ผู้นำที่ไร้วุฒิภาวะ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

นึกถึงภาพนั่งเบะปากในศาล…

ตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ โน้นแหละครับ ในวันที่ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีที่ ทักษิณ ชินวัตร, บรรณพจน์ ดามาพงศ์, กาญจนาภา หงษ์เหิน

ในความผิดฐาน ร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าหุ้น ๗๓๘ ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร และประมวลกฎหมายอาญา

วันนั้น “แพทองธาร ชินวัตร” เพิ่งจะยี่สิบหย่อนๆ พ้นวัยเด็กหญิงมาไม่นานเท่าไหร่ นั่งเบะปาก ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล

เพราะวันนั้นศาลลงโทษจำคุกทั้ง ๓ คน

ภาพเบะปาก ถูกหยิบยกมาตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบเมื่อ “แพทองธาร” มีอาการไม่ปลื้มกระบวนการยุติธรรม

แต่คงไปต่อว่าอะไรเธอไม่ได้ครับ เพราะเป็นปกติของมนุษย์โดยส่วนใหญ่ในการปกครองคนในครอบครัว ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ตาม

วันนี้ “แพทองธาร” เป็นนายกรัฐมนตรี

เป็นหัวหน้ารัฐบาล

เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ

เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

มีอำนาจในการออกกฎ คำสั่ง หรือมติที่ส่งผลกระทบต่อบุคคลได้

แต่กลับแสดงพฤติกรรมเบะหน้า เมื่อศาลพิพากษาคดีไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ

หลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในคดีโครงการรับจำนำข้าว เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๑๐,๐๒๘ ล้านบาท “แพทองธาร” อยู่ที่อังกฤษ แชร์โพสต์ของพรรคเพื่อไทยในไอจีสตอรีที่มีข้อความว่า “๒๒ พฤษภาคม ถูกปล้นความยุติธรรม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า“

เท่านั้นไม่พอ…

แชร์โพสต์ข้อความเป็นคำพูดที่ “ยิ่งลักษณ์” ระบุช่วงหนึ่งว่า

“จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด“

โพสต์ภาพในอดีตขณะ “ยิ่งลักษณ์” นั่งจับถุงข้าวสารพูดคุยกับเกษตรกร

ที่หนักหนาสาหัสคือ โพสต์ไอจีสตอรีให้กำลังใจ “อาปู” ด้วยภาพเซลฟีคู่ระหว่างอาหลาน

พร้อมใส่เพลงประกอบ “ฤดูที่แตกต่าง”

เนื้อร้องคงคิดว่าเข้ากับสถานการณ์

“อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ”

พร้อมแท็กไปยังไอจีของ “ยิ่งลักษณ์” ที่ใช้ชื่อว่า pouyingluck_shin ด้วย
แรงครับ!

คราวนี้ไปไกลกว่าเบะปากมาก

ประเด็นแรก “แพทองธาร” เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการทั้งมวล รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ขณะที่ “ยิ่งลักษณ์” เป็นนักโทษหนีโทษจำคุก ๕ ปี คดีปล่อยปละละเลย ให้เกิดการทุจริต ในโครงการรับจำนำข้าว

เป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัวกลับมารับโทษจำคุก

ฉะนั้นเจตนาของ “แพทองธาร” คืออะไร

รู้ไม่เท่าถึงการณ์

หรือเจตนา

ประเด็นถัดมา นี่ไม่ใช่เรื่องของ หลาน อา

การที่ “แพทองธาร” ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แสดงออกผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งก็หมายความว่าต้องการให้สังคมทั่วไปได้รับรู้ ถึงการแสดงความไม่พอใจคำพิพากษาของศาล เป็นพฤติกรรมไร้วุฒิภาวะอย่างสิ้นเชิง

ยิ่งไปกว่านั้น “แพทองธาร” อาจมีความผิดในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

และอาจละเมิดมาตรฐานจริยธรรมอีกด้วย

หลายข้อด้วยกัน

ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน

ไม่กระทําการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

ยึดมั่นหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน

ไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง

ไม่คบหาสมาคมกับคู่กรณี ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติหรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่

เจ้าหน้าที่รัฐไปพบกับนักโทษหนีคุก ไปให้กำลังใจ แถมวิจารณ์ศาล เป็นการละเมิดมาตรฐานทางจริยธรรมข้อไหนดีครับ

เป็นเรื่องน่าเศร้าใจครับ ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่แยกเรื่องส่วนตัวกับส่วนรวมไม่ออก

คิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กหญิงดีใจที่ได้เจอผู้เป็นอา

ครับ…การเดินทางไปอังกฤษ โมนาโก ของ “แพทองธาร” ครั้งนี้เกิดคำถามมากมาย

ทำไมต้องเดินทางไปช่วงนี้

ทำไมไม่เจอกับผู้นำหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศนั้นๆ

วัตถุประสงค์ของการเดินทางคืออะไรกันแน่

การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นทางการนะครับ

แต่กลับแยกตัวไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว ไปเจอ “อาปู” ที่ลอนดอนใช่หรือไม่

เมื่อเข้าไปดูเนื้องานยิ่งสงสัยว่า มันจำเป็นต้องให้ระดับนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจจริงหรือ

เช่น ไปมอบประกาศนียบัตรให้ร้านอาหาร

ไปเยี่ยมค่ายมวย

งานแบบนี้ให้เจ้าหน้าที่ทูต ผู้แทนการค้า ทำก็ได้

และการไปโดยไม่ได้พบเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอังกฤษเลย ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ได้ไปเพื่อลงนามในความตกลงในระดับรัฐบาลใดๆ ทั้งสิ้น

เหมือนไปชิมอาหารแล้วบอกว่าอร่อย แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ เช่นขอให้รัฐบาลอังกฤษช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ กับร้านอาหารไทยในอังกฤษ

ฉะนั้นเลี่ยงไม่ได้ครับที่จะถูกตั้งคำถามว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการเดินทางครั้งนี้เพื่ออะไรกันแน่

แต่เจ้าตัวเหมือนเฉลยว่าไปพบ “อาปู” นักโทษหนีคุก

การเบะปากไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลในครั้งนี้อาจส่งผลร้ายเกินกว่าที่ “แพทองธาร” จะจินตนาการได้

การไร้วุฒิภาวะบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคือหายนะที่ไม่มีผู้นำประเทศไหนอยากให้เกิดกับตัวเอง

แต่ “แพทองธาร” อาจโชคดีอยู่บ้างที่เรามีฝ่ายค้านไม่เอาไหน ตั้งหน้าตั้งตาเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐไทย ต่อรัฐธรรมนูญมากกว่าที่จะตรวจสอบรัฐบาล

ก็ไม่เป็นไรฝึกไว้ครับกับการเดินทางออกนอกประเทศที่ไม่เป็นทางการ.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ผนึกกำลังพันธมิตรขับเคลื่อน “ระยอง” นำร่องจัดการบรรจุภัณฑ์แบบ Closed-Loop ผ่านโครงการ “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ข.ขวด หมุนเวียน เป็นขวดใหม่”
บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด จับมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ขับเคลื่อนจังหวัดระยอง เพื่อนำร่องส่งเสริมการคัดแยกขวดพลาสติก PET ใช้แล้ว และเก็บกลับมารีไซเคิลเป็นขวดใหม่
Read More
0 replies on “ผู้นำที่ไร้วุฒิภาวะ #ผักกาดหอม”