เปลว สีเงิน
“ฮุนเซน” นี่….
สมกับที่เป็นเขมรต่ำ สืบสายเลือดบรรพบุรุษมาจากสัตว์ “ลิ้น ๒ แฉก”!
“เรื่องเดียวกัน แต่” ตวัดลิ้น “ไม่ตรงกัน” ซักที!
ตอนไทย “ปิดด่าน” ช่วงปลายเดือนกันยา ๖๘ “ฮุนเซน” โพสต์อวดเก่งว่า
“กัมพูชาจะไม่ลดตัวลงไปขอให้ไทยเปิดด่าน และต่อให้ไทยปิดด่านไปอีก ๑๐๐ ปี กัมพูชาก็ไม่ล่มสลาย”
แถมเย้ยหยัน…..
“ขอบคุณไทยที่ปิดด่านฝ่ายเดียว ทำให้ส่งสินค้าไทยไปขายกัมพูชาไม่ได้ เป็นแรงผลักดันให้กัมพูชาผลิตสินค้าเอง มีสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงพอ…..”
แต่แท้ที่จริง ขณะนั้น ถึงขณะนี้ ภายในประเทศ ชาวบ้านชาวเมืองกำลังตายโหง-ตายกระเทียม เพราะขาดแคลนทั้งของกิน-ของใช้
ที่อ้างว่าผลิตได้เอง มีสินค้าอุปโภค-บริโภคเพียงพอ ก็เป็นแค่ “ตดให้หมาดม” เท่านั้น
โดยเฉพาะน้ำมัน ทำปีกกล้า-ขาแข็ง ไม่ใช้น้ำมันปตท.แล้วตอนนี้เป็นไง มีแต่น้ำมูกเขมรแทนน้ำมัน
ที่เสียมรัฐ พระตะบอง ต้องใช้รถ “พลังวัว-พลังควาย” ลาก แทนพลังน้ำมันปตท.!
คนงานที่หลอกให้กลับ อ้างว่ามีงานให้ทำ เอาเข้าจริง ก็ไม่มี ตอนนี้ กว่า ๒ แสนคน “ตกงาน” ต่างกระเสือกกระสน ลักลอบกลับเข้าไทย
สินค้าเกษตร เช่น ผักหญ้า ข้าว มันสำปะหลัง ที่ไทยเป็นตลาดใหญ่รับซื้อตามชายแดน
เมื่อไทยปิดด่าน เท่ากับ “ปิดสวิตช์” ชีวิตคนเขมร!
รัฐบาลมันอินังขังขอบซะที่ไหน ทั้งไม่มีปัญญาจะช่วย ปล่อยทิ้งเกลื่อนบ้าน-เกลื่อนเมือง
สงสารชาวบ้าน ที่มีรัฐบาล ๒ พ่อลูกตระกูลฮุนนั่งทับหัวเป็น “นายทาส”!
มาเมื่อ ๒๖ ตุลา.๖๘ “ไทย-เขมร” ลงนามข้อตกลงสันติภาพชนิด มี “เงื่อนไข ๔ ข้อ” จากไทย ที่มาเลเซีย โดยมีประธานาธิบดีทรัมป์และนายกฯ อันวาร์ แห่งมาเลย์ เป็นสักขีพยาน
ห่างมาไม่ถึง ๓ วันด้วยซ้ำ ๒๙ ตุลา.๖๘ ก็มีข่าวออกมาจากทางเขมรว่า
“ฮุนเซน” ฉุนจัด..!!
“เซ็นสัญญาสันติภาพแล้ว ทำไมไทยไม่ยอม “เปิดด่าน” ลั่น อย่าบีบกัมพูชามากเกินไป อย่าลืมนะว่า ความลับนักการเมืองไทยอยู่ในมือผม”
“ฮุนเซน”โวย…“ทำไมไทยไม่เปิดด่าน!
ทั้งที่ “อนุทิน” ลงนามร่วมกับ “ฮุน มาเนต” แล้ว ไหนว่าอยากกลับมาเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แบบนี้ ถือว่าไม่ทำตามข้อตกลงหรือไม่!?
อ้าว…ก็ไหนว่าคุยว่า ต่อให้ไทยปิดด่าน ๑๐๐ ปี เขมรก็ไม่ล่มสลายมิใช่หรือ?
อีกตั้ง ๙๙ ปี กับอีก ๓ เดือน จึงจะครบ ๑๐๐ ปี แล้วจะมาโวยวายให้ไทยเปิดด่านทำไมตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ…หือ…พ่อมังกรโมโด?
และภาพที่ฟ้องถึงสภาพ “ชีวิต-เศรษฐกิจประชาชนคนเขมร” ในวันที่ “ไทย-เขมร” ลงนามนำร่องสันติภาพที่เห็นแล้วหดหู่ใจ ก็คือ
เช้าของวันที่ ๒๗ ตุลา.
คนเขมรนับหมื่น ไปแออัดกันอยู่หน้าด่าน รอทะลักเข้าไทย!
รัฐบาลฮุนเซนคงไป “บิดข่าว” หลอกชาวบ้านหวังให้แห่มาบีบไทย
นัยว่า ลงนามกันแล้ว “ไทยจะเปิดด่าน” วันนี้ โดยไม่อธิบายความจริงตามเงื่อนไข ๔ ข้อให้ชาวบ้านทราบ
เจตนา หวังให้คนเขมรโกรธแค้นและเกลียดชังไทยมากขึ้น ว่าโหดร้าย-ใจดำ แทนที่จะโกรธแค้นและหันไปเล่นงานรัฐบาลตัวเองว่า “เฮงซวย-ห่วยแตก”
นี่แหละ “เนื้อเต่า-ยำเต่า” เป็นยังไง
คนเขมรกับฮุนเซน ก็เป็นยังงั้น!
ก็ขอย้ำเผื่อจะมีเขมรอ่านภาษาไทยออก คืออยากบอกว่า
“ยังหรอก…ยังไม่มีการเปิดด่าน
จนกว่าเขมรปฎิบัติตามเงื่อนไข ๔ ข้อจากไทย ตามที่ตกลงกัน ให้เป็นที่พอใจของฝ่ายไทยก่อน
ไทยถึงจะพิจารณา “เปิด-ไม่เปิด” ให้ตอนนั้น”!
ภาพคนเขมรนับเป็นหมื่นๆ ไปจุกรอหน้าด่านเพื่อเข้าไทย และการที่ฮุนเซนโกรธเป็นฟืน-เป็นไฟ ที่ไทยยังไม่เปิดด่านให้
นั่น…บ่งบอกถึงอะไร….
ถ้าไม่ใช่เพราะเขมรขาดไทยวันไหน ก็เหมือนเขมรขาดลมหายใจวันนั้น?!
แต่ถึงกระนั้น ขนาดพะงาบๆ ทั้งประเทศ “ฮุนเซน” เว้าวอนอ้อนกราบตีนไทยก็แล้ว มีขบวนปั่นข่าวเฟกเรื่องเปิดด่านวันนั้น-วันนี้ก็แล้ว ฮุนเซนก็ยังไม่วายปากเก่ง
เมื่อวาน (๕ พฤศจิกา.) ฮุนเซน โพสต์ท้าทายอีกว่า….
“จะปิดด่านไป ๑๐๐ ปี ๕๐๐ ปีก็เชิญ!
กัมพูชาไม่ขอเปิด กุญแจอยู่ในมือไทย!”
“สามเดือนมาแล้วที่ปิดด่าน แต่เศรษฐกิจกัมพูชาไม่สะเทือน กลับช่วยสินค้าท้องถิ่นโตแทนของไทย”
นั่นแน่….
ปากแจ๋วอย่างนี้ น่าจะมาสมัครเข้าสังกัดพรรคแดง-พรรคส้มนะ แค่อ้าปาก คนเขาก็เห็นฮุนเซนจากไส้ทุกขดทะลุถึงดากแล้วว่า
ทุกลมหายใจฮุนเซน อยู่ที่ “เปิดด่าน-ปิดด่าน”
เพราะอะไรน่ะหรือ?
ก็เพราะ “ปิดด่าน” เท่ากับ “ปิดบ่อน ปิดสแกมเมอร์ ปิดคอลเซ็นเตอร์ ปิดการค้ามนุษย์ ปิดการฟอกเงิน”
“เปิดด่าน” เท่ากับไทยช่วยให้ “เขมร-ฮุนเซน” เปิดบ่อน เปิดสแกมเมอร์ เปิดคอลเซ็นเตอร์ เปิดการฟอกเงิน และเปิดการค้ามนุษย์!
Khmer Times สื่อแห่งชาติในครอบครัวตระกูลฮุน ก็รายงานข่าวซับน้ำเหลืองประเทศหลอกชาวโลกว่า
ฮุนเซนบอก “ปิดด่านคือโอกาสฟื้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ลดพึ่งไทย”
เขาเชื่อว่าการปิดด่านของไทยนั้น จะทำลายเศรษฐกิจของอาเซียนด้วยการตัดขาดกับเอเชียทั้งหมด
“ผมได้บอกกับเพื่อนชาวต่างชาติว่า การปิดด่านชายแดนของไทยกับกัมพูชา ไม่เพียงแต่เป็นการ “ตัดขาดการเชื่อมต่อ” ระหว่างกัมพูชาและไทยเท่านั้น
แต่ยังเป็นการตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่าง “อาเซียนและเอเชีย” อีกด้วย ทางหลวงอาเซียน ทางรถไฟอาเซียน และทางหลวงเอเชีย อยู่ที่ไหน?”
คำว่า “อยู่ที่ไหน”?
ผมว่า ควรเป็นคำถามที่ “ฮุน ๒ พ่อลูก” น่าจะถามตัวเองในเส้นทางอนาคตมากกว่า
ไม่ต้องห่วงเรื่องเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างอาเซียนกับเอเชียหรอก ห่วงตัวเองเถอะ ว่าตอนนี้
เขมรฮุนเซนในความเป็น “ศูนย์กลางอาชญากรรมทางไซเบอร์โลก” ตัวเองยังเชื่อมต่อประชาคมโลกเขาได้มั้ย?!
ครอบครัวฮุนเซนน่ะ ผมไม่ห่วง ยังไงก็อิ่มหมีพีมัน
แต่ชาวบ้านน่ะซี สภาพมันตรงข้ามกับที่ฮุนเซนคุยว่า “สินค้าท้องถิ่นดีขึ้น”
ผมจะนำภาพ-ข่าวที่ออกมาจากทางฝั่งเขมรมาให้อ่านกัน
ภาพแรก เป็นภาพชาวบ้านบรรทุกถุงข้าวเปลือกหรือข้าวสารไม่แน่ใจ ใส่เกวียนลากมาเป็นแถว
แล้วมีคำบรรยายภาพว่า….
“น่าสงสารมาก ชาวเขมรโอด ถ้าด่านยังไม่เปิด ยังไงก็ไปไม่รอด ขนาดเหลือกิโลกรัมละ ๓-๔ บาท ยังไม่มีใครซื้อ ได้แต่เฝ้ารอวันด่านเปิด”
ข่าวที่สอง “กัมพูชา” โอดครวญ!
“รัฐวอนภาคประชาชนช่วยเหลือ ปิดด่านกระทบเกษตรกร ข้าวล้นโกดัง ราคาตก”
“ดิธ ตินา” รัฐมนตรีเกษตรกัมพูชาออกแถลง ราคาข้าวตกต่ำจากผลกระทบการปิดด่านชายแดนอย่างหนัก
เรียกร้องให้พ่อค้าคนกลางช่วยซื้อข้าวเพื่อช่วยชาวนาอยู่รอด
ร้องเจ้าของโกดังข้าวพักชำระหนี้ ลดภาระเกษตรกร
ภาพที่สาม ไม่ต้องมีคำบรรยาย คนเขมรเป็นหมื่นๆ ออเต็มหน้าด่าน รอเข้าไทย หวังไปตายดาบหน้า ยังดีกว่าอดตายแน่ ถ้าอยู่ในเขมร
แต่ไทยยัง “ไม่เปิดด่าน” จึงเกิดโกลาหล โกรธแค้น ด่าไทย ด่าดันเอง วุ่นวายเปะปะไปหมด น่ารันทด-หดหู่
ข่าวที่สี่ จาก “คัดข่าว-หาดใหญ่” ๒๗ ก.ย.๖๘
สินค้าเกษตรเขมรทยอยระเบิด!
ระเบิดเวลาลูกโตของกัมพูชาไม่ได้อยู่ที่ชายแดนหรือกองทัพ แต่อยู่ที่ “หัวมันสำปะหลัง” ที่กองพะเนินเต็มโกดังทั่วประเทศ!
หลังไทยสั่งปิดด่านชายแดนเข้ม เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกษตรกรเขมรกว่า ๓ แสนครัวเรือน ต้องนั่งกอดหัวมันร้องไห้
เพราะราคาตกวูบจาก ๓๐๐ ดอลลาร์ เหลือ ๙๐ ดอลลาร์/ตัน แบบไม่เหลือค่าแรง ค่าน้ำมันรถไปส่ง
เจ้าหน้าที่เกษตรกัมพูชาออกมาโอดแบบคนจนใจว่า “นี่มันเหมือนเจอมรสุมซ้อนมรสุม”
เพราะมันสำปะหลังไม่ใช่สินค้าเดียวที่เจ๊ง ข้าวโพดกับข้าวก็กำลังโดนผลจากการปิดด่านตามมา
พูดง่ายๆ คือ รัฐบาลฮุนมาเนตกำลังเจอ “ระเบิดเวลาเศรษฐกิจ” จากผลผลิตทางการเกษตรที่จะทยอยออกมา มันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าว ผลไม้ ฯลฯ
โดยมีการประมาณคร่าวๆ ว่า มูลค่าความเสียหายสะสมตั้งแต่กรกฎาคม-กันยายน สูงถึง ๙,๒๐๐- ๑๒,๕๐๐ ล้านบาท
โดยมันสำปะหลังเสียหาย ๗,๐๐๐-๙,๐๐๐ ล้านบาท ผลไม้ ๑,๕๐๐-๒,๕๐๐ ล้านบาท และผัก ๗๐๐-๑,๐๐๐ ล้านบาท
กัมพูชาเสียหายมาก เนื่องจากพึ่งพาการส่งออกเกษตรไปไทยสูง (ไทยเป็นตลาดหลัก ๗๐-๘๐%)
ซึ่งหากปิดด่านต่อเนื่อง GDP จะร่วง ๑-๒% จากภาคเกษตรที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของชนบท”
ภาคเกษตรจ้างงาน ๗๐% ของประชากร ๔ ล้านคน และหากยืดเยื้อ อาจนำไปสู่วิกฤตอาหารและหนี้สินเกษตรกรเพิ่ม ๓๐%
รัฐบาลกัมพูชาเร่งหาทางออก โดยเจรจาส่งออกเพิ่มไปเวียดนามและจีน
เช่น มันสำปะหลัง ๓ แสนตัน ผ่าน Global Ecological Rice Co Ltd แต่ติดปัญหามาตรฐานนำเข้าเข้มงวด (GAP) และต้นทุนขนส่งสูง ๓ เท่า
นักวิเคราะห์เตือนว่า “การหาตลาดใหม่ไม่ทันสินค้าสดที่เน่าเสียง่าย ทางที่ง่ายที่สุด คือต้องเร่งเจรจา เปิดด่านผ่าน JBC มิเช่นนั้นจะกระทบหนัก”
สรุปชัดๆ ระเบิดเวลาลูกนี้ ไม่ใช่แค่ระเบิดการเมือง แต่เป็นระเบิดหนี้ครัวเรือนกับความอดอยากของคนกัมพูชา
คำถามคือ ฮุนมาเนตจะกู้สถานการณ์ทันไหม หรือจะปล่อยให้มันระเบิดตูมใส่รัฐบาลตัวเอง?
ที่มา: Khmer Times, Nation Thailand, Phnom Penh Post, World Bank, X posts
มันสำปะหลังเนี่ย หลังจากไทยปิดด่าน ในไทย จากที่ราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน กิโลละ ๑ บาท กับอีก ๑๐-๒๐ สตางค์
ตอนนี้ ราคาพุ่งขึ้นไปกิโลกรัมละ ๑.๙๐-๒.๘๐ บาท บางจังหวัด เช่นที่ชัยภูมิ ราคาหน้าโรงงาน พุ่งขึ้นถึง ๒.๗๕-๒.๘๐ บาท/กิโลกรัม
ข้าวเขมรที่เกวียนละไม่กี่พัน…
ในยุค “รับจำนำข้าวทุกเมล็ดเกวียนละ ๑๕,๐๐๐” ทำให้โรงสี-พ่อค้าข้าวในเครือข่าย เอาข้าวเกวียนละไม่กี่พันจากเขมรมาจำนำไม่อั้นเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ รวยกันพุงปลิ้น!
เอาละมั้ง คุยพอให้เห็นภาพว่า การใช้นิ้วมือไหม “ฆ่าโดยไม่ต้องฆ่า” ตาม “ยุทธศาสตร์ซุนวู” ถึงช้า ไม่ทันใจ
แต่มันสุนทร และได้ผลดังใจแน่นอน
ต่อจากนี้ เชิญเมนท์กันตามสบาย หรอยจังฮู้ ไม่ต้องเกรงใจ
ผมชอบจัง!
เปลว สีเงิน
๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

