11 ส.ค. 63 เวลา 14.00 น. ที่ ห้องประชุม ด่านศุลกากรสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ตรวจเยี่ยมประชุมติดตามการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ตามแนวชายแดนที่ติดกับประเทศมาเลเซีย หลังมาเลเซียพบการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 เพิ่ม 25 ราย
ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่ กระจายอยู่ใน รัฐ เคด้า, เปอร์ลิส Pulau Pinang (พูเลา ปีนัง) ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ติดชายแดนไทย ห่างจาก อ.สะเดา จ.สงขลา เพียง 18 กิโลเมตร และยังมีช่องทางธรรมชาติ ที่สามารถลักลอบเข้าประเทศไทยได้
โดยทางการมาเลเซีย ได้ประกาศล็อคดาวน์เฉพาะพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงที่มีการระบาด โดยไม่มีการปิดพรมแดนระหว่างรัฐ ทำให้แม่ทัพภาคที่ 4 ห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าจากมาเลย์เข้ามายังฝั่งไทยและแรงงานต่างด้าวที่อาจลักลอบเข้ามา
โดยมี นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พลตรี เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 /ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี นายแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดสงขลา, นายอำเภอสะเดา,นายด่านศุลกากรสะเดา, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยดีขึ้นมาก ไม่พบการแพร่ระบาดภายในประเทศ ด้วยเพราะทุกฝ่ายช่วยกันดำเนินการตามมาตรการควบคุมป้องกัน ของ ศบค. และรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง
แต่ในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมาเลเซีย พบว่า มีการระบาดรอบใหม่เกิดขึ้น และเป็นพื้นที่ติดกับชายแดนภาคใต้ ห่างจาก อ.สะเดา จ.สงขลา เพียง 18 กิโลเมตร และยังมีช่องทางธรรมชาติ ที่สามารถลักลอบเข้าประเทศไทยได้ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามา จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมวางแนวทางในการป้องกัน
โดยเฉพาะมาตรการการป้องกันขนส่งรถสินค้าจากมาเลเซียเข้ามาประเทศไทย ตลอดจนการสกัดกั้นป้องกันแรงงานต่างด้าวที่ลับลอบเข้าเมือง ผ่านช่องทางตามแนวชายแดน ซึ่งมักจะมีกลุ่มนายหน้าทั้งฝั่งไทยและมาเลย์ดำเนินการนำเข้ามา
ตรงนี้ก็ได้ให้ตรวจคนเข้าเมือง กองกำลังเทพสตรี และตำรวจ ประสานการทำงาน ดำเนินการกับกลุ่มนายหน้าดังกล่าว ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ทั้งนี้หัวใจสำคัญ คือประชาชนในพื้นที่ตลอดแนวชายแดน ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวัง หากมีใครหลุดลอดเข้ามา
ก็ขอให้แจ้งข่าว แจ้งเบาะแส มายังเจ้าหน้าที่ และฝากย้ำเตือนเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องตระหนัก การ์ดอย่าตก เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเป็นแบบอย่าง ให้ประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ หารือเกี่ยวกับการช่วยเหลือคนไทยที่ฝากยานพาหนะไว้ที่มาเลเซีย ซึ่งฝั่งพรมแดน สะเดา จ.สงขลา มีอยู่ประมาณ 49 คัน โดยขณะนี้ มาเลเซียยังไม่อนุญาตให้เข้าประเทศเพื่อไปนำยานพาหนะดังกล่าวออกมาได้
แต่ถ้าเป็นกรณีคนไทยที่อยู่ในมาเลเซียประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยก็สามารถเดินทางมาพร้อมกับยานพาหนะของตนได้ โดยต้องประสานกับกงสุลใหญ่เมืองปีนัง ซึ่งดำเนินการได้หลัง 31 ส.ค.2563 นี้
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า