เปลว สีเงิน
เห็นตื่นวันที่ ๑๘ มิถุนา.กัน ก็อยากจะบอกว่า
ยังบ่มีหยังดอก
ทั้งคดียุบพรรค คดีจริยธรรมนายกฯ คดี มาตรา ๑๑๒ ทักษิณ
๑๘ มิถุนา.แค่วัน “ปฐมนิเทศ” เท่านั้น!
มีคดีเดียวที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดฟังคำพิจารณาวินิจฉัย คือ คดีที่ “ศาลปกครองกลาง” ส่งคำโต้แย้งผู้ฟ้องคดีรวม ๒ คำร้อง
ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๑๒ ว่า “พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๐ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๒ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๗ หรือไม่?”
นี้เท่านั้น ที่จะมีคำชี้ขาด ในวันที่ ๑๘ มิย.
คดีอื่นๆ ลุ้นไปก็ ท้องผูกเปล่าๆ!
คดียุบพรรค “พิธา-ก้าวไกล” วันที่ ๑๘ มิ.ย. กกต.เพียงไปยื่นบัญชีพยานบุคคลหรือเอกสารก็แล้วแต่ที่ศาลฯ แล้วก็รอฟังว่า ศาลฯ จะมีคำสั่งอย่างไรต่อไป
ส่วนคดีนายกฯ เศรษฐา กรณีตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี ผิดมาตรฐานจริยธรรม เห็นนายกฯ บอก ส่งทั้งพยานเอกสารและพยานบุคคลเพิ่ม
ทาง ๔๐ สว.ผู้ร้อง จะยื่นบัญชีพยานหลักฐานอะไรบ้าง ก็คงรู้วันนั้น ท่านเป็นวุฒิฯ จะทำอะไร ก็ทำอย่างคนมีวุฒิฯ คือไม่โฉ่งฉ่างกระถางแตก
ถ้าจะมี ก็พวกไม่มีราคา “คน-สองคน” พยายามสร้างข่าว “หาคอก” แต่สังคมบอก…ไอ้นี่ “นอกคอก” ไม่มีราคา!?
ทั้งหมด ขึ้นศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีโทษคุก
ทักษิณคนเดียว ขึ้นศาลอาญา มีโทษคุก
ที่โขมงโฉงเฉงกันหน้าจอ ว่าอาจไม่ได้ประกัน เพราะมีพฤติกรรม “หนีประกัน-หนีคุก” มาก่อน ทั้งยังเป็นนักโทษอยู่ระหว่างพักโทษ นั้น
ให้ประกัน อาจหนี ศาลอาจพิจารณา “ไม่อนุญาต” ให้มีประกันตัวในวันที่ ๑๘ ส่งกลับเข้าคุกระหว่างพิจารณาคดี ก็ทั้งเป็นได้-เป็นไม่ได้!
ในมุมมองผม เมื่อรู้ว่าอัยการจะส่งฟ้อง ๑๘ มิ.ย.ตามธรรมเนียมปฎิบัติ ทนายยื่นประกันล่วงหน้าไว้แล้ว
วันที่ ๑๘ อัยการเพียงยื่นฟ้องพร้อมส่งตัวจำเลยต่อศาล เท่านั้น และศาลก็จะนัดวันมาฟังการสั่งคดี
ว่าคดีมีมูลหรือไม่มี
ถ้ามี ศาลก็จะนัดวันเปิดคดี “นัดพร้อม” ให้โจทย์-จำเลยมาศาล
ถึงตอนนั้น อัยการ-โจทก์ และทนายจำเลย ก็จะส่งบัญชีพยาน ว่ามีฝ่ายละกี่ปาก พร้อมนัดวันสืบพยาน
ดูตามขั้นตอนแล้ว อย่างเร็ว “ปีหน้า” โน่นแหละ อาจจบในศาลชั้นต้น ต่อด้วยศาลอุทธรณ์และฎีกา จะจบปีไหนยังไม่รู้เลย
ฉะนั้น ถ้าพูดตามสายเลือด “กูจะไม่ยอมติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว” แล้ว
เรื่องหนี “ไม่ต้องรีบ”
อยู่เป็น “นายกฯ หลังม่าน” ป่วนบ้าน-ป่วนเมือง ไปได้อีกนาน เมืองไทยน่ะ มีเงิน ก็มีอำนาจ
เมื่อ “มีทั้งเงิน-มีทั้งอำนาจ” ประเทศ “คอร์รัปชันนิยม” จะต้องไปแคร์อะไร
คุกมีไว้ขังหมา เทวดาไม่เกี่ยว และกฎหมายมีไว้ใช้บังคับกับคนซื่อสัตย์
ขนาดเรือน้ำมันของกลาง ๓ ลำ มันยังเสกให้หายวับไปกับตาได้ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่า การค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ ถ้าไม่ใช่หมาต๋าคุม ก็นายใหญ่ของหมาต๋านั่นแหละคุม
มันเละเป็นโจ๊กมานานนับทศวรรษแล้ว เรื่องส่วย เรื่องบ่อน เรื่องค้าน้ำมันเถื่อน-ของเถื่อน ในภาคใต้ นั่นน่ะ
เขารู้กันหมดแหละ …….
มีที่ไม่รู้ ก็คือนายกฯ ผบ.ตร.และผู้บัญชาการภาคแต่ละยุคเท่านั้น!
คุยเรื่องนี้ดีกว่า คือผมจะถามท่านว่า……
“เพราะเหตุใด ทักษิณจึงเดินสายไปตามบ้านใหญ่แต่ละจังหวัด?”
คิดไปก่อนนะ ไม่ต้องรีบตอบ แต่ผมจะให้มุมมองว่า
ทักษิณเป็นพ่อ “หัวหน้าพรรค” เพื่อไทยก็จริง
แต่ในความเป็นจริง ทักษิณไม่ได้เป็น “สมาชิกพรรค” เพื่อไทยแต่อย่างใด
ทั้งเป็นไม่ได้……
เพราะทักษิณเคยต้องโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา จึงมี “ลักษณะต้องห้าม” เป็นสมาชิกพรรคการเมือง!
แต่นับแต่กลับเข้ามาเป็น “เทวดาเหนือคุก” บทบาททักษิณเป็นผู้มีอำนาจ “เหนือพรรค-เหนือรัฐบาล” ตลอด
โลกไม่ยอมรับ แต่โลกรู้
ทักษิณคือ “หัวหน้าพรรค-หัวหน้ารัฐบาลตัวจริง”
และเป็น “นายกฯ ตัวจริง” ส่วนเศรษฐา แค่ Puppet!
ทักษิณไม่ใช่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม กระทั่งฝ่ายประชาธิปไตยก็ไม่ใช่ ที่ตรงตัวคือ เป็นฝ่าย “คอร์รัปชันนิยม”
แม้อยู่ในสภาพ “นักโทษ” ระหว่าง “พักโทษ”
แต่ทักษิณหามีสำนึกในความผิดพลาดแต่หนหลังและเจียมตัว-เจียมตนไม่
กลับเห่อเหิม ทะเยอ-ทะยาน เชื่อตามหมอดูที่ว่า เป็นคนดวง “จันทร์ครุสุริยา” ใครฆ่าก็ไม่ตาย
คนดวงนี้ จะต้องได้ “เป็นใหญ่ในปฐพี” ชนิด “ฟ้าก็ห้ามบ่ได้”
เพราะ”จันทร์ครุสุริยา”
เป็นดวง “คนเหนือคน” เกิดมาวาสนาสูงล้ำเทียมฟ้า ทั้งยศ วาสนา บารมี ทรัพย์สมบัติเงินทอง
แต่ทักษิณกลับลืมไปว่า ดวงอยู่ในกระดาษ “ดี-ชั่ว” อยู่ที่ตัวกระทำ “กรรม” ตะหากที่ “เหนือดวง”
เงินทำให้ทักษิณ “เหนือคุก-เหนือตะราง” ได้
แต่เงินทำให้ “เหนือกรรม” ไม่ได้
วันนี้ กรรมดีในอดีต อาจยังมีผล ชั่วปัจจุบัน ที่สะสมท่วมท้นกรรมดีในอดีตวันไหน
ต่อให้ร้อยจันทร์-พันครุ-หมื่นสุริยา
วาสนาที่ว่าสูงล้ำ แค่ “คนเลี้ยงหมา” ในคุก ก็เลอเลิศแล้ว!
เอางี้ดีกว่า ทักษิณนุ่งกางเกงใน “เหนือสะดือ” ได้มั้ย?
ถ้าได้ ทักษิณก็ “เหนือดวง” ได้!
เห็นอย่างเดียวที่อยู่เหนือตลอดกาล คือ “ซาละเปา” ผมไม่เคยเห็นซาละเปาที่ไหนอยู่ใต้กระดาษซักที!?
เมื่อพฤษภา.ทักษิณไปก็ขึ้นเวที ปะเหลาะ-ประโลม นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล “บ้านใหญ่” โคราช
ทั้งชวนคุณสุวัจน์ ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ไปเข้าพรรคเพื่อไทย
ไปปทุมธานี ก็ไปปะเหลาะ “นายกฯ เบี้ยว” บ้านใหญ่ปทุมธานี ให้สัมภาษณ์ว่าตัวเขาถูกยัดข้อหา ทั้งปลุกระดมเสื้อแดงให้กลับมา
วานซืนไปงานวันเกิด “นายสมนึก ธนเดชากุล” บ้านใหญ่ นนทบุรี จับไมค์ประกาศ
“เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา มีคนกวาดที่นั่ง ส.ส.นนท์ไปหมดทั้งจังหวัด แต่เดี๋ยวเราจะกวาดเอาคืนกลับมาให้หมด หวังว่าพี่น้องอย่าเพิ่งเบื่อกัน เพราะเป็นภารกิจที่เราต้องทำเพื่อบ้านเมือง
เพราะตอนนี้ บ้านเมืองน่าห่วง ประชาชนลำบากมาก การปฎิวัติ ๒ ครั้ง รวมทั้งการบริหารงานที่ผิดพลาด รวมทั้งมีโรคโควิดเข้ามาอีก ทำให้ประเทศเราเสียโอกาสไปมาก
ซึ่งในตอนนี้ เราก็พยายามกันเต็มที่ เพื่อทำให้บ้านเมืองดี หวังว่ากองเชียร์ของนายกสมนึกจะอยู่กับพวกเรา อยู่สนับสนุนนายสมนึก ให้เป็นที่รักของพวกเราตลอดไป”
เนี่ย….
ดูพฤติกรรมทักษิณแต่ละแห่งที่ทักษิณไป จะเห็นว่า มุ่งเจาะ “บ้านใหญ่” ในตลาดเลือกตั้ง จังหวัดนั้นๆ
พูดชัดๆ ก็ไป “ตีเมืองขึ้น” ให้มาสยบพรรคเพื่อไทย พราะครั้งที่แล้ว จังหวัดนั้นๆ ถูกก้าวไกล พรรคของ “ลูกระเป๋งทักษิณ” เอง เหยียบหน้า “พรรคลูกพี่” กวาดสส.ไปเรียบ
ลำพังลูกสาว บารมีไม่ถึง ตัวพ่อต้องออกแสดงบทผู้มีบารมีเหนือพรรคเอง เดินสายไปตาม “บ้านใหญ่”
แล้วทีนี้ ไปดู “พรป.พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐” บ้าง
มาตรา ๒๘ บอกว่า….
ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
มาตรา ๒๙ บอกว่า….
ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
และมาตรา ๑๐๘ บอกว่า…..
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๙ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น
เอ้า…ทีนี้ ท่านตอบได้แล้ว ว่า…
ทำไมทักษิณจึงเดินสายไปตามบ้านใหญ่จังหวัดต่างๆ?
และพฤติกรรมทักษิณ เป็นการควบคุม ครอบงำ ชี้นำกิจกรรมพรรคเพื่อไทย ตามมาตรา ๒๙ มั้ย?
ท่านไม่ต้องดีกว่า ให้ “กกต.” เป็นคนตอบเอง เพราะเป็นหน้าที่เขาโดยตรง!
และทำไมทักษิณต้องกวาดต้อนบ้านใหญ่เข้าพรรคแต่ไก่โห่?
คำตอบคือเตรียมรับการ “ยุบพรรคก้าวไกล” ใกล้ยุบช่วงไหน
จะให้ Puppet “ยุบสภา” ช่วงนั้น
ก้าวไกล “พรรคแตก” ตั้งตัวไม่ทัน “เพื่อไทย” ทักษิณกวาดต้อนบ้านใหญ่จัดเป็น “ทัพหลวง” ไว้รอท่า เลือกตั้งก็…พรึ่บ
พรรคเดียว “ตั้งรัฐบาล” สบายๆ ระบอบ “คอร์รัปชันนิยม”!
เปลว สีเงิน
๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๗
