“อย่าปล่อยเชื้อชั่วเป็นขี้กลาก”

“เยาวชนปลดแอก”

เอาตรงๆ ตัว “เยาวชนไขลาน” ของแก๊ง “มุ่งล้ม” สถาบันกษัตริย์ ใต้อาณัติ “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์”
ถึง ๓ มะกอก “ไม่ออกหน้า” นำ
แต่ สาธุรชน-คนโฉดรู้ และ “โลกรู้”!ว่าอนันตริยกรรม “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ที่ราชดำเนิน เมื่อวาน (๑๘ กค.๖๓) ตัวการชักใยม็อบลงถนนคือแก๊ง ๓ มะกอก!
เคยเห็นนกกระจอกเทศมั้ย เวลากลัว ต้องการซ่อนตัวไม่ให้ใครรู้-ใครเห็น ว่าเป็นมัน
จะเอาหัวซุกทราย
แล้วปล่อยตูดโด่ง!

แก๊ง ๓ มะกอก, ก้าวหน้า, ก้าวไกล ก็ไม่ต่างนกกระจอกเทศ กับม็อบ “เยาวชนปลดแอก” ลงถนน ซึ่งผิดทั้งกฎหมายอาญา ทั้งพรบ.ควมคุมโรค ทั้งพรก.ฉุกเฉิน

วานซืน
ที่ร้ายแรงเกินอภัย………
คือการจงใจจ้วงจาบหยาบช้าต่อสถาบันและองค์พระประมุข ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖

ก็รู้ ……….
ที่จงใจทำให้เข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ก็หวังให้ทางการจับกุม และดำเนินคดี

ก็จะ “เข้าทาง” พวกเขา ใช้เป็น “จุดขยาย”
หวังให้องค์กรเครือข่ายต่างประเทศ บิดประเด็น ว่าใช้ ๑๑๒ หมายถึง “สถาบันกษัตริย์” คุกคาม-จำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน ขึ้นมาโจมตีอีก

แล้วพวกเขาก็รับลูก ปั่นข่าว-ปั่นแฮชแท็ก กระโชก-กระชั้น บั่นคลอน ตอกย้ำเป็นน้ำเซาะหินไปเรื่อยๆ
ตามหลักธรรมชาติ อะไรที่ บ่อยๆ ซ้ำๆ …….
สิ่งที่ซึมซับเข้าไปเรื่อยๆ จะแปลงเป็นทัศนคติตอบสนองด้านลบโดยอัตโนมัติ
เพราะอะไร?

เพราะ “จิตคน” เป็น “จิตประภัสสร”
คือนับแต่วินาทีแรกก่อเกิดเป็นร่างกายมนุษย์ “จิตประภัสสร” คือ “จิตเดิมแท้”ก็เกิด

จิตเดิมแท้หรือจิตประภัสสร เป็นจิตบริสุทธิ์ ไม่ขาว-ไม่ดำ ไม่อะไรทั้งสิ้น ทั้งยังไม่มีการยึดถือว่าตัวเอง
จนเมื่อ “กิเลสจรมา” แตะสัมผัสแปดเปื้อน เกิดผัสสะ คือการทำงานร่วมกันของกายกับจิต เรียกว่าปฏิกริยาตอบสนองกิเลส
นั่นแหละ……

จากจิตประภัสสร จะถูกย้อมเป็นขาว-เป็นดำ คนจะดี-จะชั่ว ก็จากซึมซับรับรู้กิเลส “สิ่งแวดล้อมรอบตัว” ที่เข้ามา
ถ้าเข้าใจตามหลักนี้ ก็จะมองเห็นตัวตนในความเป็นคนเยี่ยงธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์ รวมถึงขบวนการชังชาติ-ชังสถาบัน
ไม่ใช่จู่ๆ จะ “ชังชาติ-ชังสถาบัน”

ลองศึกษาลึกลงไปถึง “ราก” พวกนี้ ก็จะเห็น ที่เป็นเช่นนี้ เพราะสิ่งแวดล้อมอันเป็น “กิเลส” จรมาบ่มเพาะด้านชั่วพวกเขามาเรื่อยๆ อย่างที่เรียว่า “ถูกล้างสมอง”

ชั่วรุ่นพี่ล้างสมองรุ่นน้อง ส่งต่อมรดกชั่ว “จากรุ่น-สู่รุ่น” มาเรื่อยๆ จริงไม่จริง ลองไปถาม “สมศักดิ์ไม่เจียม (สังขาร)” ดูก็ได้

จนที่สุด ……..
ก็เป็นอย่างที่แก๊ง ๓ มะกอกเป็น แม้พวกขยะใหม่ เยาวชนปลดแอก ที่กลายเป็น “เยาวชนอดแดก” เพราะเขาไม่โอนตามพูดเมื่อวานซืน
ก็เพราะ “กิเลสจรมา” แก๊งอ้างชื่อเยาวชน ด้วยชั่วอันเป็นเชื้อเกิดแรง จึงซึมซับได้เร็ว
เหมือนหนอนเจออุจจาระจร ก็คลุกเคล้าคละคลุ้ง จากจิตประภัสสร เป็นจิตหนอนฟอนเฟะว่าขี้หอมไปด้วยกัน

การใช้หลัก “สร้างคำ-สร้างประเด็น” ตอกย้ำไปเรื่อยๆ อย่างที่พวกนี้ทำ เน้นด่าหยาบนายกฯ เน้นจ้วงจาบหยาบช้าสถาบัน เขาก็หวังใช้เป็น “กิเลสจรมา”
ล่อให้จิตแต่ละคนแตะสัมผัสผ่านข่าวสาร ซึมซับไปเรื่อยๆจนกลายเป็นทัศนคติด้านลบไปเอง โดยไม่รู้ตัว!

ถามว่า การลงถนนของแก๊งธนาธรวานซืน พบความสำเร็จมั้ย?
บางคนใช้ปริมาณ “กระหย่อมขน” เป็นคำตอบว่า “ไม่สำเร็จ
แต่ผมมองว่า “สำเร็จ”!
มากด้วย!

คือสำเร็จทาง “ล่อสื่อ” ให้ตกเป็นเครื่องมือแพร่เชื้อ-ขยายผลทางข่าวสารชนิดไร้ขีดจำกัด ในยุคเทคโนโลยีการสื่อสาร
เรียกว่า ลงทุนสลึง แต่กำไรเป็นล้าน!

เห็นมั้ยล่ะ ไม่เพียงสื่อใน ……….
ในยุคสื่อสารครองโลก “สื่อนอก”ทั้งสื่อเครือข่ายลอบบี้ยิสต์ ทั้งองค์กรมีเป้าหมายล้มชาติ ทั้งสื่อข่าวสารทั่วไป จริง-เท็จ เป็นอย่างไร เขาไม่สน
แค่เคลื่อนไหวให้เป็นข่าว สื่อนอก-สื่อใน-สื่อออนไลน์ ก็เอาคำที่ตะโกน ป้ายที่เขียน กระจายเป็นข่าวพรึ่บ!

อะไรล่ะ ที่พวกเขาต้องการสื่อสารให้โลกรู้?
ก็ป้ายล้มล้างสถาบันกษัตริย์และการใช้คำจ้วงจาบหยาบช้าต่อสถาบันนั่นไงล่ะ
ลงทุนค่ากระดาษ ค่าสี และค่าคน ไม่กี่สตางค์ แต่คำ “ชังชาติ-ชังสถาบัน” เป็นดอกผลให้ ๓ มะกอกเก็บเกี่ยวมหาศาล

เห็นมั้ยล่ะ……
พวก “บริสุทธิ์แบบไร้เดียงสา” เอาป้ายเหล่านั้น มาโพสต์-มาแชร์ในโลกออนไลน์ นึกว่าจะประจานมัน
กลายเป็น “ลูกมือ” แก๊ง ๓ มะกอก ช่วยเผยแพร่-ขยายผล โยกคลอนทางความคิด ให้คำเหล่านั้น ซึมซับเข้าไปในความรับรู้ผู้คนยิ่งๆ ขึ้น!

แน่นอนอยู่แล้ว…….
การจ้วงจาบสถาบัน นับวันจะโจ่งแจ้ง ไม่อ้อมค้อมเหมือนก่อนๆ เพราะพวกนี้ได้ใจ
ด้วยทราบว่า พระทรงเมตตา ไม่ถือโกรธให้เป็นโทษภัย ก็เลยรุกกันใหญ่

เหิมว่า การดึงองค์กรรับจ้างต่างชาติช่วยตีข่าว เป็นโลกล้อมไทย ในประเด็น ๑๑๒ ได้ผล!

ยิ่งเห็นเฒ่า “ส.ศิวรักษ์” ผู้มีทัศนคติปฏิปักษ์ต่อสถาบันตัวพ่อ จ้วงจาบสถาบันหยาบช้า-รุนแรง ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศหลายวันก่อน
ก็ไม่เห็นกฎหมายกล้าเข้าไปแตะ

ขบวนการล้มสถาบันตัวลูกอย่าง ๓ มะกอก ก็เลยเหิม เอามั่ง อย่างที่ได้ยินตะโกนในวงชุมนุม และป้ายที่เขียน
ทางการบ้านเมือง ถึงจุดต้องสำนึกรับผิดชอบบ้างแล้วกระมัง ที่ราชดำเนินวานซืน มันโจ่งแจ้ง-จงใจในที่สาธารณะมากเกิน
ขืนทำหน้าที่อย่างที่ทำ จากผู้รักษากฎหมายอาชีพ ไปเป็น มือหมักดองคดีเป็นปลาร้าอาชีพ

นับจากนี้ ก็คงได้เห็น บิลบอร์ด โปสเตอร์ แผ่นปลิว ใบปิด หมิ่นหยามสถาบันเหมือนการโฆษณาทั่วไป

“ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์”………..
จะขลังกว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและกฎหมาย!

ป้ายที่กระทำต่อสถาบันวานซืน คนตาบอด ถึงไม่เห็น ก็ยังรู้ แต่ถ้าผู้รักษากฎหมายทั้งไม่รู้-ไม่เห็น และไม่จัดการใดๆ
บ้านเมือง “อยู่ยาก” นะ
เพราะทั้งผู้รักษากฎหมายและกฎหมาย มัน “ตาย” แล้ว!


ประเด็น ๑๑๒ ที่ปั้นเป็นวาทกรรมด้วยสมคบนอกชาติ สร้างกระแสเป็น “สังคมโลกล้อมไทย” น่ะ
รัฐบาล “จิตอ่อน” จนไม่เป็นตัวเอง แยกแยะอะไรไม่ออกขนาดนั้นเชียวหรือ?
กฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ พูดถึงเจตนารมณ์ทางกฎหมาย ต่างอะไรกับมาตรา ๓๒๖
ก็อยู่ในฐาน “หมิ่นประมาท” เหมือนกัน
ต่างเพียง บุคคลที่สาม ที่ถูกหมิ่นประมาท ตามมาตรา ๑๑๒ เป็นบุคคล “เบื้องสูง” ส่วนมาตรา ๓๒๖ เป็นประชาชนทั่วไป

พูดกันตรงๆ……..
บุคคลในสถาบันกษัตริย์ ตามมาตรา ๑๑๒ จะถูกริดรอนสิทธิ์ด้วยซ้ำ ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ คือจะฟ้องร้องคนที่มาหมิ่นประมาทเองไม่ได้
ตรงข้ามกับบุคคลตามมาตรา ๓๒๖
ใครหมิ่นประมาทเรา เราสามารถฟ้องร้องพิทักษ์ความจริง พิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ตัวเองได้

ก็ชัดเจนว่า……
คนที่พูด มาตรา ๑๑๒ เป็นการใช้อำนาจปิดปาก และคุกคามสิทธิประชาชน เป็นการพูดจงใจใส่ร้าย บิดเบือน
ประชาชนซะอีก
มีสิทธิสมบูรณ์ทางกฎหมายหมิ่นประมาท มากกว่าบุคคลในสถาบันกษัตริย์
ตัวอย่างง่ายๆ วันก่อน มีคนโพสต์ถึงพรรณิการ์ เป็นข้อซักถามเชิงสงสัยรายชื่อที่พรรณิการ์บอกว่า โอน ๓ พัน “เงินเมย์เดย์” ไปให้แล้ว
เขาสงสัยว่ามีตัวตนจริงมั้ย แค่นั้น พรรณิการ์บอก “พบกันที่ศาล” และให้ทนายฟ้องร้องคนที่โพสต์ฐานหมิ่นประมาท

แต่บุคคลในสถาบันกษัตริย์ ถูกขบวนการ “เยาวชนปลดแอก” ของธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์ เขียนป้ายจ้วงจาบ
“ไม่มีสิทธิ์” ป้องกันตัวเองได้อย่างที่ “พรรณิการ์มี” เลย!

ประเด็นเหล่านี้ ฝ่าย “รักษากฏหมาย” รู้อยู่กับใจ คงไม่ต้องจ้ำจี้-จ้ำไช
แต่ที่ผมพูดมาทั้งหมด เพียงจะบอกคำเดียว
ปล่อย “ล้ำเส้น” มากไป…….
มันจะกลายเป็น “รู้เห็น-เป็นใจ” เอานะ!

เพิ่มเติมช่องทางรับข่าวสารได้ที่ LineID: plewseengern.com หรือสแกน QR Code 

Written By
More from plew
เรื่องคน “รวยฉิบหาย” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน เรื่องนี้ “ต้องขยาย” คือเรื่องที่ “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แผล็บๆ นักโทษไว้วานซืนว่า “ทักษิณเคยชำระหนี้ IMF ในยุควิกฤตต้มยำกุ้งได้ก่อนเวลา...
Read More
0 replies on ““อย่าปล่อยเชื้อชั่วเป็นขี้กลาก””