จังหวัดน่าน ประกาศความพร้อมจัดงานยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี THE LEGACY OF LOVE ศรีนคราฟื้นฟ้า สิเนหาสถิตในแผ่นดิน ถิ่นแห่งพระมหากรุณาธิคุณนิรันดร์ ชวนนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติ น้อมรำลึกและเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระพันปีหลวง ชมนิทรรศกาลเทิดพระเกียรติ “จากรอยพระบาทแรก สู่รอยรักนิรันดร์” พระราชกรณียกิจครั้งเสด็จดำเนินจังหวัดน่าน ผู้ทรงเป็นแสงแห่งความรัก ศิลปะ และปัญญาแห่งแผ่นดิน ร่วมเปิดประสบการณ์ ‘น่านมิติใหม่’ ตลอดช่วงค่ำคืน 29-31 ธันวาคม 2568 คาดเงินสะพัดกว่า 150–200 ล้านบาท ตั้งเป้าเตรียมยกระดับศักยภาพ ก้าวสู่การเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับภูมิภาคในอนาคต
นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า จังหวัดน่าน เตรียมจัดงานใหญ่แห่งปี NAN : THE LEGACY OF LOVE “ศรีนคราฟื้นฟ้า สิเนหาสถิตในแผ่นดิน” งานสืบสานประเพณี วัฒนธรรม และเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจแห่งความรักของผืนแผ่นดินไทย ผ่านแสง สี เสียง และศิลปะร่วมสมัยที่จะถ่ายทอด “มรดกแห่งรัก” ให้ส่งประกายเหนือผืนแผ่นดินน่าน
โดย THE LEGACY OF LOVE เป็นบทกวีแห่งความรัก ความศรัทธา และความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระพันปีหลวงทรงมีต่อแผ่นดิน “เมืองน่าน” เมืองเล็กกลางหุบเขาที่พระองค์ทรงเล็งเห็นคุณค่า ทั้งในผู้คน ศิลปะ และวิถีชีวิต จากรอยพระบาทแรกเมื่อปีพุทธศักราช 2501
“น่าน” ยังได้เตรียมนำเสนอการแสดงโขนพิเศษว่าด้วย “ความงดงามแห่งรัก” และตระการตากับพลุและโดรนเทิดพระเกียรติ เล่าเรื่องราวแห่ง “ความรักที่พระองค์ทรงมอบไว้แก่ผืนแผ่นดิน” และ “ความรักอันเป็นนิรันดร์ที่พระองค์ทรงมีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9
นิทรรศการ “จากรอยพระบาทแรก สู่รอยรักนิรันดร์” ถ่ายทอดพระราชกรณียกิจเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดน่าน พร้อมแกลเลอรี “รักน่าน” ที่บอกเล่าความงดงามของผืนล้านนา ผ่านสายตาและหัวใจของช่างภาพและศิลปิน และร่วมส่งต่อความรัก ด้วยการสวมใส่ “ผ้าไทยที่แม่รัก” แต่งกายด้วยผ้าไทย เพื่อเทิดพระเกียรติในฐานะองค์อุปถัมภ์ผ้าไทยอันยิ่งใญ่ของแผ่นดิน
ภายใต้ธีมงาน THE LEGACY OF LOVE ที่จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้ มาพร้อมกับการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจครั้งสำคัญ ที่จังหวัดน่านได้รรับคัดเลือกให้เป็น “เมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก” แห่งที่ 8 ของประเทศไทย (UNESCO Creative Cities Network – UCCN) ในสาขา หัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts and Folk Art)
โดยบรรยากาศตลอด 3 วันของการจัดงาน ระหว่างวันที่ 29-31 ธันวาคมนี้ ณ ถนนสุริยพงษ์ จังหวัดน่าน จะสว่างไสวด้วยแสงไฟนับพันดวง พร้อมประติมากรรมโคมไฟพญานาค 8 ตัว ทอดยาวกว่า 888 เมตร ให้ทุกคนได้ “เดินลอดใต้พญานาค” เพื่อความเป็นสิริมงคลและเริ่มต้นปีใหม่ด้วยหัวใจที่งดงาม ตอกย้ำอัตลักษณ์แห่งศิลป์ล้านนาและการเติบโตอย่างยั่งยืนของเมืองแห่งวัฒนธรรม ผ่านกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ใน 3 โซนแห่งสิเนหา ได้แก่
โซน 1 “เงาฮักแห่งวันวาน” ย้อนสู่อดีตผ่านศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองที่ยังคงหายใจ
โซน 2 “มวลฮักแห่งกาลนี้” ถ่ายทอดพลังชีวิตของผู้คนผ่านแสง สี เสียง และมัลติมีเดียร่วมสมัย
โซน 3 “แสงฮักแห่งเมืองใหม่” ส่องประกายความฝันของคนรุ่นใหม่ ผ่านเสียงดนตรีและพลังแห่งอนาคต
ภายในงานยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์อีกมากมาย อาทิ ถ่ายภาพที่บูธ AI “ฮักแต่ปางก่อน” มาดูกันว่าคุณคือใครในน่านเมื่อครั้งอดีต ร่วม “เสี่ยงเซียมซีรัก” รวมถืง เขียนคำอวยพรเป็นภาษาล้านนา ผ่าน Interactive Wall of Love พร้อมเวิร์กช็อปหัตถกรรมพื้นเมือง และผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ให้เลือกช้อปอย่างจุใจ
จากนั้นปิดท้ายค่ำคืนแห่งรัก ด้วยปรากฎการณ์สุดยิ่งใหญ่ โดรนมัลติมีเดีย “Lovelight in My Heart: Firework & Drone Symphony” การแสดงสุดตระการตาที่ผสานแสง สี เสียง และบทเพลงพระราชนิพนธ์แห่งรักถ่ายทอด “ความรักที่พระองค์ทรงมอบไว้แก่ผืนแผ่นดิน” และ “ความรักอันเป็นนิรันดร์ที่ทรงมีต่อในหลวงรัชกาลที่ ๙” ให้สว่างไสว เปล่งประกาย และงดงามที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองน่าน
ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า พระราชกรณียกิจเหล่านั้นมิได้เพียงเปลี่ยนวิถีชีวิต หากยังปลุกหัวใจให้เชื่อมั่นในคุณค่าของตนเองและให้ความรักกลายเป็นพลังที่เหล่อเลี้ยงแผ่นดิน ทางจังหวัดน่านจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมแต่ง “ผ้าไทยที่แม่รัก” ร่วมกิจกรรมและชมนิทรรศกาลเทิดพระเกียรติ พระราชกรณียกิจครั้งเสด็จดำเนินจังหวัดน่าน พร้อมร่วมชมแกลอรี่ “รักน่าน” ที่ถ่ายทอดความงดงามของแผ่นดินล้านนา
ทั้งนี้ ตั้งเป้าดึงดูดผู้เข้าร่วมงาน ประมาณ 100,000 คน แบ่งเป็น ชาวจังหวัดน่านและพื้นที่ใกล้เคียง 70% นักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด 30% คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 150–200 ล้านบาท
ชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “แสงแห่งสิเนหา” ที่จะส่องใจคนไทยทั้งแผ่นดิน วันที่ 29-31 ธันวาคมนี้ ณ ถนนสุริยพงษ์ จังหวัดน่าน สัมผัสกับเสน่ห์ของเมืองน่านในมิติใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เมืองแห่งความสงบ แต่ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้.

