ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ผู้เฒ่าผู้แก่เคยบอก..
ถ้าได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องไม่ช้าฝนมาแน่ แต่ก่อนดูจะจริง เพราะวันสองวันถัดจากนั้นฝนก็ตก บางถิ่นที่ถือเอาเป็นเกณฑ์แทนกรมอุตุนิยมไปเลย
แต่..ปัจจุบัน นอนฟังเสียงตุ๊กแกร้องอยู่ร่วมเดือนฝนก็ไม่ยอมเท คนสมัยนี้ก็เลยไม่ค่อยจะยอมเชื่อในคำบอกเล่านั้นกันสักเท่าไหร่แล้ว
และไม่เฉพาะเสียงตุ๊กแก ผู้เฒ่าผู้แก่ยังได้บอกอีกเหมือนกันว่า ถ้าได้ยินเสียง “จักจั่น” นั่นหมายความว่า หน้าร้อน-ฤดูร้อนได้มาถึงแล้ว
ซึ่งนี่ผมเห็นจะเชื่อ เพราะประมาณเดือนที่ก่อน จักจั่นมาร้องกรี๊ดเสียงกังวานใสให้ได้นอนฟังเพลินอยู่หน้าบ้านนานสองนานติดต่อกัน 3-4 ราตรี!
นี่..พูดถึง “จักจั่น” ต้องนับเป็นแมลงที่ค่อนข้างพิเศษ-มหัศจรรย์ ด้วยนอกจากจะไม่เป็นพิษเป็นภัย ทำร้ายย่ำยีมนุษย์ ไม่เป็นศัตรูต่อพืชเกษตรแล้ว
แมลงตัวนี้ ยังจะมีความอดทนสนสูง พวกมันจะอาศัยอยู่โนโลกมืดใต้ดินนับสิบ-ยี่สิบปีก่อนจะที่โผล่ขึ้นมาใช้ชีวิตเพียงห้วงสั้นๆ ไม่กี่วัน
ลักษณะพิเศษเฉพาะตัวอีกอย่างก็คือ มันไม่กินอาหารเพราะไม่มีปาก แต่ประหลาดนัก ที่จักจั่นกลับเป็นอาหารอันโอชะของพวกมนุษย์!
จะเพราะเป็นแมลงที่หายาก หรือจะด้วยเป็นแหล่งอาหารโปรตีนชั้นยอดก็ไม่แน่ใจนัก แต่ทั้งเหนือ-ใต้-อีสาน ต่างจัดให้เป็นอาหารพื้นบ้าน-เมนูจานเด็ดทีเดียวเชียว!
อย่าว่าโง้นงี้ หน้าร้อนนี้ถ้าได้แกงจักจั่นผักหวานสักถ้วยต้องบอกเลยว่า ทั้งรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งสรรพคุณสมุนไพร เอาหูฉลามมาแลกก็ไม่ยอม!
ก็..เห็นจะเป็นช่วงต้นฤดูร้อนนี้เท่านั้นแหละที่จะได้ลองลิ้มชิมรส เพราะพลาดหน้านี้ก็ต้องทำชีวิตให้ยืนยาวรอไปอีกปีถึงจะมีให้กิน
นี่..พูดจริงจังนะ แต่สำหรับบางคนก็บอกว่าถึงจะเป็นอาหารสุดยอดแค่ไหนก็กินไม่ลง ด้วยเหตุผลหนึ่งไม่กินแมลง สอง.. “เสียดาย”!
เขารู้..จั๊กจั่นเป็นแมลงดึกดำบรรพ์ สายสืบสายพันธุ์ต่อเนื่องมาก่อนที่จะมีมนุษย์บนโลกเสียอีกตั้งแต่ยุคจูราสสิก 200 ล้านปีมาโน่นเลย ไม่ควรไปกินพวกมัน ว่างั้น!
ผมเคยอ่านเจอ..จักจั่นนอกจากเป็นสัตว์ในไฟลัมอาร์โธรโพดา มีลำตัวเป็นปล้องมีเปลือกหุ้ม สาระสำคัญในเปลือกคือสารไคติน ที่ทำให้เกิดพิษต่อคนที่มีปัญหาภูมิแพ้
ซึ่งคนเป็นภูมิแพ้ แม้จะถูกปาก-ถูกลิ้น ก็เห็นจะต้องเลี่ยงการกินแมลงทุกชนิด รวมทั้งกุ้งสารพัด ที่แม้ไม่ใช่แมลงแต่ก็เป็นพวกไฟลัมเดียวกัน ด้วยสารไคตินจะไปกระตุ้นให้เป็นลมพิษฉับพลันได้
แต่สำหรับหนุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้านคนนั้นแล้ว ต่อให้แพ้แค่ไหนอย่างไรก็เห็นจะต้องยอมแบบตายเป็นตายเป็นแน่ ไม่งั้นก็ไม่คุกเข่าขอ “จั๊กจั่น” แต่งงานหรอก!
ส่วน “จั๊กจั่น” เอง ก็น่าจะเกิดภูมิแพ้ขึ้นมาเหมือนกัน จึงได้รีบตกลงร่วมหอลงโรง แต่งงานกันฉับพลันทันที
ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจ-ยินดี และหวังว่าโลกบันเทิง จะยังมี..
“จั๊กจั่น อคัมย์สิริ” อยู่ต่อไป!