ผักกาดหอม
ล้างตารอไว้นะครับ
นายกฯ แพทองธาร นัดไว้แล้ววันที่ ๑๒ ธันวาคม มีข่าวใหญ่
นางโพสต์ในสื่อโซเชียลไว้ดังนี้ครับ…
๒๕๖๘ โอกาสไทย ทำได้จริง
2025 Empowering Thais: A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ธันวาคมนี้ เวลา ๑๐.๐๐ น.
ถ่ายทอดสดที่ช่อง NBT2HD และ Facebook Live: Live NBT2HD
สืบสาวราวเรื่อง ได้ความว่า จะเป็นการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ ๓ เดือน
รวมทั้งมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้ชื่อ “๒๕๖๘ โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ
จะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ ๕๐๐ คน
ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ข้าราชการฝ่ายการเมือง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า ผู้ว่าฯ กทม. ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โฆษกกระทรวง หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์การมหาชน
เรียกได้ว่าบุคคลสำคัญของประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ขับเคลื่อนประเทศเกือบทั้งหมด ไปกองอยู่ที่เดียวกัน
ฉะนั้นการรักษาความปลอดภัยต้องชั้นเอกที่หนึ่งจริงๆ
ต้องไม่มีช่องว่างให้สำหรับคำว่า “ผิดพลาด”
ในการแถลงของนายกฯ แพทองธาร จะอยู่ในกรอบช่วง ๙๐ วัน ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ
รวมถึงกรอบการทำงานของรัฐบาลและโครงการที่เป็นเรือธงของรัฐบาลที่จะทำในปี ๖๘
อาทิ โครงการเงินดิจิทัลที่จะเดินหน้าต่อในอนาคต
กองทุนหมู่บ้าน
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการยกระดับเศรษฐกิจ
พร้อมพบปะมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินแก่ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการส่วนต่างๆ หลังมอบนโยบาย
คำถามคือ บริหารประเทศมา ๓ เดือน รัฐบาลมีผลงานพร้อมที่จะแถลงโชว์ประชาชนจริงหรือ?
ก่อนไปค้นหาคำตอบว่าจริงหรือไม่จริง ต้องกลับไปดู การแถลงนโยบายของรัฐบาลเมื่อวันที่ ๑๒-๑๓ กันยายนที่ผ่านมาเสียก่อนว่ารัฐบาลจะทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน ๑๐ นโยบาย
๑.ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ
๒.ส่งเสริม SME
๓.ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค
๔.สร้างรายได้ใหม่นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี
๕.กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
๖.ยกระดับการทำเกษตรเป็นเกษตรทันสมัย
๗.ส่งเสริมการท่องเที่ยว
๘.แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร
๙.เร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรม
๑๐.ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคม
ทั้ง ๑๐ นโยบายนี้ ระบุถึงเจตนารมณ์ยุทธศาสตร์ ในนโยบายของรัฐบาล มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของประเทศให้ก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชน
ในการแถลง นายกฯ แพทองธารบอกว่า “ทำทันที”
เมื่อนายกฯ แพทองธารจั่วหัวว่า “จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง” ก็ต้องนับผลงานที่ประชาชนร้อง “ว้าว” เท่านั้น
ประเภทที่ว่า “อ๋อเหรอ” จะเอามานับไม่ได้
๑๐ นโยบายเร่งด่วนที่เป็นรูปธรรมใน ๓ เดือน ก็มีอยู่เหมือนกันนะครับ แค่ไม่ตรงปกเท่านั้นเอง
เช่นแจกเงินหมื่น ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
แจกจริง แต่เป็นเงินสด!
แต่อย่าไปถามเรื่องวัตถุประสงค์นะครับ เพราะมันไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่มีพายุหมุน
แจกเพื่อรักษาคะแนนนิยมเท่านั้น
เป็นนโยบายประชานิยมสิ้นคิด
ที่จริงไม่ควรนับเป็นผลงานครับ เพราะเด็กชั้นอนุบาล ๑ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็สามารถทำนโยบายแบบนี้ได้
แค่ต้องหน้าด้าน ทนเสียงด่าให้ได้เท่านั้นเอง
ส่วนดิจิทัลวอลเล็ตพูดกันมาเกือบจะ ๒ ปีแล้ว ยังไม่เป็นวุ้นเลย
เป็นนโยบายเรือธงที่ไร้อนาคตอย่างสิ้นเชิง
ที่เหลือก็จะมีผลงานตีปี๊บยาเสพติด ที่พ่อนายกฯประกาศว่า พ่อค้ายาบ้าทั้งหลายรู้ไว้ “ทักษิณ” กลับมาแล้ว
แต่การแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมยังไม่มี
แก้ปัญหาอาชญากรรม รัฐบาลจะแถลงเรื่องการปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ แต่ขอให้รู้ไว้นะครับว่าปิดไปพันโผล่มาอีกหมื่น
พวกนี้กลัวเสียที่ไหน
ท่องเที่ยว รัฐบาลอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรมันก็ไปของมันได้อยู่แล้วครับ
ลดราคาพลังงาน ยังใช้วิธีเดิมควักกระเป๋าซ้ายไปจ่ายกระเป๋าขวา
ส่วนเรื่องอื่นๆ ยังไม่เห็นมีอะไรงอกเงย
ที่เร่งจริงๆ แต่ไม่อยู่ใน ๑๐ นโยบายคือ จะเจรจากับกัมพูชาแบ่งผลประโยชน์ในอ่าวไทย ทั้งที่เป็นพื้นที่ไม่ควรจะแบ่ง
สรุปแล้วผลงานที่เชิดหน้าชูตารัฐบาลอุ๊งอิ๊ง คือแจกเงินหมื่นครับ
กู้จริงแจกจริง
แล้วมีอะไรครับที่ ไปสู่อนาคตที่ทำได้จริง
เท่าที่เห็นอยู่ ณ ขณะนี้คือ ปีหน้ารัฐบาลต้องทำงบประมาณประจำปี ๒๕๖๙ มีแนวโน้มสูงว่าต้องกู้มาโปะตามเคย
แต่เพราะกู้จนเกือบจะสุดซอยแล้ว ถึงต้องหันมาเล่นเรื่องภาษี
อย่างที่เขียนไปวันก่อน เก็บแวต ๑๕ % รัฐบาลได้เงิน ๒ ล้านๆ เห็นๆ
นี่คงเป็นอนาคตที่ทำได้จริง!
แล้วเป็นโอกาสของใคร
ที่แน่ๆ ไม่ใช่โอกาสของประชาชนคนไทย
ข้อมูลจาก องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ประเทศได้รับความเสียหายจากการคอร์รัปชันในภาครัฐราว ๕ แสนล้านบาทต่อปี
เกิดจากกลโกง ๓ ประเภท “โกงหลวง ฉ้อราษฎร์ และกัดกินกันเอง”
เงินทอนหรือเงินใต้โต๊ะในอัตราเฉลี่ย ๒๐%-๓๐% ของงบลงทุน
ความเสียหายนี้ยังไม่รวมความเดือดร้อนและผลกระทบต่อประเทศชาติ ประชาชน คนทำมาค้าขายที่ตามมาอีกมากมาย
นี่แหละครับ “อนาคต”
