เคอร์ฟิว “เซฟก่อนตายจริงๆ”

“เคอร์ฟิว”!
ตั้งแต่ ๔ ทุ่ม-ตี ๔ “ทั่วประเทศ” ตั้งแต่วันนี้ (๓ เมย.) เป็นต้นไป

ไปถึงไหน?
ถึงเมื่อ คณาจารย์แพทย์ บอกนายกฯ ว่า
บัดนี้ “แพทย์-พยาบาล” ควบคุม” โควิด-๑๙” อยู่หมัดแล้วนั่นแหละ!

ครับ…เอาไง ก็เอากัน
ถ้าคิดว่า ปูพรม “เคอร์ฟิว” แบบนี้แล้ว จะลดแพร่-ลดระบาดได้ ก็เอา

เกรงอยู่อย่าง “เคอร์ฟิวกรุงเทพฯ” จะเป็นเหมือนตอน กทม.ประกาศปิดห้าง-ปิดร้านอาหาร เมื่อ ๒๑ มีนา.

แทนที่จะทำให้คนไม่ไปรวมตัว…..
กลับผลักให้ผู้คนแตกตื่น ออกไปรวมตัว แออัดยัดเยียดกันตามสถานีขนส่ง ก่อนดาวกระจายไปทั่วประเทศ

นี่ก็ต้องสะท้อนคิด แล้วหาวิธีรับมือด่วน
คือในข้อเท็จจริง ช่วง ๔ ทุ่ม ถึงตี ๔ ทุกวันนี้ โดยส่วนเฉลี่ย คนส่วนใหญ่อยู่บ้านกันแล้ว

ที่มีเดินทาง ก็ลักษณะ “ระหว่างเดินทางกลับ” หลังเลิกงาน ตามโครงสร้างสังคมเมืองใหญ่ ที่เหตุปัจจัยชีวิตงาน เป็นตัวกำหนดเวลาไป-กลับ

ที่อ้อยอิ่ง ก็จะเป็นประเภท ขาแว้น-ขาโจ๋ ขาจิ๊จ๊ะ นักกิน-นักเที่ยว พวกเฮฮาปาร์ตี้

พวกเริงสำราญย่านผู้ดี พวกสะโหล-สะเหล ออกจากบ่อน จากสถานบริการ

สรุป คือ การเดินทางคนกรุงเป็นวิถีหมุนเวียน แต่จากวันนี้ไป เคอร์ฟิวตั้งแต่ ๔ ทุ่ม จะทำให้หมุนจี๋

ปกติ “ช่วงเย็น” คนจะทะยอยกันกลับ
แต่ทีนี้ ๔ ทุ่ม ต้องถึงบ้าน ไม่งั้นถูกจับ
เอาละซี ทำไงดีล่ะ….
คนชานเมืองแทบทั้งนั้น ที่เข้ามาทำงานในตัวเมือง เดินทางแต่ละเที่ยว ใช้เป็นเวลาชั่วโมง++
เพื่อหนีเคอร์ฟิว…..

จากที่ทะยอยๆ กันกลับ ก็จะเร่งรีบแย่งกันไปยัดทะนานพร้อมๆ กัน ตามรถ-ตามเรือ ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า ใต้ดิน-บนดิน

ไม่ใช่วันเดียว
แต่จะยัดทะนาน “หนีเคอร์ฟิว” ในสภาพนี้ไป จนเดายากว่า ระหว่างโควิดกับคน ใครจะเสร็จใครก่อน?
ไม่ได้พูดเพื่อต่อต้านเคอร์ฟิว
แต่พูดเพื่อให้บริหารปัญหา ผมในฐานะคนโหนรถไฟฟ้า รถเมล์บางครั้ง เห็นอยู่ว่า ตามสถานี-ในโบกี้-ตอนออกสถานี ผึ้งรวมรังและแตกรัง ยังไง ก็ยังงั้น

รถเมล์ก็ไม่ต่างกัน แต่ในชั่วโมงเร่งด่วน ไม่ใช่ผึ้ง คนเป็นปลากระตักในอวนเลยทีเดียว

แล้วแบบนี้ เคอร์ฟิว ๔ ทุ่ม ถึงตี ๔ จะตอบโจทย์ “หยุดเชื้อ” ได้ขนาดไหน ก็ลองดูนะ?

และต้องคิดเผื่อ “ทางแยก-ทางร่วม” เศรษฐกิจ ชีวิตฐานรากด้วย
อย่าง “เดลิเวอรี่” บริการส่งอาหารถึงบ้าน ซึ่งกำลังเป็น อาชีพสร้าง “เศรษฐีหน้าใหม่” พรึ่บพรั่บเหมือนเพาะถั่วงอก

“คนส่ง” น่ะไม่เท่าไหร่หรอก
“คนขาย-คนกิน” นี่ซี วงจรชีวิตใหม่เหมือนสายสะดือขาด คงกระแแด่วให้รัฐบาลเห่กล่อมแน่

แต่อย่างว่า อะไรที่งามพร้อมไม่มี ก็ต้องได้อย่าง-เสียอย่าง ภาวะการณ์เช่นนี้ ผู้นำเอาไง ผู้ตามก็ต้องเอางั้น
ถ้า ๔ ทุ่ม-ตี ๔ ยังเอาไม่อยู่ รัฐบาลจะเอาไงต่อ?

เหลือทางเดียว
“เคอร์ฟิว” ๒๔ ชั่วโมง “คือซีลปากถุง” ปิดตาย “ทั้งประเทศ อย่างเร็วก็ ๓ เดือน ปานกลาง ๖ เดือน ปางตายก็ ๑ ปีขึ้น

แต่ไม่ถึงระดับนี้หรอก สวดมนต์ภาวนา สำนึกบุญ-สำนึกบาป ช่วงเคอร์ฟิว ถึงสงกรานต์ผ่านแล้ว
บุญพระรักษาเมือง รักษาชาวประชา….

โควิดจะค่อยๆ ซา ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ จนแพทย์-พยาบาลนั่งหาว มีแต่คนหาย คนป่วยไม่มีให้รักษา ฮิฮิ!

เห็นมีมาตรการ “ชะลอคนเทศ/คนไทย” ที่จะเดินทางเข้าประเทศด้วย ตั้งแต่ ๓-๑๕ เมษา.

“ชะลอ” ในที่นี้ หมายถึง “ปิดประเทศ” คนจากนอก “ห้ามเข้าใน”
คนไทยก็กลับเข้ามาไม่ได้หรือ?
“ได้” บ้าง ตามข้อยกเว้น กับเฉพาะคนที่ขออนุญาตมาก่อนหน้าวันที่ ๓ เมย.

และคนที่จำเป็นต้องกลับมา โดยให้ติดต่อสถานทูตของประเทศนั้นๆ และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของสถานทูตแต่ละแห่งอย่างเข้มข้นมากที่สุด

สรุป คือช่วง ๑๕ วัน “สู่นิราศโรค” นี้
ไม่ต้องการให้ “คนนอก” กลับเข้ามา เพราะจากสถิติ ในรอบ ๑ เดือน จาก ๑ มีค.-๑ เมย.
ตัวเลขผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาระบาดในประเทศสูงมาก

-คนไทยไปประชุมอิตาลี ๖ ติดเชื้อกลับมา ๔ ผู้ติดเชื้อสัมผัสเพิ่ม ๑ เป็นผลต้องกักตัวคนอื่นอีก ๕๐ คน

-ศาสนากิจที่มาเลย์ (๒๙ กพ.-๒ มีค.) ๑๓๒ คน ติดเชื้อ ๔๗ เสียชีวิต ๔ ต้องกักตัวคนอีกกว่า ๑,๐๐๐ คน

-ศาสนกิจที่อินโดฯ ๕๖ คน ติดเชื้อ ๓๒ (ล่าสุด ๒๗ คน ติดเชื้อ ๑๙ ต้องกักตัวคนอีกกว่า ๕๐๐ คน)

-ผู้เดินทางจากอังกฤษ ติดเชื้อ ๔ เสียชีวิต ๑ (นักธุรกิจ) ต้องกักตัวอีกกว่า ๒๐๐ (ผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อ ป่วยแต่ปกปิดอาการ)

-ผู้เดินทางจากกัมพูชา เชื่อมโยงด่านปอยเปต ติดเชื้อ ๑๙ ต้องกักตัวอีกกว่า ๓๐๐ คน

ไอ้ตัวแตกโรค จาก ๑ แล้วแพร่สู่ ๑๐๐+๑,๐๐๐ แล้ว +++++ ต่อไปเรื่อยๆนี่แหละ “สำคัญนัก”

ตีงู ต้องตีที่หัว ฉันใด ปราบโควิด ก็ต้องปิดตายที่ต้นทาง ฉันนั้น

มาดูสถิติรายวันบ้าง
๒ เมย.ป่วยเพิ่ม ๑๐๔ ราย เสียชีวิต ๓ รวมเสียชีวิต ๑๕ รักษาหายกลับบ้านได้ ๕๐๕ รวมติดเชื้อ ๑,๘๗๕ ราย
อืมมม…วันที่ ๑ ป่วย ๑๒๐ วันที่ ๒ ลดเหลือ ๑๐๔ จากตัวเลขรอบสัปดาห์ ป่วยลดลงเรื่อยๆ แต่ยังระดับร้อย
ถ้าคงมาตรการเดิมๆ วันละ ๑๐๐ สิ้นเมษา.ป่วยทับถม ๕,๐๐๐ คนแน่!
ถ้าถึง ๕,๐๐๐ ราย ที่ตายแน่ๆ มี ๒ ส่วน คือทั้งส่วนผู้รักษาและส่วนถูกรักษา

โรงพยาบาล, แพทย์-พยาบาล รับมือไม่ไหวแน่
และคนป่วยจะตายระดับ ๑,๐๐๐++
สถานที่ให้นอนรักษาน่ะมี แต่ “เครื่องช่วยหายใจ” เป็นพัน-เป็นหมื่นเครื่อง จะเอาจากที่ไหนล่ะ?

มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ ทั่วโลกแย่งกันถึงขั้นปล้น โจรกรรมกันแล้ว!
ก็จะเหมือนในยุโรป ที่หนักเกินหมอ ก็ต้องปล่อยให้ตายไป เอาเครื่องหายใจไปช่วยคนที่ยังมีโอกาสรอด

ดังนั้น สิ่งที่อยากบอกจริงๆ ๒ เรื่อง
เรื่องแรก อย่านึกว่าโควิดแค่ไวรัสเหมือนเชื้อหวัด เดี๋ยวก็หาย จึงไม่สนใจมาตรการ สำเริงสำราญ ลั้นลาไปเรื่อย

ตายจริงๆ นะ ไม่ได้ขู่ ป่วยกันมากๆ แพทย์-พยาบาลก็มนุษย์มีหัวใจ รับไม่ไหวจริงๆ
ฉะนั้น “อยู่บ้าน-หยุดเชื้อ-เพื่อชาติ” ตามอาจารย์ “ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา” แห่งศิริราชพร่ำเตือน ประเสริฐสุด

อีกเรื่อง เลวอะไรก็พอรับได้……..
แต่เลวด้วยการ “ปกปิดข้อมูล” ไม่ยอมบอกหมอตอนไปรักษา อย่างนั้้น รับไม่ได้

อย่างรายหนึ่ง ไปถอนฟัน ไม่ยอมบอกว่าไปสนามมวยเมื่อ ๖ มีนา.
ถอนเสร็จ หมอซักถึงยอมรับ แต่ก็สายไปแล้ว ทั้งหมอ ทั้งเจ้าหน้าที่อีกเป็นสิบ-เป็นร้อย ทั้งติดเชื้อ ทั้งถูกกักตัว!

หมอ ๑ คน บุคลากรทางการแพทย์อีกนับสิบคน กว่าจะผลิตออกมาได้ คุณค่าขนาดไหน

แต่ถูกคนเลว คนเห็นแก่ตัว ทำลายด้วย “ปกปิดความจริง” ในการรักษา มันน่าปล่อยให้เป็นคนอยู่มั้ย?

สรุปตัวเลขมวลรวมกันหน่อย ถึง ณ วันนี้ สัดส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ ตัวเลข “ศูนย์โควิด” เป็นว่า

-กทม.ปริมณฑล รวม ๑,๐๐๕ ราย
​-ภาคเหนือ ๗๕ ราย
-ภาคกลาง ๒๖๒ ราย
-ภาคอิสาน ๙๑ ราย
-ภาคใต้ ๒๔๘ ราย

คิดตามจำนวนประชากรแต่ละภาค ภาคใต้น่าจะป่วยมากที่สุด!

เอาน่า…..
“หลวงพ่อเคอร์ฟิว” เป่าพรวด ป่วยหาย ใหม่ไม่เพิ่ม
สาาาาธุ!

Written By
More from plew
ความพิเศษของ”บิ๊กแดง”
ทำได้ไม่เลว… ลีลา พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก บรรยายพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” คล้ายๆ ซีอีโอยุคใหม่ขึ้นเวทีบรรยายทิศทางบริษัท ชัดถ้อย ชัดคำ...
Read More
0 replies on “เคอร์ฟิว “เซฟก่อนตายจริงๆ””