ครัวไทยโพสต์
สันติ อิ่มใจจิตต์
วันก่อนไปที่ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ท่าน้ำสี่พระยา เพื่อรอขึ้น Thai Bus Food Tour รถบัสปรับอากาศท่องเที่ยวพร้อมรับประทานอาหารไปด้วยคันแรกของประเทศไทย ระหว่างที่รอเวลาขึ้นรถก็เดินเที่ยวละแวกนั้น ได้พบร้านอาหารชื่อแปลกว่า เฟิงจู หมูเจริญ มีลูกค้ายืนรออาหารจากลุงป้าที่กำลังนั่งง่วนทำอาหารอยู่ด้านในกันแน่น
สอบถาม คุณจุไรรัตน์ พรหมพญากุล หรือคุณหมู สาวสวยสูงโปร่งบางขาว เจ้าของร้าน ก็ได้ความว่าเคยทำงานด้านการตลาดอยู่ที่โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน แห่งนี้ เดินผ่านตรงนี้ที่เคยเป็นที่รกร้างทุกวัน อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองตามประสาคนรุ่นใหม่ จึงคิดโปรเจ็กต์ไปขอเช่าจากเจ้าของโรงแรม ซึ่งก็ได้ให้ความกรุณาเช่าที่ดินได้ โดยแรกเริ่มจะทำร้านขายไอศกรีม แต่เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงตามที่ได้ร่ำเรียนมาจึงเปิดร้านขายอาหารอ้วยร้านหนึ่ง ขายของคาวร้านหนึ่ง ขายของหวานเย็น ตกแต่งร้านแบบง่ายๆ ใช้งบประมาณน้อยๆ โดยไปเหมากระเบื้องจากร้านกระเบื้องแถวๆ นี้ เป็นกระเบื้องค้างสต๊อกเอามาเรียงๆ เข้า ผนังของร้านก็ไม่อยากทาสีจึงเอาหนังสือพิมพ์เก่าๆ มาแปะไว้ กลายเป็นจุดเช็กอินที่ใครไปใครมาก็จะมาถ่ายรูปกันตรงนี้ เพราะร้านเหมือนฮ่องกง ส่วนพื้นที่ก็ไม่เสมอกันต้องใช้วิธีตัดขาเกาอี้ให้สั้นยาวตามพื้นที่ จึงทำให้ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ส่วนนั้นย้ายไปไหนมาไหนไม่ได้ 
ชื่อของร้านนั้นใครไม่รู้ก็จะนึกว่าอากง อาม่า มาเปิดร้านี่นี่ เพราะชื่อออกจีนมากๆ แต่ที่จริงแล้ว คำว่า เฟิง ในภาษาจีน แปลว่าดีงาม ส่วน จู แปลว่า หมู ซึ่งก็ตรงกับชื่อเล่นๆ ของตัวเอง จึงต่อสร้อยไปอีกว่า หมูเจริญ
สำหรับอาหารนั้นมีหุ้นส่วนคู่คิดที่มีฝีไม้ลายมือระดับเชฟใหญ่ของโรงแรมห้าดาว เป็นคนคิดสูตรอาหารขึ้นมา ซึ่งแปลกและผมคิดว่าไม่มีที่ไหนๆ ทำมาก่อน คือ เกี๊ยวซ่าเหน้าเปิด โดยมีความคิดว่าจะยกระดับอาหารสตรีทฟู้ดที่มีแต่ของปิ้งย่าง ทอด ที่มีส่วนมากจะเลอะเทอะล้างยาก เวลาทอดอาหารไอของน้ำมันเราจะต้องสูดเข้าไป ทำให้สุขภาพไม่ดี จึงเปลี่ยนเป็นนึ่งด้วยซึ้งแทนในราคาที่จับต้องได้
ในการทำเกี๊ยวซ่านั้น เชฟของคุณหมูเธอจะมีสูตรพิเศษของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร เริ่มตั้งแต่แผ่นแป้ง ต้องนำแป้งสองอย่างมาผสมกัน คือ แป้งสาลีกับแป้งมันฝรั่ง จะทำให้มีความหนุบ คือ นุ่มกับเหนียวบวกกัน เวลาที่กินจะได้ความเป็นแป้งได้กลิ่นของแป้งสาลีอย่างชัดเจน
ในส่วนหมูที่ใช้ทำเป็นไส้ก็จะใช้หมูส่วนตรงสันคอเท่านั้น ไม่ใช้ตรงสันนอกสันใน เพราะเวลากินจะได้รสชาติที่แตกต่างกัน ที่สำคัญเวลาที่หมักจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากละเอียดมาก เพราะไม่ใช้ผงปรุงรสหรือผงชูรสใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าใส่ผงปรุงรส ผงชูรสแล้ว รสชาติจะออกมาเหมือนกันทุกร้าน โดยเชฟได้คิดสโลแกนขำๆ ของร้าน ใส่ไว้ในใบสั่งอาหาร คือ ไม่พึ่งรสดี ไม่มีชูรส งดคนอร์ ไม่ง้อเมีย 
เวลาหมักนั้นเริ่มจากเอาผักไปล้างด้วยเกลือ เอาน้ำออก ผักจะดูดเกลือเข้าไปแทนผงชูรส แล้วนำไปบดกับเนื้อหมูเป็นไส้ของเกี๊ยว โดยเกี๊ยวที่นึ่งจะเป็นเกี๊ยวแบบหน้าเปิดให้ได้มองเห็นเนื้อที่อยู่ด้านในอย่างชัดเจน ทีนี้แหละครับ เราจะสั่งเกี๊ยวซ่าหน้าเปิดกันแบบไหน มีใบสั่งให้เราติ๊กเลือกตามใจชอบ มีตั้งแต่รสชาติดั้งเดิม (หมูผักปรุงรสธรรมชาติ) สามก๊ก (รากผักชี กระเทียม พริกไทย) หมาล่า (หมาล่าและฮวาเจียว) แกงฮังเลแห้ง (หอมเครื่องแกงเหนือแท้ๆ ) ชิ้นละ 12 บาท และเห็ด 5 อย่าง (หมู ผักและเห็ดรวม 5 อย่าง) 15 บาท และยังมีรสชาติสุดวิเศษ คือ ผัดพริกเผา (ถึงเครื่องหมูผัดพริกเผาทำเอง) ลาบไม่เลือด (ลาบหมู พริกลาย มะแขว่น ผักแพรว) ราคา 15 บาท
เกี๊ยวซ่าที่ร้านเฟิงจูนี้จะปั้นกันสดๆ แล้วนำไปนึ่งใช้เวลาประมาณ 6 นาที โดยลูกค้าสามารถจับคู่ท็อปปิ้งได้ด้วยตัวเองตามใจชอบ จะทำให้ได้รสชาติที่อร่อยเพิ่มมากขึ้น มีให้เลือกทั้งหอมญี่ปุ่น เพิ่มอีก 3 บาท ไข่กุ้ง เพิ่ม 4 บาท ชีสเผา เพิ่ม 4 บาท และไข่แดงเค็ม เพิ่มอีก 5 บาท ครับ ส่วนเครื่องดื่มนั้น มีน้ำสมุนไพรจีน 2 อย่าง อยู่ในกระป๋องแคน คือ หวังเหล่าจี่ และน้ำฟัก ให้ได้เลือกชิม
ร้านเกี๊ยวซ่า หน้าเปิด เฟิงจู หมูเจริญ จากการริเริ่มโดยฝีมือเชฟคนรุ่นใหม่ที่มากด้วยฝีมือและนักการตลาดอย่างคุณหมู จึงติดตลาดเป็นที่กล่าวขานอย่างรวดเร็วไม่น่าเชื่อ ถึงกับต้องพักโครงการที่จะเปิดร้านไอศกรีมเอาไว้ก่อน แต่ปัจจุบันก็เริ่มเปิดให้บริการไอศกรีมอย่างไม่เป็นรูปแบบ ถ้าอยากกินเกี๊ยวซ่าที่ไหนๆ ก็มีให้กินทั้งนั้น แต่ถ้าจะกินให้อร่อยและดีต่อสุขภาพต้องมาที่เฟิงจู หมูเจริญ
หรือจะสั่งไปกินที่บ้านใช้บริการของ Line Man หรือ Grab ก็ได้ครับ
