วิกฤต “ทดสอบ” คนไทย #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

 วิกฤตมหาอุทกภัยที่หาดใหญ่ พุทธศักราช ๒๕๖๘

ทำให้นึกถึง “สงคราม ๙ ทัพ”

เมื่อพุทธศักราช ๒๓๒๘ คือเมื่อ ๒๔๐ ปีที่ผ่านมา ในรัชสมัย “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช”

พม่าระดมพล ๑๔๔,๐๐๐ นาย แบ่งเป็น ๙ ทัพ ยกมาบุกสยาม พร้อมๆ กัน ใน ๕ ทิศทาง

-ทางหัวเมืองฝ่ายใต้และตะวันตก ๒ ทัพ

-ทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ ๒ ทัพ

-ทางเมืองราชบุรี ๑ ทัพ

-ทางด่านแม่ละเมา เมืองตาก ๑ ทัพ

-ทางด่านพระเจดีย์สามองค์ กาญจนบุรี ๓ ทัพ

“พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” และพระอนุชาของพระองค์ “สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท”

ระดมกำลังพลจากหัวเมืองต่างๆ ได้ ๗๐,๐๐๐ นาย

๕๐,๐๐๐ นาย แบ่งออกเป็น ๓ กองทัพ เพื่อออกไปรับศึก ๙ ทัพพม่า ที่ยกมาในแต่ละเส้นทาง

ส่วนอีก ๒๐,๐๐๐ นาย “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ทรงคุมทัพคอยเป็นกำลังหนุนอยู่ในพระนคร

ทัพไหนเพลี่ยงพล้ำ ก็จะทรงยกไปเป็นกำลังหนุน

ผลปรากฎ ๓ ทัพสยาม รบป้องกันและตี ๙ ทัพพม่าเตลิด ชนิดโสร่งหลุด ก็ไม่หยุดที่จะคว้ากลับไปนุ่ง!

ที่ผมยกเรื่อง “สงคราม ๙ ทัพ” มา เพื่อให้ทุกคนได้สะท้อนคิด

แค่ “มหาอุทกภัย” ที่หาดใหญ่……

เรายังแตกตื่น สับสน วุ่นวาย ด่ากันไป โทษกันมา คนทำ-มึงผิด, คนไม่ทำ คอยแต่ชี้ด่าคนทำ-กูถูก

บ้างเห็นแก่ตัว บ้างเสียสละ บ้างเอาแต่เรียกร้อง บ้างคอยจ้อหน้าจอ คนนั้นทำไม่ดี คนนี้ทำไม่ถูก

นี่แค่น้ำท่วมนะ ยังขนาดนี้…..

ถ้าบ้านเมืองเกิดศึกเหนือ-เสือใต้ เหมือนในอดีต แต่พวกเราเอาแต่แตกตื่น สับสน อลหม่าน เอาแต่โวยวาย โทษกันไป-โทษกันมา เอาแต่ด่าว่ากล่าว คนโน้นก็ไม่ดี-คนนี้ก็ใช้ไม่ได้

ในขณะที่ตัวเองไม่ทำอะไรเลย   ……

นอกจากขึ้นภู “พ่นน้ำลาย” และคอยเพ่งโทษ-จับผิดคนอื่น!

น้ำท่วม “เป็นการทดสอบ” ยังเป็นแบบนี้ การณ์ข้างหน้า ถ้ามีอะไรเลวร้ายขนาดใหญ่เกิดขึ้นในบ้านเมือง มันจะเป็นแบบไหน?

และใครยังจะพอมีใจ….

ที่ตัวเอง “เนื้อไม่ได้กิน-หนังไม่ได้รองนั่ง” แต่พร้อมให้ “สังคมคนเพ่งโทษ” เอากระดูกมาแขวนคอให้!?

ฉะนั้น ในสังคมบริหารและปกครอง ไม่ว่าในองค์กรไหน

จะเห็นใครเป็น “ผู้นำ” และใครเป็น “ผู้ตาม” ได้ไม่ยาก ในยามบ้านเมืองมีวิกฤต

“ผู้ตาม” เอาแต่เอะอะ-โวยวาย-แตกตื่น ลนลาน และเรียกร้อง

ในสถานการณ์เดียวกัน

“ผู้นำ” จะสงบนิ่ง ไม่แตกตื่น-โวยวาย สติเหนืออารมณ์ จะสำรวจตรวจสอบภาพรวมของสถานการณ์ พร้อมวิเคราะห์และวางแผน กำหนดตัวบุคคล เพื่อสั่งการเป็นขั้น-เป็นตอน

การวิเคราะห์-มองขาด ยกจิตเหนือคนทราม……

แล้วตัดสินใจ “สั่งการ” เฉียบขาด นั่นแหละคือ

“๑ ผู้นำ” เป็นเสาหิน ของ “๑ ล้าน” ผู้ตามเกาะ ที่บ้านเมืองต้องการยามวิกฤต!

ท่าน “นายกฯ อนุทิน” ผมในฐานะผู้อวย ขอบอกว่า การที่มีเสียงถล่ม “รัฐบาลล้มเหลว”

นั่นแสดงว่า การทำงานของท่านมีผลให้ “บางคน-บางพรรค” เขาล้มเหลว

ท่านยิ่งนิ่ง บุคลิกภาพผู้นำยิ่งเด่น นั่นยิ่งทำให้เขาผิดหวัง ไม่สะใจอย่างที่คิด และจะพานโกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้น!

“ภัยธรรมชาติ” กับ “จิตมนุษย์” ไม่มีใครในโลกนี้หรอก ที่จะทำให้ผู้ประสบภัยและผู้นั่งเพ่ง พอใจและชื่นชมว่า ทำได้ดีแล้ว-ทำได้ถูกแล้ว

เสียงตำหนิ ก่นด่า “อยู่ค้ำฟ้า” มากกว่าคำชม นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ผู้มี “อวิชชา” เป็นแดนเกิด

น้ำที่หาดใหญ่ แม้ฝนจะซา ทีท่าน้ำจะค่อยๆ ลด แต่ในความที่หาดใหญ่ สภาพเมืองเป็นแอ่งกระทะ และด้วยคำว่า “ความเจริญ” การตัดถนนหนทาง และการปลูกสร้างที่ขยายตัว

นั่นเป็นการ“กั้น-กักน้ำ”ในแอ่งกระทะ ให้ระบายลงทะเลสาบได้ยากลำบาก

พอดี “นายแพทย์ประเจษฎ์ เรืองกาญจนเศรษฐ์” โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ท่านส่งข้อความที่ส่งกันต่อๆ มา มาให้ผมอ่าน

ผมคิดว่า น่าจะเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเพื่อตัดสินใจของนายกฯ จึงขอนำเผยแพร่ ดังนี้

………………………………….

ผมอยากให้ฟังกันนิดนึงนะครับ

“คุณหญิงสุวิมล ผึ่งประเสริฐ” อดีต CEO จส 100 เล่าให้ผมฟัง ว่า กส 9 คือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงอดหลับอดนอน หาทางระบายน้ำลงทะเล

ทรงเฝ้าดูระดับน้ำทะเลขึ้นลง และทรงโทรมาให้เปิดประตูระบายน้ำลงทะเลผ่านทาง จส 100

ทรงใช้ เจ้าหน้าที่ จส 100 เอากระดาษหนังสือพิมพ์ไทยรัฐกำๆ แล้วปาลงน้ำ เดินตามกระดาษไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำจะหยุดไหลที่ตรงไหน แล้วหาทางเปิดทาง

เช่น การเปิดประตูระบายน้ำ หรือการขุดถนน เปิดทางให้น้ำไหล ทรงทำเช่นนี้สม่ำเสมอ ทรงงานหนักเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ

ทรงใช้วิธีบ้าน ๆ คือ กระดาษหนังสือพิมพ์ แล้วส่งคนไปเดินตามน้ำไหล จนน้ำหยุดไหล กระดาษหนังสือพิมพ์ไม่ไหล แล้วให้ถ่ายรูปหรือคลิปส่งมาถวาย จะได้ทรงแก้ปัญหา

ที่หาดใหญ่ ก็เคยทรงทำเช่นนี้

ทรงให้ขุดถนน หาทางระบายน้ำออกจากหาดใหญ่ ทรงทำมาแล้ว

**********************************************

น้ำท่วมหาดใหญ่ คราวนี้สาหัสจริงๆ ครับ

เพจ “มิตรเอิร์ธ” ของ “ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้” จากภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ท่านได้ลงข้อมูลว่า

ใช้ดาวเทียมพิจารณาระดับน้ำที่ “สี่แยกคอหงส์” สูงประมาณ 7 เมตร จากระดับน้ำทะเล

“มิตรเอิร์ธ – mitrearth”

หากใช้ GIS ช่วยวางแผนการเปิดทางให้น้ำไหลลงทะเลได้เร็วที่สุด ด้วยการ “ระเบิดถนน” เปิดทางน้ำ ก็ต้องทำ โดยใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์

“หาดใหญ่” เป็นแอ่งกระทะ น้ำสูงจากระดับน้ำทะเล 7 เมตร

ยังไงก็ต้องเปิดทาง หาทางให้น้ำไหลลงทะเลให้ได้

ณ เวลานี้ ถนนเส้นใด เป็นเขื่อนขวางน้ำ ก็ต้องหาทางระเบิดออก ให้น้ำไหลลงทะเลได้

มีคนในพื้นที่แจ้งมาว่า “ถนนลพบุรีราเมศวร์” หลายจุด ขวางทางน้ำ “ต้องระเบิดออก”

ทราบมาว่า เมื่อน้ำท่วมใหญ่คราวที่แล้วที่หาดใหญ่ ก็ต้องทำแบบนี้มาแล้ว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงให้ “ขุดถนนลพบุรีราเมศวร์” ที่ขวางน้ำ ให้น้ำลงทะเลได้เร็วที่สุด

ยังไงระดับน้ำทะเลก็ไม่ได้มีทางยกขึ้นมาหนุนสูงจนเท่ากับ 7 เมตรจากระดับน้ำทะเลที่หาดใหญ่ในเวลานี้หรอกครับ

ต้องหาทาง “ระเบิดถนน” หรือสิ่งที่ขวางน้ำลงทะเล ออกไปให้หมด เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตมากไปกว่านี้อีกครับ

นี่คือ “ทางเดียวที่จะช่วยหาดใหญ่ให้รอดครับ”

ทำอย่างไร ให้น้ำที่ท่วมสูง 7 เมตร จากระดับน้ำทะเล ไหลลงทะเลที่ระดับ 0 เมตร จากระดับน้ำทะเลให้ไวที่สุดครับ

จะระเบิดถนนอะไรกัน ตรงไหน ขอบแอ่งกระะทะล้อมหาดใหญ่มีที่ไหน ที่ขวางน้ำไหล

ก็เร่งทำเถิดครับ ใช้ระเบิดไม่กี่ลูก

นายกรัฐมนตรี “ต้องตัดสินใจ” แล้วครับ

ฝากชีวิตพี่น้องชาวหาดใหญ่ไว้ในมือท่านนายกรัฐมนตรีด้วยครับ

ณ เวลานี้ ต้องการเห็น solid plan ชัดๆ ว่า “ต้องระเบิดถนนเส้นไหน” ตรงนั้น น้ำสูงกี่เมตรจากระดับน้ำทะเล ต้องระเบิดกี่จุด เพื่อให้น้ำไหลลงทะเล

เอา Geographical information system มาช่วยน่าจะทำได้อย่างรวดเร็วครับ

ไม่เปิดทางน้ำลงทะเล น้ำจะท่วมแช่หาดใหญ่แบบนี้เป็นหลายสัปดาห์ครับ

………………………………………..

ใน “มงคล ๓๘ ประการ” ข้อที่ ๒ บอกว่า

“ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา” คบผู้มีความรู้ ความคิดที่ดี การปฏิบัติตนที่ดี เพื่อจะได้รับการชี้แนะแต่เรื่องอันเป็นมงคล

“ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้” อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญ สมาคมธรณีวิทยาแห่งประเทศไทย ท่านนี้แหละครับ

คือ บัณฑิตที่กราบไหว้ได้ คบแล้วเป็นมงคลแก่ชีวิต

บอกว่าเป็นศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ ทางธรณีวิทยาผสมทางโบราณคดีด้วยความชอบส่วนตัวของท่าน คงนึกถึงภาพผู้เฒ่าคงแก่เรียน หนวดเครารุงรัง พูดคุยด้วยได้ยาก

แท้จริงแล้ว ท่านเป็นคนหนุ่มในขั้น “สูงสุดคืนสู่สามัญ” และท่านทำเพจ “มิตรเอิร์ธ – mitrearth”

ให้ความรู้ด้าน โลก ดาราศาสตร์ อวกาศ ภูมิศาสตร์โลก แก่คนทั่วไป ด้วยภาษาเข้าใจง่าย

มีคนสัมภาษณ์ท่านถึงการทำเพจ “มิตรเอิร์ธ” ตอนหนึ่งท่านตอบว่า

“ขำๆ นะพี่ ผมว่าผมโดนถีบให้มาเป็นพระนะ ผู้ให้ จริงๆ ถ้ามีคนสนับสนุนมันก็ดี เราจะได้นำมาพัฒนา ต่อยอดได้ คำขอบคุณล้นเพจเลยพี่

ผมโอเคนะ ผมมีความสุข แบบความสุขจริงๆ ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ไม่ได้รวย ผมใช้ชีวิตสมถะ แป๊บเดียวก็ตายแล้ว

ทำแบบนี้ มันสะใจในอารมณ์ดี ยังเคยคุยกับคนใกล้ตัวเลยว่า เกิดสักกี่ชาติวะถึงจะได้มาเป็นอาจารย์อีก

เมื่อได้เป็นอาจารย์แล้ว ก็เอาแม่งให้สุดเลยดีกว่า ตายห่าไปจะได้ตายอย่างภูมิใจ”

“ทำเพจมากี่ปี”?

“น่าจะ ๓ ปีนะครับ ผมโตแบบธรรมชาติ ไม่ได้เร่งสีเร่งกลิ่นอะไร เลยไม่ได้สนใจเรื่องยอด การติดตาม ผมตั้งใจทำข้อมูลเพื่อปล่อยของอย่างเดียวเท่านั้น”……ฯลฯ

ที่ผมติดใจมาก ตรงที่ท่านเคยแสดงทัศนะต่อสภาพกรุงเทพฯ ในอนาคตในมุมมองของนักธรณีวิทยา ว่า

“อีก ๑๐๐ ปีข้างหน้า กรุงเทพฯ ก็ไม่จมน้ำ

เพียงแค่ระบายน้ำยากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าผู้ว่าฯกทม.คนไหน ก็แก้ไม่ได้หรอก”!

ครับ..ผมให้ภาพ “ศาสตราจารย์สันติ” ผู้ “ตีนติดดิน” ไว้กับท่านนายกฯ พอได้รู้จักคร่าวๆ เผื่อท่านสนใจ อยากเชิญมาสนทนาในประเด็นที่ท่านสนใจ

สำหรับผมเอง “ไม่รู้จักท่านศาสตราจารย์” หรอกครับ

รู้แต่ว่า ถ้าทลายน้ำที่ขังหาดใหญ่ออกไปไม่ได้  น้ำนั้น จะขังใจท่านนายกฯ ไปอีกนาน.!

เปลว สีเงิน

๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
บันทึก “หนองบัวลำภู” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน วันนี้ “อังคารที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕” “ทูตสวรรค์” ตัวน้อยๆ พร้อมคุณครู จากโศกนาฎกรรมที่ “หนองบัวลำภู”...
Read More
0 replies on “วิกฤต “ทดสอบ” คนไทย #เปลวสีเงิน”