นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคก้าวไกลได้เขียนบทความถึงนายชวน หลีกภัย เพื่อให้ไปถอนแจ้งความกรณีที่มีการตัดต่อภาพนายชวน หลีกภัย จนก่อให้เกิดความเสียหาย
ต้องเรียนว่าโฆษกพรรคก้าวไกลถือว่าทำตัวไม่สมกับความเป็น ส.ส.ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยควรมีความรู้ว่าการใช้ช่องทางกระบวนการทางกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิของตนคือแนวทางที่ถูกต้องตามหลักนิติรัฐ
กรณีที่มีการนำภาพที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ชงกาแฟไปเผยแพร่หรือทำพื้นหลังหรือมีการเพิ่มเติมข้อความโดยถ้อยคำปกติ ไปทำเป็นพื้นสีเขียว ใส่ตัวการ์ตูนในเชิงสร้างสรรค์ไม่มีปัญหาสามารถทำได้
เราเข้าใจในสถานะของความเป็นนักการเมืองนายชวน หลีกภัย เป็นนักการเมืองมายาวนานการตรวจสอบการกล่าวถึงในมุมมองต่างๆทำได้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นคนของประชาชนอยู่กับประชาชนมาตลอดชีวิตเปิดกว้าง เปิดรับ ปรับตัว เข้ากับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในด้านเทคโนโลยีตลอดเวลา
ข้อเท็จจริงที่ได้มีการตามเก็บข้อมูลของฝ่ายกฎหมายมีการกระทำการผ่านสังคมโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นการให้ร้าย ใส่ร้าย ทำให้เกิดความเสียหายอยู่เป็นจำนวนมากแต่หลายกรณีมีการตักเตือนให้หยุดการกระทำก็มีอยู่มากเช่นกัน
แต่กรณีที่เกิดล่าสุดที่มีการตัดต่อภาพมีการกระทำที่เกินเลยขอบเขต ภาพตัดต่อจำนวนมากทำให้เกิดความเสียหายประกอบข้อความที่ให้ร้ายกล่าวหานายชวน หลีกภัย ว่าสั่งให้ใช้ความรุนแรง สั่งให้ตำรวจทำร้ายประชาชน ใช้ภาพตัดต่อเป็นภาพลามกอนาจาร ตัดต่อในลักษณะไม่เหมาะสมในทางเพศ ตัดต่อในลักษณะที่มุ่งหวังชี้นำให้มีการใช้ความรุนแรง และที่ไม่สามารถเปิดเผย ต่อสาธารณะได้คือการตัดต่อภาพนายชวน หลีกภัยไปในลักษณะก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งสิ่งนี้คือสิ่งที่ยอมไม่ได้
มาตรา 16 ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ คือกระบวนการในการคุ้มครองประชาชนทั้งประเทศหากมีใครนำข้อมูลที่มีการตัดต่อเติมหรือดัดแปลงแล้วนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึง เข้าไปดูได้ เมื่อเป็นภาพตัดต่อที่ทำให้บุคคลอื่นเสียหายก็ถือว่ามีความผิดการใช้กระบวนการ ทางกฎหมายคือช่องทางที่ดีที่สุดในระบบประชาธิปไตย
ผมมีสติปัญญาพอที่จะวินิจฉัยได้ว่าภาพตัดต่อเป็นพื้นสีเขียว ไม่ได้มีความผิดหรือภาพที่ตัดต่อแบบสร้างสรรค์สามารถทำได้ เพราะไม่เสียหาย แต่โฆษกพรรคก้าวไกลก็ควรมีสติปัญญาในการพูดเช่นกันข้อมูลในสำนวนมีภาพใดบ้างข้อหาอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ออกมากล่าวหาผมว่าใจไม่กว้างไม่เข้าใจสังคมโซเชียลมีเดียไม่ปรับตัวให้เข้ากับการใช้สิทธิและเสรีภาพ
ข้อความที่ได้ออกมาจากโฆษกพรรคก้าวไกลถือว่าเป็นการบิดเบือนเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นโดยเฉพาะกล่าวหาว่าผมไปท้าทาย ข่มขู่ แบ่งแยกประชาชนอันที่จริงข้อความนี้เป็นหมิ่นประมาทแต่ผมใจกว้างพอไม่ติดใจที่จะดำเนินการแต่ก็ขอร้องว่าอย่ามาท้าทาย
มาดูถูกเหยียดหยามผมว่าถ้าเป็นโฆษกพรรคก้าวไกลแบบนี้ไม่พ้นโปรเป็นข้อความที่ถือว่าไม่ให้เกียรติกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยไปพาดพิงโฆษกคนนี้ แต่อยากจะเตือนว่าการทำงานการเมืองไม่ควรทำตัวในลักษณะดูถูกคนอื่น
ผมคงไม่ไปอยู่พรรคก้าวไกลที่สืบทอดมาจากพรรคอนาคตใหม่เพราะผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์นี่คือความภูมิใจคือพรรคที่เป็นสถาบันยึดมั่นในการครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พรรคผมไม่เคยถูกยุบ พรรคผมยึดมั่น ชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์
การที่บอกว่าเป็นคนเข้าใจสังคมโซเชียลมีเดียคือจะทำอะไรในพื้นที่นี้ได้ทำผิดกฏหมายได้ใช่หรือไม่ผมไม่กล้าไปสอนแต่อยากบอกว่าเป็น ส.ส.ควรให้ข้อมูลต่อประชาชนว่าเมื่อวิวัฒนาการของสังคมเปลี่ยนแปลงไปเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้นการสื่อสารที่รับรู้ข้อมูลเร็วขึ้นในสังคมออนไลน์ควรที่จะใช้ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่ใช่ใช้ในทางที่เป็นโทษนี่คือการปรับตัวไปในทางที่ดี
ยิ่งคนเป็นผู้นำควรทำตัวเป็นแบบอย่างอย่านำข้อมูลในการสื่อสารผิดๆถูกๆให้กับพี่น้องประชาชนบางคนทำตัวเป็น ส.ส.โซเชี่ยล สส ทวิตเตอร์ แต่ ดูจากการสื่อสารแล้วควรได้รับฉายาอื่นมากกว่า