สันต์ สะตอแมน
สะใจกันแล้ว..
จากนี้ก็คอยเป็นกำลังใจให้กับ “มือตบ” ด้วยล่ะ อย่าปล่อยให้ต้องต่อสู้กับคดีทั้งอาญาทั้งแพ่งแบบโดดเดี่ยวเดียวดายเชียวนะ!
นี่ ผมหมายถึงนายจารุเวศ ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายธรรมราช สาระปัญญา หรือ “ทนายธรรมราช” ขณะแถลงข่าวแจ้งความเอาผิดอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม น่ะ
ตอนแรกก็นึกว่าโมโหแทนอาจารย์เบียร์ แต่กลายเป็น (อ้าง) ว่า บันดาลโทสะที่ทนายธรรมราชดูหมิ่นศาสนาอิสลาม พร้อมยืนยันเป็นคนทำร้ายร่างกายเพียงคนเดียว
ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ไม่เกี่ยวข้อง เพียงแค่มาเป็นเพื่อน และไม่มีใครว่าจ้างให้มาก่อเหตุ”
ทั้งพฤติกรรม-คำพูด คงจะเป็นพระเอกในดวงใจของหลายๆ คน รวมถึงคนในแวดวงบันเทิงบางคน ที่ได้โพสต์ภาพทนายธรรมราชโดนตบหน้า พร้อมใส่อิโมจิยิ้มปากฉีก!
ซึ่งผมเห็นจะขอเว้น เพราะเบื่อที่จะวิจารณ์ทั้งพฤติกรรมของคนในวงการบันเทิงที่ปัจจุบันทำตัวเป็นนักเลง ใหญ่โต หยาบคาย กร้าวร้าว ทั้งเรื่องของการใช้ความรุนแรง
ด้วยพูด-วิจารณ์ไปก็เท่านั้น เพราะเห็นอยู่ว่าสังคมทุกวันนี้คนหยาบคาย คนกร้าวร้าว คนบ้าๆบอๆ ตัวตึงมักจะได้รับความนิยมชมชอบ!
เอาเป็นว่า อ่านหนังสือแถลงการณ์ของ “สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์” ไปด้วยกันจะดีกว่า..
“มีความเสียใจอย่างยิ่งจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2567 ที่มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นต่อทนายความท่านหนึ่ง ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายขณะกำลังแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่สำนักสอบสวนกลาง
ซึ่งไม่สมควรเกิดขึ้นกับบุคคลใด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวิชาชีพทนายความ ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพและความยุติธรรมในสังคม
สภาทนายความฯ ขอประณามการกระทำดังกล่าวและขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสอบสวนและจัดการกับผู้ก่อเหตุอย่างเคร่งครัด ตามกระบวนการทางกฎหมาย
แม้ในกรณีที่ทนายความแม้ความคิดเห็นแตกต่างกันก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะกระทำความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นทำร้ายร่างกาย หรือการใช้วาจาที่หยาบคาย
ทนายความทุกคนมีสิทธิตามกฎหมายในการทำหน้าที่ของตนอย่างปลอดภัย และเป็นหน้าที่ของสภาทนายความ ที่จะยืนหยัดปกป้องสิทธิของทนายความในการทำหน้าที่เพื่อความยุติธรรม”
ครับ..ผมเห็นด้วยทุกประการ คนไม่ได้รู้จักกัน ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางต่อกัน แค่คำพูด-พฤติกรรมไม่ถูกใจ-ไม่ถูกอารมณ์..
ไม่เห็นจะต้องถึงกับลงไม้-ลงมือ ยิ่งหากเกี่ยวกับเรื่องศาสนา(ตามที่อ้างจริง)ด้วยแล้ว การใช้ความรุนแรงคงไม่เป็นที่ยอมรับ-ชื่นชมไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด!
อ้อ..และที่คุณหนุ่ม-กรรชัย พูดในรายการโหนกระแส.. “.. ตนไม่รู้หรอกว่าเรื่องราวบาดหมางที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งอาจารย์เบียร์ ที่มาออกรายการโหนกระแส อาจารย์จตุรงค์ ที่มาออกโหนกระแส หรือแพร์รี่ที่มาออกโหนกระแส
หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่มันมีประเด็นที่มาเกี่ยวข้องกับตัวของตน ตนก็มักจะเห็นที่ทนายธรรมราช เหมือนกับว่าไปมีปัญหากับคนรอบๆข้างที่มาออกรายการหมดเลย ตนก็แปลกใจ
ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้งี้มั้ยทนายธรรมราชไม่ต้องไปยุ่งกับคนอื่นหรอก ถ้าไม่สบายใจหรือไม่ชอบตน เรามาเดี่ยวเดี่ยวกันดีกว่า แบบลูกผู้ชาย ได้ทุกรูปแบบ ไม่ต้องไปฟ้องคนอื่น
ถ้าจะฟ้องมาฟ้องตนเลย ตนก็พร้อมจะสู้ตลอดเวลา ทุกเมื่อ ทุกวินาที ทุกลมหายใจ
ตนบอกแล้วตนไม่เคยกลัวอะไรเลย และข้อกฎหมายตนเชื่อว่าตนยืนในมุมของความบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าทนายธรรมราชต้องการจะมีปัญหากับตน อย่าไปทำคนอื่น
อย่างอาจารย์เบียร์ เขาก็ไม่ได้เกี่ยว ที่เขามาออกรายการ ตนก็เชิญเข้ามาในฐานะที่เขาเป็นแขกรับเชิญ ถ้าทนายธรรมราชรู้สึกว่าไม่พอใจตน ไม่พอใจรายการ
อย่าไปแจ้งความอะไรเขา ให้แจ้งความตนเลย จะหาว่าตนนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆนา ตนยินดีเข้าสู่กระบวนการและไปต่อสู้กัน
อย่าไปเล่นคนรอบข้างที่ผมเชิญเขามา ผมว่ามันไม่สง่างาม อันนี้ผมพูดจากใจจริงๆ เลย ทุกรูปแบบเอาเดี่ยวเดี่ยวกับผม จะเอาแบบกฎหมาย ไม่ใช้กฎหมาย จะยังไงก็ได้..” นั้น
ก็..ต้องบอกว่า ไม่กล้าที่จะวิจงวิจารณ์ ประเดี๋ยวไม่ถูกอารมณ์พิธีกรคนดัง-คนใหญ่ขึ้นมา ถูกท้าเดี่ยวเดี่ยวตัวต่อตัว..
ผม (ก็ไม่มี) แรงก็ไม่มี..จะเอาอะไรสู้!?