เปลว สีเงิน
ใครก็อย่าเหมา ว่า……..
พฤติกรรม “นักเรียนเลว” ที่หน้ากระทรวงศึกษาฯ วันก่อน นั้น สะท้อนถึงภาพนักเรียน “หน่ออ่อนอนาคตชาติ” ทั้งหมด!
ไม่ใช่เด็ดขาด
เป็นแค่ “บางคน-บางพวก” ที่ถูกครู-อาจารย์เครือข่ายคณะสามสัสและพวกปิศาจในคราบนักบุญทางสังคมที่เรียกเอ็นจีโอเพาะพันธุ์ขึ้นเท่านั้น
และใช้เป็นโมเดล “รุ่นใหม่ Piyabutrism ไม่เอาชาติ,ไม่เอาศาสนา, ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์”
ไม่เอาศีลธรรม, ไม่เอาพ่อ-แม่, ไม่เคารพครู-อาจารย์, ไม่ยึดถือความซื่อสัตย์-กตัญญู
ประเทศไทย ต้อง ประชาธิปไตยเสรี ฟรีเซ็กส์ สัตว์ทำแบบไหนได้ “คนรุ่นใหม่” ต้องทำแบบนั้นได้
ไทยต้องไม่เป็นราชอาณาจักรอีกต่อไป ต้องเปลี่ยนเป็นระบบ “สาธารณรัฐ”
มี “ทักษิณ” หรือ”ธนาธร” เป็น “ประธานาธิบดี” คนแรก!
นี่คือ “ประตู ๓ บาน”……..
ตามพิมพ์เขียวที่คณะสามสัสออกแบบให้แกนนำใช้ “หยาบ-ถ่อย-ก้าวร้าว” เป็นจุดเรียกแขก
เขาคงคิดว่าได้ผลมั้ง ธนาธรซึ่งปกติจะซ่อนตัวเองอยู่หลังเด็ก คืนนั้น เห็นเสื้อแดงรุ่นใหม่วัยน้ำหมากย้อยที่นายหญิงจัดมาเสริมบารมีให้หลายหมื่นคน
ก็เมาม็อบน้ำหมาก นางช่อเคียงข้าง ประกาศกลางสนามหลวง
บัดนี้ “ประตูบานแรก” เปิดแล้ว!
โดยรุ่นใหม่ “อานนท์-เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์” พูดถึงพระมหากษัตริย์แบบเบิ้มๆ ที่ธรรมศาสตร์, สนามหลวง เมื่อ ๑๐ สิงหา. ต่อเนื่อง ๑๙ กันยา.
จะรวมสถุลกรรมที่หน้ารัฐสภา ตะโกนด่าวุฒิสมาชิกคืนโหวตญัตติร่างแก้รัฐธรรมนูญ
และวันยกแก๊งไปปาไข่ ละเลงสีค่ายทหารที่เกียกกาย เน้นตัวอักษร “รักษาพระองค์” เข้าไปด้วยก็ได้ ว่าเป็นการเปิดประตูบานแรก ไปสู่บานที่ ๒ “แก้รัฐธรรมนูญเขียนใหม่”
สู่เปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐ “มีประธานาธิบดี” แทนพระมหากษัติย์ อันเป็นประตูบานที่ ๓ ตามวาดหวัง!
เหล่านี้…….
เป็นพิมพ์เขียวที่ชาวบ้าน “อ่านรู้-ดูออก” หมดแล้ว คนที่ไหวตัวทัน อ่านสถานการณ์ขาดว่า “สามสัสฝันกลางวัน” ต้องยกให้นายหญิง
จึงโดดขึ้นฝั่ง เอาตัวและครอบครัวรอดก่อน โดย “สวมเสื้อเหลือง-กราบ” เป็นสัญญาน “ตัดญาติ” ขาดจากส้ม ไม่เอาแดงทักษิณไปผสมด้วย!
ที่จ้ำจี้-จ้ำไช ก็ไม่ต้องการให้ “นักเรียน-นักศึกษา” เชื่อตามที่ผมแกะพิมพ์เขียวมาจาระไนให้ฟัง
แต่อยากให้รุ่นใหม่ในแปลงเพาะอนาคตชาติ รวมทั้งผู้ปกครอง ได้ใช้วิจารณญานไล่เลียงดู ตรองตามด้วยเหตุและผล ว่า หน่อแนวมันเป็นไปทางนั้นใช่มั้ย?
หรือไม่ใช่…….
แนว Piyabutrism ล้มชาติ-ศาสนา-พระมหากษตริย์, เลิกเคารพพ่อแม่-ครู-อาจารย์, เลิกซื่อสัตย์-กตัญญู, ฟรีเซ็กส์ ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
คือ ใช่…ประเทศไทย ที่รุ่นใหม่ต้องการ?
อยากบอกว่า ที่นักเรียนกลุ่มหนึ่ง เรียกตัวเอง “นักเรียนเลว” ทำอย่างที่ทำหน้ากระทรวงศึกษาฯ วันก่อน นั้น
พวกเธอทำถูกประเด็นเดียว คือ…
“เลว” สมกับที่เรียกตัวเอง “นักเรียนเลว”!
ไม่ใช่นักเรียนนำปัญหาทางการศึกษาไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับรัฐมนตรีด้วยซื่อหรอก
แต่ด้วยเล่ห์ตามเขาสั่งชัดๆ ทั้งนำรถบรรทุกเข้าไป ทั้งเอากระดาษเป็นหมื่นๆแผ่นที่เรียกจดหมายไปโปรยเกลื่อนกราด ทั้งวาจาผิดวิสัยนักเรียนพึงมี-พึงทำ
แบบที่ทำ ไม่ใช่ทางไปสู่การแก้ปัญหา
แต่มันเป็นการสร้างปัญหา สร้างภาระ สร้างขยะ ให้รกกระทรวง และรกสังคม
ตอนไปโรงเรียน เรียกร้องเสรีภาพในการแต่งองค์-ทรงผม ไม่ต้องการสวมเครื่องแบบนักเรียน
แต่ตอนไปทำเลว กลับ “สวมเครื่องแบบนักเรียน” มาทุกคน!?
มันส่อถึงอะไร นึกว่าพ่อ-แม่ผู้ปกครองโง่กว่าลูกหลาน “รู้ไม่ทัน” งั้นรึ?
ก็ไอ้ครู-อาจารย์นั่นแหละ มันต้องสั่ง “ไปในชุดนักเรียนนะ จะได้ขลัง” ก็หวังเน้น “ภาพนักเรียน” เป็นจุดเรียกความสนใจ
พวกสื่อจะได้ฮือเป็นแมลงวันตอมขี้ เสนอภาพ-ข่าวเป็นนักเรียน บริสุทธิ์-ไร้เดียงสา มาเรียกร้องทางการศึกษา
ซึ่งมันจะมีน้ำหนักให้น่าเชื่อถือ น่าทะนุถนอม มากกว่าสวมเสื้อสกรีนคำว่า ฟัค ฟรีเซ็กส์ ร่างกายเราจะให้ใครเอาก็ได้
หรือเสื้อสกรีนรูปสมศักดิ์เจียม รูปชูสามนิ้ว รูปธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์ หรือรูปศรทะลุปลอกแตก อย่างทำกันตอนไปม็อบวาระอื่นๆ
และที่สำคัญ ไอ้ตัวการก็คำนวณรอบคอบ มาชุดนักเรียน จะทำอะไรน่ารักไปหมด
ชุดนักเรียนนี้แหละ รับประกัน “ความปลอดภัย” ๑๐๐%!
ถ้ามีอะไรเกินกรอบ ก็จะใช้ “ภาพนักเรียน” นี่แหละ “ตีตั๋วเด็ก” เรียกร้องความเห็นใจ
เห็นมิใช่หรือ ถูกออกหมายเรียก แอ๊บแบ๊วเป็นเด็กในชุดนักเรียนบ้าง ถ่ายรูปชุดนักเรียน แล้วโพสต์ “คุกคามเด็ก” บ้าง
ตอนทำเลว ตีตั๋วผู้ใหญ่ ตอนเจอคดี ตีตั๋วเด็ก นี่เป็นสุดยอดวิชาหน้าด้านคณะสามสัสเขาละ!
กรณี “นักเรียนเลว” หน้ากระทรวง ท่านรัฐมนตรีณัฎฐพลยกใจขึ้นสูง อดทนต่อความหยาบกร้าน ที่เด็กจงใจกระทำได้ นั่นก็ดีแล้ว
ครั้ง-สองครั้ง พอให้ได้ย้อนคิด ก็สมควร แต่ สามครั้ง-สี่ครั้ง แสดงว่า ไร้สำนึก ไม่จำเป็นต้องเออออห่อหมก จะกลายเป็น “ประจบเด็ก” เปล่าๆ
เมื่อเมตตาก็แล้ว กรุณาก็แล้ว มุทิตาก็แล้ว จิตเด็ก ยังเป็นจิตกระด้างน้ำฝาด “วางเฉย” คือ ดีสุด
ไม่ต้องไปเอออออีก สิ่งที่ท่านรัฐมนตรีควรค้นหาจากการกระทำนักเรียนเลว คือ
ควรแจ้งให้ตรวจสอบว่า …….
-ใครเป็นเจ้าของรถบรรทุกคันที่วิ่งเข้าไปให้นักเรียนโปรยใบปลิวรกเต็มกระทรวง
-ใครเป็นคนจ้าง ใครเป็นคนขับ?
-ใบปลิวก็ดี ป้ายต่างๆ ก็ดี ทำมาจากไหน ใครเป็นคนทำ ซึ่งไม่ใช่นักเรียนทำเองแน่?
-แหล่งทำ แหล่งก็อปปี้ ด้วยกระดาษ A 4 เป็นหมื่นๆ แผ่น ใคร-ที่ไหน เป็นนายทุนจ่าย?
-สอบถามโรงเรียนต้นสังกัดนักเรียน ๔-๕ โรงเรียนตามปรากฎ ถึงเหตุผลในการอนุญาตให้นักเรียนไปบุกกระทรวง ได้รับการนัดหมายจากใคร?
หรือท่านรัฐมนตรีไม่ต้องการตรวจสอบ แต่อยากรู้ส่วนตัว ผมว่าลองถาม “นายทศพร เสรีรักษ์” อดีตโฆษกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็น่าจะได้
เพราะเห็นคลุกอยู่ในกลุ่มนักเรียนชุมนุม กระทั่งกับการชุมนุมขบวนการล้มเจ้า-ล้มประเทศ แทบทุกครั้ง เขาคงให้คำตอบได้
ผมดูคลิปนักเรียนพูดบนเวที ให้ยกเลิกการสอนพุทธศาสนา เลิกสอนศีลธรรม-จริธรรม และขอเซ็กส์เสรี
นึกถึง “นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์” นักธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งส่งออก ที่เขาเคยปรารภ ว่า
หลักประเทศมี “เศรษฐกิจ-การเมือง-ปกครอง และสังคม” แต่จากปี ๔๔ เรื่อยมา แต่ละรัฐบาลบริหารมุ่งเน้นเฉพาะ “เศรษฐกิจ-การเมือง-การปกครอง”
ทิ้งขาด “การสังคม”!
สังคม คือ ขนบธรรมเนียม, ประเพณี, วัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์, ศาสนา, ศีลธรรม-จริยธรรม
พอตรองตาม อืมมม..จริง
นับแต่ปี ๒๕๔๔ มา เราปรนเปรอสังคม ด้วยวัตถุ-เงินทอง ที่เรียก “ประชานิยม” ตอบสนอง “เศรษฐกิจ-การเมือง-การปกครอง” เป็นหลัก
“ศาสนา-ศีลธรรม-จริยธรรม” แทบเลิกเรียน-เลิกสอนไปเลยในระบบการศึกษา!
ผมจึงบอก อยากให้รัฐมนตรีณัฏฐพล ไปนมัสการ “พระเทพศากยวงศ์บัณฑิต” หรือท่าน “อนิลมาน” ที่วัดบวรฯ สักครั้ง
ขอให้ท่านช่วยเป็นที่ปรึกษาในการออกแบบ “หลักสูตรและตำรา” การเรียน-การสอน “ศาสนา-ศีลธรรม-จริยธรรม” ทีเถอะ
คนตะวัน กำลังเป็น “บัวปริ่มน้ำ” จากการเรียน-การสอนที่ท่านอนิลมานมีส่วนไปบ่มเพาะ
เรามีอริยทรัพย์อยู่ในชาติ กลับเมิน ไปเอาค่านิยมตะวันตกที่ล้มเหลวมาเชิดชู-ดู-สอน
ผลที่ได้เป็นไง…..
“ประเทศไทยสังคมไทย” กำลังเป็น “สังคมบัวใต้น้ำ” โดยคนรุ่นใหม่ถูกเสี้ยมสอนลัทธิ “ประชาธิปไตยล้มเจ้า” บ้าง
“พ่อแม่ ไม่ต้องเคารพ เราเป็นผลิตผลทางกามของเขาเท่านั้น” บ้าง
กระทั่ง “เราขอมดลูกเสรี”!
ครับ…
ยังมีเวลากลับหลังหัน ท่าน “พุทธทาส ภิกขุ” พูดไว้นานแล้ว ฟังหูซ้าย-ทะลุหูขวา กันมานานแล้ว
“ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ” นั่นแหละ!