นายกฯ มอบบัตรประชาชนให้กับบุคคลที่ได้รับอนุมัติสัญชาติไทย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ย้ำขอให้เป็นกลไกสำคัญในการช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า

1 ธันวาคม 2567 เวลา 13.30 น. ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และมอบบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรับชมการแสดงชุดนารีศรีชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นการแสดงที่แสดงถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จากนักเรียนในสังกัดเทศบาล จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบบัตรประจำตัวประชาชนไทยให้แก่บุคคลที่ได้รับอนุมัติสัญชาติไทย ตามกฎหมายในพื้นที่จังหวัดเชียงรายพร้อมกล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มอบสัญชาติให้กับพี่น้องประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รอกันมานาน และก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับพี่น้องชาวชาติพันธุ์เข้าใจถึงปัญหา ทุกคนอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน แต่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย จนทำให้รู้สึกว่าเป็นคนไทย เพียงแค่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน และยังไม่ได้รับสวัสดิการต่าง ๆ จากรัฐ โดยต่อไปนี้ผู้ที่ได้รับบัตรประจำตัวประชาชนจะสามารถเข้าถึง ระบบสวัสดิการต่างๆของรัฐได้ในฐานะรัฐบาลรู้สึกภูมิใจที่จะได้มีโอกาสดูแลพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึง

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลตระหนักดีว่าการได้รับสัญชาติเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะทุกท่านที่รอคอยมาอย่างยาวนาน ที่ผ่านมาได้มีการสำรวจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 มีการขึ้นทะเบียนตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งในการขึ้นทะเบียนต่าง ๆ ต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านและมีเลข 13 หลัก ต้องอยู่ในประเทศไทยมาไม่น้อยกว่า 15 ปี ได้รับการตรวจสอบประวัติจากหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วยงาน มีความประพฤติที่ดีไม่เคยต้องโทษจำคุกเกิน 5 ปี ทั้งนี้ ถ้าเคยต้องโทษก็ต้องพ้นโทษมาแล้วเกิน 5 ปี และในวันนี้มีผู้ได้รับบัตรประจำตัวประชาชนชุดแรกถึง 72 คน ขอแสดงความยินดี และยังมีพี่น้องชาติพันธุ์รอสัญชาติอีกกว่า 500,000 คน ขณะที่การดำเนินงานที่ผ่านมา ใช้หลักเกณฑ์ ใช้เวลานาน รัฐบาลได้ลดขั้นตอนลงเพื่อให้การรอคอยไม่ยาวนาน บางคนรู้สึกว่า คงไม่มีโอกาสได้รับบัตรประชาชน แต่รัฐบาลสามารถผลักดันลดหลักเกณฑ์เหล่านั้นให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในร่างหลักเกณฑ์ใหม่ที่จะช่วยลดระยะเวลาจากที่เคยใช้เวลาถึง 270 วัน ให้เหลือเพียง 5 วัน และการขอสัญชาติของผู้ที่เกิดในประเทศไทย แต่ไร้สัญชาติ จาก 180 วัน จะเหลือเพียง 5 วัน เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้พี่น้องชาติพันธุ์ มีความหวังที่ได้รับสัญชาติไทยอย่างทั่วถึง โดยหลักเกณฑ์ใหม่นั้นจะเพิ่มกลไกการตรวจสอบ เพราะฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยก็จะทั่วถึงมากยิ่งขึ้นและหลักเกณฑ์ก็จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนเรื่องนี้และต้องขอบคุณองค์การระหว่างประเทศที่ให้ความร่วมมือกับประเทศไทยมาโดยตลอด ซึ่งในวันนี้ผู้แทนจาก UNRC UNHCR UNICEF และ IOM ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

ขณะที่ผู้ที่ได้รับสัญชาติไทย กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ได้เดินทางมามอบบัตรประจำตัวประชาชน รู้สึกดีใจมากเพราะทุกคนเป็นลูกหลานชาวเขาและชนกลุ่มน้อยที่เกิดและเติบโตในประเทศไทย มานาน มีความภูมิใจ ตื้นตันใจ เป็นอย่างมาก ที่วันนี้ได้รับสัญชาติไทย พร้อมกับขอบคุณรัฐบาล และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องที่ให้โอกาสและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการให้สัญชาติไทย ขอสัญญาว่าจะเป็นพลเมืองไทยที่ดีและให้ความร่วมมือกับทางราชการเพื่อพัฒนาหมู่บ้านชุมชน ตลอดจนร่วมกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะพี่น้องชาติพันธุ์ พร้อมกับร่วมถ่ายภาพอย่างเป็นกันเอง ซึ่งบรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขของพี่น้องชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทยในวันนี้

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
GULF ได้รับการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA พร้อมคว้าคะแนน Corporate Governance ระดับดีเลิศ
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้รับการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings...
Read More
0 replies on “นายกฯ มอบบัตรประชาชนให้กับบุคคลที่ได้รับอนุมัติสัญชาติไทย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ย้ำขอให้เป็นกลไกสำคัญในการช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า”