“กินแบ่ง” ได้ก็ “รีบกิน” ซะ! #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

Kamontip Kpr
นาฬิกาตายแล้วค่ะลุง
#ปิดสวิทช์ทีวี
#ปิดสวิทช์ตัวเอง😢😢😢

ขำคักๆ กับคอมเมนท์ท้ายคอลัมน์ “คนปลายซอย” ที่เมื่อวาน ผมตั้งหัวข้อเรื่องว่า วัน “นาฬิกากรรม”!

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญประชุมพิจารณาคำร้องทั้ง ๖ ประเด็นของ “นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร” แล้ว เช้าวาน

ศาลมีมติแยกเป็น ๒ ส่วน

คือ ประเด็นที่ ๑ และประเด็นที่ ๓-๖ รวม ๕ ประเด็น

มีมติเอกฉันท์ “ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย”

ส่วนอีกประเด็น คือ “ประเด็นที่ ๒” ศาลฯ มีมติโดยเสียงข้างมาก (๗:๒) “ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย”

“ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย” กับ “ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย” ฟังเผินๆ เหมือนกัน
แต่ “ต่างกัน” ครับ!

ภาษากฎหมาย ฟังง่ายแต่เข้าใจยากหน่อย ผมไม่เคยเรียนกฎหมาย ก็ต้องค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ จับประเด็น แล้ว “ปะติด-ปะต่อ” เตาะแตะเป็นความเข้าใจ

ดังนั้น เมื่อวาน เป็นธรรมดา ที่จะมีคน “ผิดหวัง” บ้าง

ยิ่งเห็นผมตั้งหัวเรื่อง วัน “นาฬิกากรรม” ก็มั่นใจ “คงมีซักประเด็น” ที่ศาลฯ จะ “รับไว้พิจารณา”

แต่ปรากฎว่า ๕ ประเด็น ศาลฯ “ไม่รับไว้พิจารณา”

มีประเด็นที่ ๒ “ประเด็นเดียว” เท่านั้น…

๗ เสียง “ส่วนใหญ่” ลงมติ “ไม่รับคำร้อง”

๒ เสียง “ส่วนน้อย” ลงมติ” รับคำร้องไว้พิจารณา”

สรุป ทั้งหมดที่นายธีรยุทธร้อง ก็ The endgame

“คุณ Kamontip Kpr” จึงคอมเมนท์ว่า “นาฬิกาตายแล้วค่ะลุง”

ฮ่ะๆๆๆๆ เอ็นดูนะเนี่ย

เปลว สีเงิน “ก็มนุษย์ตีนแดง-ตะแคงตีนเดินเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้เป็น “เทวดานิ้วเพชร” ที่ชี้คน-เป็นหมา, ชี้หมา-เป็นคนได้!

ฉะนั้น อย่าเชื่อที่ผมให้มากนัก คิดซะว่าคุยกันตามประสาไปวันๆ ก็พอ

“นาฬิกากรรม” น่ะ ไม่ตายหรอก
เพียงแต่ ลุงตั้งนาฬิกา “ไม่ตรง” เอง!

มติศาลฯ เมื่อวาน ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยเหตุและผลแล้ว

ที่ผิดหวัง เพราะใช้อารมณ์ คือ “ความรู้สึก” รับรู้ ไม่ได้ใช้หลักกฎหมาย หลักเหตุและผล ในการรับรู้-รับฟัง

คือ “คิดเอา-นึกเอา” ตามรัก-ตามชังตัวเอง เมื่อมติศาลฯ ออกมา ที่ตรงใจตัว ก็บอก “สมหวัง” ถ้า “ไม่ตรงใจ” ก็บอก “ผิดหวัง”!

ใน “ด้านอารมณ์” ผมก็แบบเดียวกับคุณ “Kamontip Kpr” นั่นแหละ

เพียงแต่ผมอ่านเอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ส่วน “คุณKamontip Kpr” คงฟังแต่ข่าว ไม่ได้อ่านเอกสารข่าวเหมือนผม เลยไม่มีโอกาสได้พินิจ-พิเคราะห์

เอาหละ มาลงตะไบกันซักนิด ก่อนสรุปเป็นความเห็น-ความเข้าใจ เราก็มาศึกษา “โจทก์” ที่เป็นหัวใจของเรื่องก่อน

“นายธีรยุทธ” ยื่นคำร้องขอให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ กล่าวอ้างว่า

ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ ๑ พรรคเพื่อไทย ที่ ๒

“ร่วมกันกระทำเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” รวม ๖ ประเด็น

รัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ คือธง ที่ศาลฯ ต้องตั้งเป็นแนวยึดในการลงมติ

การประชุมอภิปรายเมื่อวาน (๒๒ พ.ย.๖๗) …..

“ศาลฯ พิจารณาโดยการอภิปรายแล้ว เห็นว่า คดีนี้แม้นายธีรยุทธ “ผู้ร้อง” จะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้ว

และอัยการสูงสุด “ไม่ดำเนินการ” ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม

แต่การพิจารณาว่า “บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง

จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายและความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่า
น่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

โดยการกระทำนั้น จะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ”

แต่ทีนี้ ศาลฯ ท่านมองว่า… “มันยังห่างไกลเกินกว่าเหตุ”!

ห่างไกลยังไง?
ก็มาดูรายละเอียดรายประเด็นทั้ง ๖ กันเลย ว่าแต่ละตุลาการ ท่านลงความเห็นอย่างไรกันบ้าง

-ประเด็นที่ ๑ ทักษิณสั่งรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ

ให้เอื้อประโยชน์แก่ตัวเอง ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต

-ประเด็นที่ ๓ ทักษิณสั่งให้พรรคเพื่อไทย ร่วมมือแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม
ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

-ประเด็นที่ ๔ ทักษิณสั่งแทนพรรคเพื่อไทย เจรจากับแกนนำพรรคการเมืองอื่น ที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่บ้านพักส่วนตัวของทักษิณ

-ประเด็นที่ ๕ ทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล

-ประเด็นที่ ๖ ทักษิณสั่งให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของตนเองที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา

ทั้ง ๕ ประเด็นนี้ ศาลฯ อภิปรายแล้ว ลงความเห็น …

“ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่า การกระทำของทักษิณและพรรคเพื่อไทย น่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตร ๔๙ วรรคหนึ่ง”

ดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง

มีมติเอกฉันท์ “ไม่รับทั้ง ๕ ประเด็นนั้นไว้พิจารณาวินิจฉัย”

สำหรับประเด็นที่ ๒….
ทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่ “สมเด็จฮุนเซน” ให้เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา นั้น
มติเสียงข้างมาก ๗:๒ “ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย”

๗ ท่าน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์,นายปัญญา อุดชาชน,นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม,นายวิรุฬห์ แสงเทียน, นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์,นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ

โดยเห็นว่า….
“ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง”

๒ เสียง “ข้างน้อย” นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์

เห็นว่า…..
“มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของทักษิณและพรรคเพื่อไทยน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้”

เป็นอันว่า …….
หนังเรื่อง “การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตร ๔๙ วรรคหนึ่ง” ทักษิณและพรรคเพื่อไทย แสดงนำ
ดูเหมือน “จบ”

แต่ถ้าดูการพิจารณาโดยการอภิปรายของ ๙ ตุลาการศาลฯเมื่อวาน มี ๒ คีย์เวิร์ด น่าคิด

“คีย์เวิร์ด” แรก…..
“การกระทำนั้น จะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ”

“คีย์เวิร์ด” ที่ ๒….
๕ ประเด็น คือ ประเด็นทักษิณสั่งรัฐบาลอำนวยความสดวกให้ตัวเองป่วยทิพย์
ประเด็น ทักษิณสั่งพรรคเพื่อไทยร่วมพรรคประชาชนแก้รัฐธรรมนูญ

ประเด็น ทักษิณเรียก ๕ พรรคไปกินมาม่าในจันทร์ส่องหล้า เพื่อเสนอชื่อนายกฯแทนเศรษฐา

ประเด็น ทักษิณสั่งพรรคเพื่อไทยขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และ

ประเด็น ทักษิณสั่งพรรคเพื่อไทยนำเรื่องที่ตัวเองแสดงวิสัยทัศน์ไปเขียนเป็นนโยบายรัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา

ทั้ง ๕ นี้ ศาลฯ บอกว่า….
“กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง

นั่นแสดงว่า ประเด็นทั้ง ๕ ไม่ใช่ไม่เป็นประเด็น ไม่มีมูล ไม่มีเหตุ

หากแต่เป็นประเด็น มีเหตุ มีมูล ในฐานอื่น
แต่ในฐาน “ล้มล้าง” ขณะนี้ การกระทำนั้น “มันยังห่างไกลเกินกว่าเหตุ” เท่านั้น

แต่ “ไม่ห่างไกล” ที่จะนำเป็นเรื่องไปร้องตามช่องทางเดินของเรื่องตามฐานความผิดนั้นๆ

อย่างประเด็นที่ ๒ เรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในอ่าวไทยบริเวณเกาะกูด ยังเสียงแตก เป็น ๒ ฝ่ายด้วยซ้ำ

ถ้านายธีรยุทธแยกและหยิบเฉพาะแต่ละประเด็นไปหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมและไปยื่นเรื่องตามช่องทางตามเหตุความผิดนั้นๆ

โอกาสที่คำร้อง “ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ” มีสูงมาก

วันนี้ “แฮปปี้ เดย์” ของทักษิณ กินแบ่งได้ ก็รีบกินซะ

ก่อนที่ “ทั้งตัว-ทั้งพรรค” จะถูก “กินรวบ”!

เปลว สีเงิน
๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

 

Written By
More from plew
มหาวิทยาลัยมหิดล – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน วันนี้ ต้องบอกว่า…. ชื่นใจแทน “มหาวิทยาลัยมหิดล” สุดบรรยาย จากพิธีนักศึกษาเข้ารับปริญญาบัตรจาก “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี...
Read More
0 replies on ““กินแบ่ง” ได้ก็ “รีบกิน” ซะ! #เปลวสีเงิน”