25 ปีแห่งการสวรรคต “สมเด็จย่า” สืบสานพระราชปณิธานจาก “หลักคำสอน” ที่ยังมีชีวิต “คนเราทุกคนต้องปรับตัว ถ้าปรับก็ไม่มีเรื่อง ฉันเองก็ต้องปรับตัว”  

แม้ว่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า จะเสด็จสวรรคตนานกว่า 25 ปีแล้วก็ตามพระราชดำรัสของพระองค์ยังคงเป็นความจริงที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตทุกยุคสมัย โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนต้องปรับตัวและหันมาใช้ชีวิตวิถีใหม่ (new normal) อันเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อดำเนินชีวิตในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับชีวิตมนุษย์ทั่วโลกแบบไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวแบบกะทันหัน มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เองก็ต้องปรับตัวให้ตอบรับต่อความปกติใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมหากว่าเจอพายุอีกครั้ง แม้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะปรับแนวทางการดำเนินงานขององค์กรให้สอดรับกับเหตุการณ์ปัจจุบันมากขึ้น แต่ยังคงยึดแนวพระราชดำริและพระราชปณิธานของสมเด็จย่าเป็นเข็มทิศในการทำงานพัฒนาและธุรกิจเพื่อสังคมเช่นเดิม

ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา นอกจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนต่างๆ ในหลายพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแล้ว เรายังทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนของสมเด็จย่าเพื่อเป็นหลักคิดในการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายและเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและสังคม

โดยในปี 2563 นี้ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จสวรรคตครบ 25 ปี คนรุ่นใหม่ที่อายุน้อยกว่า 30 ปีอาจจะจดจำเรื่องราวของพระองค์ได้ไม่มากนัก หรือไม่ทันได้ชื่นชมพระบารมี บางคนอาจจะเคยได้ยิน ได้ฟังพระราชดำรัส และพระราชจริยวัตรอันเรียบง่ายของสมเด็จย่ามาบ้าง ซึ่งล้วนตั้งอยู่บนหลักของ “ความจริง” ที่จับต้องได้ เป็นประโยชน์ และร่วมสมัย พระราชดำรัสที่สมเด็จย่าทรงเคยรับสั่งไว้และผมคิดว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คือ คนเราทุกคนต้องปรับตัว ถ้าปรับก็ไม่มีเรื่อง ฉันเองก็ต้องปรับตัว เป็นอีกหนึ่งคำสอนสำคัญที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตในขณะนี้ได้

ทั้งนี้ ในวาระครบรอบ 25 ปีแห่งการสวรรคต ในวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2563 นี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ร่วมกับ จังหวัดเชียงราย จัดพิธีบำเพ็ญกุศลและพิธีถวายขันดอกแม่ฟ้าหลวงขึ้น เป็นการถวายความเคารพอย่างสูงสุดตามประเพณีล้านนา ณ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง หรือที่ชาวเชียงรายรู้จักในชื่อ ไร่แม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

โดยจะเปิดให้หน่วยงานราชการและเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป ได้ร่วมกันถวายสักการะและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จย่า” ตั้งแต่เวลา 09.00–17.00 น. ณ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง หรือที่ชาวเชียงรายรู้จักในชื่อ ไร่แม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สถานที่ซึ่งไม่เพียงมีความหมายต่อชาวไทยภูเขาเท่านั้น แต่ยังเคียงคู่จังหวัดเชียงรายมายาวนาน ด้วยเป็นหลักฐานแห่งพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าที่ทรงห่วงใยทุกข์สุขของพสกนิกรโดยไม่ทรงแบ่งแยกเชื้อชาติหรือศาสนา

ในวันดังกล่าว โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดําริ จังหวัดเชียงราย ยังเปิด พระตำหนักดอยตุง หอแห่งแรงบันดาลใจ สวนแม่ฟ้าหลวง สะพานเดินเรือนยอดไม้ ( Doi Tung Tree Top Walk) สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง (ดอยช้างมูบ) และ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง ให้ประชาชนเข้าชมโดยไม่เก็บค่าบำรุง ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ด้วย โดยมีการจัดมาตรการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามมาตรฐานของภาครัฐอย่างเข้มงวด

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเป็นพระบรมราชชนนีของพระมหากษัตริย์ไทยสองพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ ๘) และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ ๙) และทรงเป็นสมเด็จพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก่อตั้งขึ้นโดย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ได้ทรงงานอย่างทุ่มเทเพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในชนบท โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ห่างไกล พระองค์ทรงตระหนักดีถึงความยากลำบาก การขาดโอกาสในชีวิต รวมถึงความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดาร ทุกครั้งที่พระองค์เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรจึงมีบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเข้าไปร่วมตรวจรักษาผู้ที่เจ็บป่วยด้วย และทรงนำเครื่องนุ่งห่ม อาหาร สิ่งของที่จำเป็น และของเล่นสำหรับเด็กเข้าไปพระราชทานให้แก่คนในพื้นที่ ในสายตาของชาวไทยภูเขา พระองค์เปรียบเสมือนเสด็จมาจากฟากฟ้าเพื่อปัดเป่าความทุกข์ยาก เขาเหล่านั้นจึงถวายพระสมัญญา “แม่ฟ้าหลวง” สะท้อนถึงความเคารพรักบูชาจากหัวใจชาวไทยภูเขาทุกคน

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงงานอย่างต่อเนื่องตลอดพระชนม์ชีพเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนที่ยากไร้และชนกลุ่มน้อยในประเทศไทยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จวบจนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2538 พระชนมายุ 95 พรรษา

องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ยกย่องให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเป็น “บุคคลสำคัญของโลก” ประจำปี พ.ศ. 2543 ในฐานะที่ทรงมีผลงานดีเด่นเพื่อส่วนรวมในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ประยุกต์ การพัฒนามนุษย์ สังคม และสิ่งแวดล้อม


Written By
More from pp
อิมแพ็ค เมืองทองธานี จับมือ แกร็บ จัดแคมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “นั่งฟิน กินคุ้ม”
อิมแพ็ค เมืองทองธานี จับมือ แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดแคมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “นั่งฟิน กินคุ้ม เรียกแกร็บ ไป กลับ อิมแพ็ค...
Read More
0 replies on “25 ปีแห่งการสวรรคต “สมเด็จย่า” สืบสานพระราชปณิธานจาก “หลักคำสอน” ที่ยังมีชีวิต “คนเราทุกคนต้องปรับตัว ถ้าปรับก็ไม่มีเรื่อง ฉันเองก็ต้องปรับตัว”  ”