เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา รับทราบรายงานประจำปี 2566 ของ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ชี้แจงสรุปรายงานประจำปี 2566 โดย ระบุว่ากองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ดำเนินการ ตั้งแต่ปี 2558 มี วัตถุประสงค์และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การสร้างสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ วันนี้กองทุนฯ เน้นย้ำนโยบาย สร้างสื่อ ให้เป็นสื่อน้ำดี เป็นสื่อทางเลือกในการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชนและเยาวชน สร้างบุคลากรในการผลิตสื่อ สร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนประชาชนมีทักษะในการรู้เท่าทัน สร้างความรู้ในการสนับสนุนส่งเสริม การพัฒนานวัตกรรมและการวิจัยรวมถึงการศึกษา และสุดท้ายคือการสร้างการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน
สำหรับการดำเนินงานในปี 2566 มีงบประมาณกว่า 500 ล้านบาทเศษโดยได้รับการจัดสรรงบประมาณจากทาง กสทช. ซึ่งการดำเนินการก็มีการประเมินผลการทำงาน ประสิทธิภาพการทำงานซึ่งในปี 2566 ได้คะแนน 4.898 ซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นตามลำดับ
“วันนี้โลกเปลี่ยนเร็วการปรับเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติ วิธีคิด ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาทางความคิดการทำงานของกองทุนฯ ผมยืนยันว่าพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอแนะของสมาชิกเพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินการ” นายธนกร กล่าว
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้ลุกขึ้นอภิปรายสอบถามโดยฝากไปยังกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีสมาชิกได้อภิปรายให้ข้อเสนอแนะ และกำลังใจมายังกองทุนฯ
ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า ต้องยอมรับว่ากองทุนพัฒนาสื่อฯ เป็นกองทุนที่ประชาชนให้ความสนใจและคาดหวังให้มีบทบาทเพื่อผลิตสื่อที่มีคุณภาพ ส่งเสริมให้ผู้ผลิตสื่อรายย่อยสามารถเติบโตได้ กลไกสำคัญของกองทุนคือการ อุดหนุนงบประมาณในการผลิตสื่อให้กับหน่วยงานต่างๆ แต่ที่ผ่านมาตนได้รับเรื่องร้องเรียนหลังพบข้อมูลว่ามีการเรียกรับเงินทอน 30% ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่กองทุนฯจะต้องชี้แจงเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความโปร่งใส พร้อมย้ำว่าการใช้งบประมาณของกองทุนฯ จะต้องดำเนินการให้มีความคุ้มค่า โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
ด้านผู้จัดการกองทุนสื่อ ยืนยันว่าบุคลากรในกองทุนฯ ไม่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องในการเรียกรับผลประโยชน์หรือเงินในทุกกรณี ซึ่งกองทุนได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.) โดยสำนักงานฯ จะดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจังและไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวโดยทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย