ศบค.ทบทวนมาตรการคุมเข้ม-มาตรการสอบสวนโรค ต้องครอบคลุมโรงแรมที่พัก ที่เป็นสถานที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เพื่อตรวจสอบโดยละเอียด ถึงแม้ผู้ที่พบผลตรวจจะเดินทางกลับประเทศแล้ว

13 ก.ค. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

 1. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ในประเทศไทย
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,220 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 283 ราย มีผู้หายป่วยเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมผู้ที่หายป่วยแล้ว 3,090 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 72 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยังคงเดิมที่ 58 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.63 ถึงปัจจุบันรวม 49 วันแล้วที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 3 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศคูเวต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยเมื่อ 29 มิ.ย.เข้าพัก State Quarantine ที่กรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อ 11 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ จากอียิปต์ 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 22 ปี เดินทางถึงไทยเมื่อ 12 ก.ค. ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUI มีไข้ จึงได้ส่งตรวจหาเชื้อวันที่ 12 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ และจากบาร์เรน 1 ราย เป็นชายไทย สัญชาติอียิปต์ อายุ 43 ปี อาชีพทหาร เดินทางถึงไทยเมื่อ 8 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดระยอง ตรวจหาเชื้อวันที่ 10 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ 12 ก.ค. แต่ไม่มีอาการ ส่วนอีก 30 รายเป็นลูกเรือที่เดินทางมาพร้อมกัน ยังไม่พบผลการติดเชื้อ
โฆษก ศบค. กล่าวถึง Timeline ของผู้ป่วยเพศชาย อายุ 43 ปี อาชีพทหาร (ลูกเรือเครื่องบินทหาร) จากประเทศในภูมิภาคแอฟริกา ในวันที่ 6 ก.ค. เดินทางออกจากสนามบินไคโร ประเทศอียิปต์ ไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 7 ก.ค. เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปปากีสถาน 8 ก.ค. เดินทางถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง 9 ก.ค. ออกจากโรงแรม จังหวัดระยองไปท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเพื่อบินไปทำภารกิจทางทหารที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ไป-กลับวันเดียวกัน กลับเข้าที่พักในโรงแรมจังหวัดระยอง 10 ก.ค. ได้มีทีมเจ้าหน้าที่ CDCU เข้าคัดกรองอาการของคณะเดินทางและลูกเรือ เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจ จำนวน 31 ราย และในวันที่ 11 ก.ค. คณะเดินทางออกจากประเทศไทยกลับอียิปต์
ซึ่งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่ชัดเจน จึงตรวจซ้ำอีกครั้ง จนกระทั่งวันที่ 12 ก.ค. ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อ ซึ่งที่ประชุม ศบค. ชุดเล็กมีการหารือว่า ถึงแม้จะเป็นคนที่เป็นลูกเรือที่มาจากต่างชาติเข้ามายังประเทศไทย ในข้อกำหนดที่เป็นลักษณะเฉพาะขึ้นมา และขณะนี้มีการเปิดสายการบินหลายสาย เดิมใช้สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ในครั้งนี้ได้มาลงที่สนามบินอู่ตะเภา จึงทำให้มาตรการของการคุมเข้มในข้อดังกล่าวต้องมีการทบทวนและปฏิบัติกันใหม่ ซึ่งโรงแรมที่จังหวัดระยองแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ที่สัมผัสกับผู้ที่พบเชื้อ ดังนั้น มาตรการการเข้าไปสอบสวนโรคจะต้องครอบคลุมโรงแรมนี้ทั้งหมด โดยอธิบดีกรมควบคุมโรคได้รับข้อสั่งการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ออกมาตรการคุมเข้มเรื่องดังกล่าว เพื่อการตรวจสอบโดยละเอียด ถึงแม้ผู้ที่พบผลตรวจจะเดินทางกลับไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ทีมสอบสวนโรคจะเข้าไปสอบสวนโรคในพื้นที่สัมผัสที่ทางกลุ่มลูกเรือได้เดินทางไป อีกทั้งสำนักงานเขตสุขภาพจังหวัดระยองและทีมส่วนกลางจะเข้าไปร่วมสอบสวนโรคด้วย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยอง
นอกจากนี้ ยังมี Timeline ผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 9 ปี จากภูมิภาคแอฟริกา เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว (คณะทูต) โดยในวันที่ 7 ก.ค. มารดานำผู้ป่วยและครอบครัว รวม 5 คน ไปตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ เดินทางถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เวลา 05.40 น. คัดกรองไม่มีอาการ เก็บตัวอย่างส่งตรวจผลพบเชื้อ แต่บิดานำส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มีการตรวจซ้ำ ผลพบเชื้อ สมาชิกที่เหลือกักกันในที่พำนักแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และในวันที่ 11 ก.ค. ผลตรวจพบปอดอักเสบ จึงส่งต่อผู้ป่วยมารักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ซึ่งรายดังกล่าวอยู่ในประเภทที่ 3 คือ คณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานที่ประเทศไทย ซึ่งจะอยู่ในมาตรการข้อ 4 ให้เข้ารับการกักกันในที่พำนักของบุคคลดังกล่าว ภายใต้การดูแลของหน่วยงานต้นสังกัดเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน  ซึ่งรัฐต้องกำหนดมาตรการโดยละเอียดและครอบคลุมเพราะเป็นความเสี่ยง
2. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของโลก
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของโลก พบผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ที่ 13,035,942 ราย จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 193,906 ราย รวมจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 571,571 ราย สหรัฐอเมริกายังคงมีผู้ป่วยยืนยันสะสมเป็นอันดับที่ 1 ของโลก รองลงมาคือบราซิลและอินเดียตามลำดับ ซึ่งปัจจุบัน ไทยอยู่อันดับที่ 100 ของโลก โดยประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ ได้แก่ ฮ่องกงประกาศให้โรงเรียนทุกแห่งในฮ่องกงปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 ก.ค. นี้ เป็นต้นไป หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในฮ่องกงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ทางการฮ่องกงวิตกกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดอีกเป็นวงกว้าง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา สวมหน้ากากอนามัยระหว่างเยือนโรงพยาบาลทหารวอลเตอร์ รีด ชานกรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้ และเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์ สวมหน้ากากอนามัยออกสื่อ นับตั้งแต่ที่โรคโควิด-19 เริ่มระบาดในสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่ารัฐบาลอาจจำเป็นต้องออกกฎที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัย โดยเขาต้องการให้ชาวอังกฤษสวมหน้ากากอนามัยมากขึ้นในร้านค้าต่าง ๆ



3. การดำเนินการตามมาตรการ

รายงานความพร้อมในการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ พบว่าสถานศึกษาจำนวน 35,155 แห่ง สามารถเปิดภาคเรียนได้ทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 100 แต่เป็นการเปิดเรียนในหลายรูปแบบ เช่น โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีสถานศึกษาทั้งหมด 29,235 แห่ง เป็นการเปิดเรียนในรูปแบบ on-site 24,703 โรงเรียน และในรูปแบบผสมผสาน รูปแบบที่ 1 สลับชั้นมาเรียนแบบสลับวันเรียน 1,671 แห่ง รูปแบบที่ 2 สลับชั้นมาเรียนแบบสลับวันคู่วันคี่ 565 แห่ง รูปแบบที่ 3 สลับชั้นมาเรียนแบบสลับวันมาเรียน 5 วันหยุด 9 วัน 258 แห่ง รูปแบบที่ 4 สลับช่วงเวลามาเรียนทุกวัน 1,400 แห่ง รูปแบบที่ 5 สลับกลุ่มมาเรียนแบบแบ่งนักเรียนในห้องเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม 2,523 แห่ง และรูปแบบอื่น ๆ 1,997 แห่ง

แผนการนำคนไทยกลับจากต่างประเทศ วันนี้มีคนไทยเดินทางกลับมาจากสิงคโปร์ 109 คน วันพรุ่งนี้จะมีผู้เดินทางกลับจากจอร์แดน 118 คน และเกาหลีใต้ 200 คน โดย แผนเที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับไทยในวันที่ 15 ก.ค. มี 4 เที่ยวบิน ได้แก่ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และบังกลาเทศ วันที่ 16 ก.ค. 4 เที่ยวบิน ได้แก่ อิหร่าน เยอรมนี โคลอมเบีย/เอกวาดอร์/ปานามา/เนเธอร์แลนด์ และไต้หวัน วันที่ 17 ก.ค. 3 เที่ยวบิน ได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และอียิปต์ วันที่ 18 ก.ค. 4 เที่ยวบิน ได้แก่ ออสเตรีย เอธิโอเปีย เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา วันที่ 19 ก.ค. 3 เที่ยวบิน ได้แก่ นิวซีแลนด์ บาห์เรน และออสเตรเลีย และวันที่ 20 ก.ค. 5 เที่ยวบินได้แก่ เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร รัสเซีย อินโดนีเซีย และฮ่องกง สำหรับรายงานผู้เดินทางกลับเข้าประเทศผ่านจุดผ่านแดนทางบกเดินทางจากมาเลเซีย 126 คน สปป.ลาว 35 คน และกัมพูชา 1 คน รวม 162 คน

ตั้งแต่ 3 เมษายน – 11 ก.ค. ยอดคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศที่ต้องกักกันตัวในที่กักกันของรัฐจัดให้ (State Quarantine และ Local Quarantine) มีจำนวน 56,216 ราย เพิ่มขึ้นวานนี้ 508 ราย กลับบ้านแล้ว 47,288 ราย เพิ่มขึ้นวานนี้ 408 ราย พบผู้ติดเชื้อจากสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 280 ราย เพิ่มขึ้นวานนี้ 1 ราย รักษาหายและกลับบ้านได้แล้ว 209 ราย

รายงานข้อมูลสรุปการใช้งาน www.ไทยชนะ.com ยอดสะสมตั้งแต่เริ่มโครงการ มีผู้ใช้งาน 35,907,027 คน ร้านค้าลงทะเบียน 268,607 ร้าน โดยสัดส่วนการเช็คอิน/เช็คเอาท์ผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะอยู่ที่ร้อยละ 96.7 ผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะร้อยละ 3.3 และจำนวนการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไทยชนะ 695,662 ครั้ง ด้านรายงานการตรวจกิจการ/กิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายด้านการดำเนินชีวิต วันที่ 12 ก.ค. 63 ได้ทำการตรวจทั้งหมด 4,705 แห่ง พบกิจการ/กิจกรรมที่ปฏิบัติตามมาตรการไม่ครบ 69 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 1.47 และไม่มี “ไทยชนะ” 68 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 1.45 โดย มีชุดตรวจร่วม 90 ชุดตรวจ ชุดตรวจทั่วไป 1,846 ชุดตรวจ และชุดตรวจส่วนกลาง 148 ชุดตรวจ

Written By
More from pp
ปลัด สธ. เผยโควิด 19 สมุทรสาครเป็นไปตามแผนควบคุมโรค เตรียมตรวจภูมิคุ้มกันหลังครบกักกัน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเผยการควบคุมโรคโควิด  19 จ.สมุทรสาครเป็นไปตามแผน เตรียมตรวจหาภูมิคุ้มกันกลุ่มผู้กักกันในหอพักตลาดกลางกุ้ง ให้มั่นใจว่าปลอดภัย ไม่แพร่เชื้อต่อ สร้างความมั่นใจประชาชนก่อนสิ้นสุดกักกัน ส่วนผู้ป่วยโควิด 19 สมุทรสาคร รวม 1,356...
Read More
0 replies on “ศบค.ทบทวนมาตรการคุมเข้ม-มาตรการสอบสวนโรค ต้องครอบคลุมโรงแรมที่พัก ที่เป็นสถานที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เพื่อตรวจสอบโดยละเอียด ถึงแม้ผู้ที่พบผลตรวจจะเดินทางกลับประเทศแล้ว”