สันต์ สะตอแมน
สูญเงินหลวง เสียเวลาประชาราษฎร์..
ก็..กรณีของคุณชาญ พวงเพ็ชร์ ที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีนั่นไงล่ะ?
ต่อให้เป็น “ผู้ชนะ” ล้ม “บิ๊กแจ๊ส” เจ้าของคำคม “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ก็จริง แต่ดูท่าจะไม่ได้เข้าไปนั่งปฏิบัติหน้าที่เสียแล้ว
เมื่อคุณปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ออกมาเผย.. “นายชาญมีคดีติดค้างที่ศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติมิชอบ
ประทับรับฟ้องคดีการทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพช่วยน้ำท่วม เมื่อปี 2554 และมีคำสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่แล้ว หากนายชาญเข้าปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.เมื่อใด ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่เมื่อนั้น”
อย่างนี้ก็.. “ยุ่งตายห่า” อีกแล้วครับทั่น ยุ่งทั้งกับการใช้เงินจัดการเลือกตั้งใหม่ ยุ่งทั้งกับชาวปทุมธานีที่ต้องเสียเวลาไปใช้สิทธิ ยุ่งทั้งกับหน่วยงาน-เจ้าหน้าที่ดูแลจัดการเลือกตั้ง
นี่..ถามจริง มันไม่เป็นความบกพร่อง-ความผิดของใคร-หน่วยงานไหนเลยใช่ไหม?
คุณชาญไม่ได้รู้เลยรึว่าตัวเองมีคดีติดค้างคาศาลอยู่ หรือว่าอ่านกฎหมายไม่รู้ ดูกฎหมายไม่เป็น..ก็แค่ความสงสัยของสังคมน่ะ!
อ้อ..แต่กรณีนี้ไม่มีใครสงสัย เพราะเข้าใจว่าต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลตัวเอง ผู้ประกอบการก็มีเหตุอ้าง “ราคาแพงไป” ด้านนักแต่ง-ศิลปินก็บอก “ไม่แพง..แค่หลักพันหลักหมื่น” เท่านั้นเอง!
แต่ที่เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งโอดครวญหลังถูกฟ้องลิขสิทธิ์เพลง และต่อมาคุณฉัตรชัย ดุริยประณีต หรือ “นก วงเฉลียง” เจ้าของสิทธิ์ได้โพสต์อธิบายความในใจ..
“ทำไมเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาถึงต้องฟ้องร้องเมื่อมีการละเมิดลิขสิทธิ์ มันก็เหมือนโดนขโมยขึ้นบ้าน ถ้ารู้ตัวขโมย ก็ต้องแจ้งความให้ตํารวจไปจับ
เรื่องลิขสิทธิ์เพลง มีคนเข้าตามตรอก ออกตามประตู ขออนุญาตใช้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ตลอดเวลา ถ้าปล่อยให้โจร ขโมย ใช้ฟรีๆ ก็คือไม่ยุติธรรมกับคนที่เคารพกติกาด้วย
บางคนละเมิดลิขสิทธิ์เตลิดเปิดเปิง เกินกว่าคําว่าร้องเล่นในร้านอาหารไปไกลโข คนทําผิดสมัยนี้เขาต่อสู้ดิ้นรน ไม่ยอมรับความผิดกันง่ายๆ มีให้เห็นทุกวงการในสังคมไทย
ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง ถ้ามีใครเออออห่อหมกกับอีกฝ่าย ถึงขั้นมาด่าผม ถ้าเข้าข่ายหมิ่นประมาท ผมจะฟ้องร้องทันที ไม่รับกระเช้า
แล้วก็ไม่ต้องแชร์อะไรมาให้ผมดู ผมขี้เกียจอารมณ์เสีย … ตามนั้น”
พูดตามตรง ไม่ได้จะเชียร์หรือยุให้เจ้าของสิทธิ์ฟ้อง แต่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง”
คือ..หากทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย รู้สิทธิตัวเอง-สิทธิผู้อื่น เรื่องขี้หมูรา-ขี้หมาแห้ง อย่างปัญหาเรื่อง “ทรัพย์สินทางปัญญา” ก็จะไม่เกิด!
อยากได้เพลง-ลิขสิทธิ์เขาไปใช้เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจตัวเอง ก็ไปคุย-ไปตกลงซื้อ-ขายกันให้ถูกต้องในราคาที่พอใจ ก็เท่านั้น!
นักแต่ง-ศิลปินท่านไหนงี่เง่า หมายถึงเรียกร้องค่าสิทธิ์แพงเกินเหตุไป ก็อย่าไปซื้อซะ..สิ้นเรื่อง..
ไม่ได้ร้องเพลง-เล่นเพลงของนักแต่งท่านนั้น ร้านก็ไม่น่าถึงกับเจ๊ง ลูกค้าไม่เข้าไปดื่ม-ไปกินหรอก!
แต่ถ้าอยากได้ ไม่ร้อง-ไม่เล่นไม่ได้ร้านเจ๊งแน่ ก็ต้องยอมจ่ายไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ตาม ไม่ใช่แอบเอาลิขสิทธิ์เขามาใช้แล้วอ้างโน่นอ้างนี่..
อย่างนั้นก็ดูจะไม่งาม มันไม่ยุติธรรมกับเจ้าของสิทธิ์ ซึ่งเขาก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องต่อการละเมิด (แพง-ถูกบ่นไม่ได้) อย่างที่คุณฉัตรชัยเปรียบเปรย..
“มันก็เหมือนโดนขโมยขึ้นบ้าน ถ้ารู้ตัวขโมย ก็ต้องแจ้งความให้ตํารวจไปจับ”!
ไม่อยากได้ชื่อเป็นหัวขโมย ก็ต้องเข้าตามตรอก ออกตามประตูสิครับ..
จบ!.
ภาพจาก FB Chatchai Duriyapraneet