัน ก็เข้าพฤศจิกา.

พฤศจิกา.ทั้งพรรคฝ่ายค้านที่แช่งชักด้วยรอคอย ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลที่ต่อหน้ามะพลับ-ลับหลังตะโก ตอบซิว่า พฤศจิกา. มีอะไร?

ก็มี “ลอยกระทง” เดือน ๑๒ ไงล่ะ ทำเป็นงงไปได้!
แล้วเกี่ยวอะไรกับการออก-ไม่ออกของนายกฯ?

คนท้อง ๙ เดือนถึงคลอดใช่มั้ย
ถ้าอยากรู้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย ท้องได้ ๕ เดือน ไปอัลตราซาวด์ดูเพศก็รู้แล้ว

ท้องรัฐบาลนี้ก็เหมือนกัน เข้าปีที่ ๓ แล้ว แค่ “ตาซาวด์” ก็อนุมานได้แล้ว ว่าที่ดุ๊กๆ ในท้องนายกฯ นั่นน่ะ

ดุ๊กๆ แบบ “ยุบหนอ-พองหนอ”
หรือดุ๊กๆ แบบ “อยู่ต่อ” กวนตีน-กวนใจพวกตะกายเมืองไปเรื่อยๆ?

เผ, โปกเกอร์ ไพ่ ๕ ใบ หงายให้ดูแต้มแล้ว ๔ ใบ ก็เหมือนรัฐบาลในปีที่ ๓ ของนายกฯประยุทธ์ตอนนี้

ใครจะสู้ จะถอย ถ้ามั่นใจหน้าไพ่ในมือตัวแล้ว ก็เชิญซื้อไพ่ “ใบสุดท้าย” กันให้มิดด้ามไปเลย

ผมแค่อยากดูเฉยๆ ไม่ตื่นเต้นกับการลุ้นใดๆ!

“แต้มทิพย์” ผมไม่รู้
รู้เพียงว่า “ตาทิพย์” ผมมี และมองทะลุไพ่ใบที่ ๕ ของนายกฯ หลังครบ ๑๒๐ วัน ว่าความผันแปรจะเกิด ก็เท่านั้น

นกเขา ก็คนมีความปรารถนาดีต่อกันมาก่อน

จตุพร ก็เคยกินข้าวกัน แม้หนเดียว ก็ไม่ต่างข้าวเหนียวเมล็ดเดียว เพาะแล้วปลูกได้เขียวทั้งประเทศ

เลิกเหอะ….
แล้วมากินข้าวเล่าอดีตเคล้าน้ำตะไคร้ใส่กัญชา ๕ ต้นกัน มองไปข้างหน้า ว่าจะช่วยพัฒนาบ้านเมืองของพวกเราแบบไม่ทำบ้านเมืองให้ชอกช้ำด้วยกันได้ทางไหนบ้าง

โดยไม่แยกพวก-แยกสี-แยกฝ่าย เพราะคนเรา ไม่ใช่ ม้า-วัว-ควาย “สวมกระบังตา” กินฟางแห้ง ด้วยเห็นสด

ผนึกรวมกันเป็นหนึ่ง เพราะถึงอย่างไร ไทยก็ตัดขาดจากไทยด้วยกันไปไม่ได้

สุขกันบ้าง-ทุกข์กันบ้าง พอใจกันบ้าง ไม่พอใจกันบ้าง ก็ค่อยๆ คุยกัน เชิญนายกฯ มาล้อมวงเล่านิทานสู่กันฟัง ถ้าทุกคนจิตตรง เข็มทิศประเทศ ก็เดินมาทับกันได้ ไม่แปลก

รวมเป็นไทยกันไว้….
ถึงอย่างไร ชั่ว, ดี, ถี่, ห่าง มันก็ดีกว่า “แยกไทย”

นอกจากเป็นไปไม่ได้แล้ว ยังจะทำให้ชาติบ้านเมืองเราถอยหลังกลับไปอยู่ในสภาพเดียวกับ “พม่าเมืองแตก” ขณะนี้

นอกจากดรามาในประเด็นที่คุยมาเหล่านี้แล้ว ตอนนี้ โควิดที่ถอยทัพไปรอบแรก
มันกลับไประดมพรรคมันพวก “สายพันธุ์เดลตา” ย้อนกลับมาตีกระหน่ำซ้ำเรา รอบ ๓ รอบ ๔

ดรามาสังคมการเมืองชิงเมือง ก็ส่วนหนึ่ง
แต่ตอนนี้ เกิดดรามา “หมอการค้า” ขึ้นมานี่ซี มันไร้สาระ น่าสะอิดสะเอียนสิ้นดี

“หมอ” ในจิตสำนึกคนไทยคือ “เทพ” ผู้ทรงคุณจริยธรรมสำนึกเพื่อการมีให้ต่อมนุษยชาติ

คนอายุ ๑๐๐ ปี นอกจากพระ ที่สองมือพนม ก้มศีรษะให้ ก็มีแต่หมอเท่านั้น

จิตเดิมแท้ของหมอแท้ตอนนี้ ทุกลมหายใจ จะทำยังไง ให้ได้วัคซีนมาช่วยเพื่อนมนุษย์

แต่กลับมีหมอคนหนึ่ง ด้วยจิตเดิมแท้เฉพาะตัว ทุกลมหายใจ กลับคิด จะทำยังไง ให้ได้วัคซีนมาขายเพื่อนมนุษย์ในเชิงพาณิชย์

หมอพ่อค้า เมื่อเห็นโควิดแปรทัพเป็นเดลตา “ซิโนแวค” ที่เคยชม ว่าเป็นน้ำหยดแรกในเมืองแล้ง “จากจีน” หยาดหยดยังชีวิต ก็ด้อยค่าว่า “เกรด C” ไม่มีประโยชน์

จากนั้น ก็ตีป่าต้อนสัตว์ที่แตกตื่นให้มาเข้าตาข่ายที่เขาดัก ให้คนไปจองซื้อวัคซีนโมเดอร์นาที่เขาจะสั่งซื้อมาฉีด

แล้วตวาดด่ารัฐบาล ด่าองค์การเภสัช ผิดพลาด ล่าช้า เอาแต่วัคซีนไม่ดีมาฉีดให้ประชาชน

เขาสั่งซื้อ ๕ ล้านโดส พร้อมเอาเงิน ๑ หมื่น ๕ พันล้าน มาวางให้องค์การเภสัช เพื่อสั่งซื้อให้เขา คือพวกกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน เภสัชฯ ก็ล่าช้า จากเมษา.ป่านนี้ก็ยังไม่สั่งซื้อให้ เขาว่างั้น

แถมเกรี้ยวกราดอภ.เขาให้คนสั่งจองที่โรงพยาบาลเขาโดสละ ๑,๗๐๐ บาท แล้ว อภ.ออกข่าว ต้นทุน ๑,๑๐๐ บาท เท่ากับอภ.ไปฉีกหน้า-ฉีกราคาเขา ทำนองนั้น

คนที่เชื่อดรามาหมอ ก็ด่ารัฐบาล ด่าอภ.ยับเยิน ว่ามีนอก-มีใน สั่งแต่ชิโนแวค ไม่สั่งไฟเซอร์-โมเดอร์น่า

ประเด็นเรื่องนี้ ก็มีว่า….
เงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ที่คุยพร้อมวางในการสั่งซื้อ
อยู่ไหน เอามาให้อภ.เขาหรือเปล่า?
ก็เปล่า….

สั่งซื้อแต่ปากลอยๆ สัญญิง-สัญญาไม่ยอมทำ เงินก็ไม่มา-ไม่มี พูดแต่ว่า ผอ.องค์การเภสัช “หมอวิทูรย์” มันลูกศิษย์ผม

แบบนี้ ใครเขาจะไปสั่งซื้อได้ล่ะ สั่งซื้อไป แต่ไม่มีเงินไป อย่าว่าแต่คนเลย ควายมันก็ยังไม่ร้อง มอๆๆ

ทีคนไปจองวัคซันที่โรงพยาบาล ทำไมเก็บเงินเขาก่อนล่ะ ไม่รอฉีดก่อนค่อยจ่ายล่ะ?

มันก็ทำนองเดียวกัน ให้อภ.เขาสั่งมาให้ แต่เงินไม่ให้เแล้วเขาจะเอาเงินจากไหนไปมัดจำ

เล่นจับเสือมือเปล่า ทุนก็ไม่ยอมจ่าย ให้คนทำงานให้จ่ายก่อน แถมต้องรับผิดชอบปัญหาทั้งหมด ส่วนตัวเองได้ของถูกเอาไปขายบวกค่าบริการแพงๆ
ไม่ต้องลงทุนซักบาท เพราะทุกโดส เก็บเงินจากคนจองล่วงหน้ามาจ่าย สบายแบบเขี้ยวโง้ง!

เมืองไทยนี่ มี “ผีบุญ” มาทุกยุค ตั้งแต่อยุธยา ยันรัตนโกสินทร์
สมัยจอมพลสฤษดิ์ ก็มี “ผีบุญ” ถูกจับยิงเป้าไป

สมัยนี้ ไม่มี “ผีบุญ”
มีแต่ “ปีศาจเสื้อกาวน์” ไม่น่ากลัว แต่น่ารังเกียจ!

Written By
More from plew
ด้วยยินดี “ผู้ว่าฯชัชชาติ” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน วันนี้ “ไม่คุย” เรื่องสภา คุยเรื่อง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ดีกว่า เมื่อวาน (๑...
Read More
0 replies on “ยุค “ดรามาครองเมือง”-เปลว สีเงิน”