นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นในคนไทย แม้มุมมองการเมืองแตกต่าง ทุกคนยังคงรักชาติ รักษ์วัฒนธรรม รากเหง้า และคุณค่าของความเป็นไทยอยู่ พร้อมใช้เวทีการประชุมรัฐสภาร่วมเพื่อหาทางออกร่วมกัน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นในคนไทย แม้มุมมองการเมืองแตกต่าง ทุกคนยังคงรักชาติ รักษ์วัฒนธรรม รากเหง้า และคุณค่าของความเป็นไทยอยู่ พร้อมใช้เวทีการประชุมรัฐสภาร่วมเพื่อหาทางออกร่วมกัน

วันที่ 26 ต.ค.63  เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา ชั้น 2 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ  พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันระหว่างการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ)  รัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกรัฐสภา เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หวังใช้เวทีการประชุมรัฐสภาร่วมหาทางออกร่วมกัน เชื่อทุกฝ่ายมีความรักบ้านเมืองและแก้ปัญหาให้ผ่านไปด้วยกัน

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ว่า เสนอการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา  ตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีข้อเท็จจริง คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19  (COVID-19)  มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการที่ห้ามหรือควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของนักเดินทางต่างประเทศที่ประสงค์จะเข้ามาลงทุนด้านธุรกิจ รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยว การแข่งขันกีฬา หรือการใช้บริการสาธารณสุขในประเทศไทย เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ


ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังหามาตรการผ่อนปรน เพื่อให้มีผลทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจไปพร้อมกันด้วย  นอกจากนี้ ยังมี สถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และในต่างจังหวัด  รวมทั้งปัญหาน้ำท่วมทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อนเป็นจำนวนมาก  ในสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้รัฐบาลต้องระมัดระวังในการบริหารราชการแผ่นดิน ลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ และการเดินหน้าเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุม โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 การชุมนุมมีการพักค้างคืน อาจยืดเยื้อ มีความผิดตามพระราชบัญญัติชุมนุมสาธารณ 2558 และอาจมีผู้ฉวยโอกาสเข้ามาแทรกซึมทำให้เกิดความวุ่นวายได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 มาตรา 11 ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีอำนาจในการที่จะออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548  และประกาศไว้ตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบการประกาศประกาศฉุกเฉินดังกล่าวเป็นเวลา 30 วันจนถึง 23 พฤศจิกายน 2563   ซึ่งได้ยกเลิกแล้ว

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงข้อเรียกร้อง 3 ข้อ รวมถึงการเรียกร้องให้ปล่อยผู้ที่ถูกควบคุมตัว ได้แก่  การยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปสถาบันนั้นว่า  หลายเรื่องอยู่ในขั้นตอนการการดำเนินการอยู่แล้ว  ปัจจุบันศาลได้ปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวหลายราย แม้การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่บางแห่งมีความรุนแรงเกิดขึ้น รัฐบาลมีหน้าที่ในการรักษาสิทธิของคนไทยทุกคนทั้งประเทศซึ่งมี 70 ล้านคน ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจ รัฐบาล พยายามที่จะดูแลสถานการณ์การชุมนุมอย่างอะลุ้มอล่วยและผ่อนผัน ยึดหลักการใช้กฎหมาย

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าวันนี้คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะมีมุมมองด้านการเมืองอย่างไร แบบไหน แต่เชื่อว่าทุกคนยังคงรักชาติ รักษ์วัฒนธรรม รากเหง้า และคุณค่าของความเป็นไทยอยู่ ขณะเดียวกันก็ต้องการอนาคตที่ดีสำหรับประชาชนและประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลก็ยังดำเนินการอยู่มาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ซึ่งเป็น 2 มิติ ทั้งรักในรากเหง้าความเป็นไทย ละความต้องการอนาคตที่ดีสำหรับลูกหลานเยาวชน

ซึ่งเราต้องร่วมกันแก้เพื่อที่นำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นอย่างมีหลักการและเหตุผล มีความถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง  และไม่ทำลายอดีตที่มีคุณค่าของเรา เพื่อให้สังคมที่แข็งแรง และเป็นสังคมที่มีรากเหง้าอย่างล้ำลึกเข้าไปในหัวใจของคนไทยทุกคน ทั้งนี้สังคมที่ดีมีรากเง้าที่ดีจะหยั่งรากลึก และมีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

Written By
More from pp
กิจกรรมดีๆ
นพ.อดิศัย​ ภัต​ตาตั้ง ผู้อำนวยการ​สถาบัน​สุขภาพ​เด็ก​แห่งชาติ​มหา​ราชินี รับมอบหน้ากากผ้า พร้อมอาหาร จาก ภาณุมาศ จิราธิวัฒน์ ซึ่งเป็นตัวแทนคุณหญิงสุจิตรา มงคลกิติ เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการปฎิบัติหน้าที่ โดยมี ทรง​ศิริ​...
Read More
0 replies on “นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นในคนไทย แม้มุมมองการเมืองแตกต่าง ทุกคนยังคงรักชาติ รักษ์วัฒนธรรม รากเหง้า และคุณค่าของความเป็นไทยอยู่ พร้อมใช้เวทีการประชุมรัฐสภาร่วมเพื่อหาทางออกร่วมกัน”