18 เม.ย.63 นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หน.หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วยจนท.หน่วยฯ พญาเสือ จนท.อช.ตาดโตน จ.ชัยภูมิ จนท.อช.ไทรทอง จ.ชัยภูมิ ได้ร่วมกันสืบสวนขยายผล ขบวนการล่า ครอบครอง และค้าสัตว์ป่าคุ้มครองออนไลน์ ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และจังหวัดใกล้เคียง พบว่าขบวนการดังกล่าวได้ค้าขายนกขุนทอง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์จำพวกนก ลำดับที่ 230 ตามกฎกระทรวงฯ พ.ศ.2546 ออกตามความในพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
โดยขบวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน คือ มีผู้จัดหา (ล่า) สัตว์ป่าโดยนายพราน นำมาครอบครองไว้ และมีผู้ประกาศขายทางสื่อออนไลน์
ทั้งนี้ ขบวนการดังกล่าว ได้โพสต์ขายสัตว์ป่าคุ้มครอง (นกขุนทอง) จำนวนหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เม.ย.63 นายฉัตรชัย ไชยพันธุ์ ได้มีการเสนอขายนกขุนทองชุดใหม่ จำนวน 7 ตัว แก่สายลับของ จนท. ในราคา ตัวละ 1,000 บาท โดยต้องโอนเงินมัดจำเพื่อเป็นการจองไว้ ซึ่งการตกลงซื้อขายสำเร็จ นายฉัตรชัยฯ ได้แจ้งว่า นกขุนทองทั้งหมด อยู่ที่นายสราวุธ จิตกลาง และนายสราวุธฯ จะนำสัตว์ป่าดังกล่าวมาส่งให้ตน เพื่อนำมาขายให้สายลับตามนัดหมายในวันที่ 17 เม.ย.63
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 เม.ย.63 เวลา 11.30 น. ได้มีการนัดส่งมอบสัตว์ป่าคุ้มครอง (นกขุนทอง) แก่สายลับของ จนท. บริเวณศาลเจ้าพ่อพญาแล อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ จนท. จึงแสดงตัวเข้าดำเนินการตรวจยึดนกขุนทองจำนวน 7 ตัว และจับกุมนายฉัตรชัย ไชยพันธุ์ รวมทั้งขยายผลตรวจยึดนกขุนทอง เพิ่มเติมอีก 2 ตัว และสืบสวนขยายผลจนทราบถึงผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 2 คน คือ นายสราวุธ จิตกลาง และนายฤทธิเดช แก้วระกา
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายฉัตรชัย ไชยพันธุ์ มาจัดทำบันทึกจับกุม นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา กับนายสราวุธ จิตกลาง และนายฤทธิเดช แก้วระกา ให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีตามฐานความผิดและกฎหมายข้างต้น และขอให้พนักงานสอบสวน สืบสวนขยายผลจากนายสราวุธฯ และนายฤทธิเดชฯ ว่าดำเนินการซื้อนกขุนทองดังกล่าวมาจากพรานป่าผู้ใด เพื่อดำเนินคดีกับพรานป่าในคดีล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ต่อไป
การกระทำดังกล่าวของบุคคลที่เกี่ยวข้องข้างต้น เป็นการกระทำความผิดตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ฐานร่วมกันค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามมาตรา 29 ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท ร่วมกันครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามมาตรา 17 ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท