เมื่อ 8 ต.ค.63 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
ที่ประชุม ได้รับทราบการขับเคลื่อนการดำเนินงานกิจการ และกิจกรรมด้านการกีฬา ในสถานการณ์แพร่ระบาดของ covid-19 ตั้งแต่รัฐบาลได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน กระทั่ง รมว.กก. ได้มีการประกาศคู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการ และกิจกรรมด้านการกีฬา
ซึ่งในการกำกับ ติดตาม และการประเมินให้ผู้ประกอบการและผู้จัดกิจกรรมลงทะเบียนเพื่อผ่อนคลายการประกอบกิจการและยืนยันการปฏิบัติตามมาตรการผ่าน แอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” และแพลตฟอร์ม “สปิริต” ของ กก.
ทั้งนี้มีกิจกรรมที่มีแผนจะจัดขึ้น ตั้งแต่เดือน ต.ค.63 เป็นต้นไป ได้แก่กิจกรรม วิ่งเทรล Thailand By UTMB 2020 ณ ดอยอินทนนท์ และแบดมินตันระดับนานาชาติ “BWF World Tour”
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้รับทราบ แผนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา โดยแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติจัดเป็นแผนระดับที่ 3 ของแผนระดับชาติ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ มีสาระสำคัญที่จะส่งเสริมประชาชนให้เป็นศูนย์กลางการสร้างวิถีชีวิต ทางการกีฬา อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และสร้างโอกาสทางการกีฬา และการพัฒนานักกีฬา
หลังจากนั้นคณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ แนวทางการจัดทำแผนพัฒนาการกีฬา ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2565-2570) เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย และยกระดับสมาคม/นักกีฬาสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล และต่อยอดสู่ระดับอาชีพ ที่สำคัญของการประชุมวันนี้ คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบ การกำหนดการควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ WADA ในการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามระดับโลก (World Anti-Doping Code)
พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ คกก.นโยบายการกีฬาแห่งชาติ และ กกท.ให้กำกับ ติดตามการดำเนินการที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมสารต้องห้ามในการกีฬาที่ กกท.จะต้องบูรณาการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงาน ทั้ง ศธ. , สธ. ,อว. และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยที่นักกีฬาหรือสมาคมกีฬาทุกประเภท จะต้องไม่มีการละเมิดกฎต่อต้านการใช้สารต้องห้าม อย่างเด็ดขาด
พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวย้ำ กก. และ กกท.ในการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย จะต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรัดกุม และปลอดภัยตามมาตรการของ ศบค.