เปลว สีเงิน
ช่วงนี้ “กระบวนการกฎหมาย” กำลังทำงานเข้มข้น
ทั้งในระบบรัฐสภา ในระบบตำรวจ และในระบบศาล
ถ้าถามว่า จะมีผลกระเพื่อมต่อสังคมบ้าน-สังคมเมืองบ้างหรือไม่?
วันนี้ คงไม่มั้ง
แต่วันหน้า…ไม่แน่!
ไล่คุยกันไปทีละเรื่องก็แล้วกัน อย่างวันนี้ (๒๕ มีค.๖๗) ที่สัปปายสภาสถาน
“วุฒิสภา” เปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลเศรษฐา ส่งท้ายการสิ้นสุดวาระของ ๒๕๐ วุฒิสภาชิก ในเดือนพฤษภา.
เพื่อให้แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน “โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๓”
โทรทัศน์รัฐสภา ช่อง ๑๐ ถ่ายทดสด ผมเห็นหัวข้อที่สว.แบ่งกันอภิปรายแล้ว ใครๆ ก็พลาดได้
แต่ “นักโทษเทวดา” ควรเฝ้าหน้าจออย่างยิ่ง!
๗ หัวข้อ ที่สว.สวดแล้วเก็บศพไว้รอเผา มีประมาณนี้
-ด้านเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องชาวบ้าน
-ด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย
-ด้านพลังงาน
-ด้านการศึกษาและสังคม
-ด้านการต่างประเทศและท่องเที่ยว
-ด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
-ด้านปฏิรูปประเทศและการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
ทั้ง ๗ นี้ ทางสว.เขาฉายหนังตัวอย่างตอนสำคัญๆ เรียกน้ำย่อยไว้ เช่นปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม สว.แพลมประเด็นไว้ว่า
“ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามคำพิพากษาที่สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน
มีการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ช่วยพวกพ้อง หาประโยชน์ส่วนตน
สร้างมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว”
ผู้จะอภิปรายยืนหนึ่งคือ “สว.สมชาย แสวงการ” ไม่น่าพลาด ส่วนสว.ที่จะเป็นคู่สวด “มาติกา-บังสุกุล” คือท่านไหนอีกบ้าง
บอกตอนนี้…ก็จืดหมด!
ยังตามด้วยเรื่อง “นโยบายเปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดเพื่อเกษตรกรรม อาจเอื้อประโยชน์ให้นายทุน จะป้องกันอย่างไร?”
รวมถึงการแก้ปัญหาลักลอบนำเข้า “หมูเถื่อน” เป็นต้น
ปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเด็น แจก “ดิจิทัลวอลเล็ต” คนละ ๑ หมื่นบาท ที่นายกฯเศรษฐาโขมงโฉงเฉงว่า “ทำได้-ทำทันที” นั้น
“ค่อนปี” แล้ว “ทำได้-ทำทันที” ที่ว่านั้น แปลว่า “ตดให้หมาดม” หรือยังไงกัน?
แฟนๆ รอเงินแจก ก็คอยฟังรายการ “สว.จี้ถาม-เศรษฐาตีกรรเชียงหนี” ในวุฒิสภาวันนี้ก็แล้วกัน
ปัญหาเขตแดน “ไทย-เขมร” บรรจบในอ่าวไทยตรงเกาะกูด ที่เรียก “พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล”
ระหว่างไทย-เขมร พื้นที่ ๒๖,๐๐๐ ตร.กม.คาดว่ามีก๊าซธรรมชาติอยู่ราวๆ ๑๑ ล้านล้านคิวบิกฟุต ประเมินเป็นตัวเงินร่วม ๒๐ ล้านล้านบาท นั่นเหมือนกัน
“สว.คำนูญ สิทธิสมาน และสว.พล.ร.อ.พัลลภ สมิตานนท์” อดีตเสนาธิการทหารเรือ จะทำหน้าที่ ซัก-ฟอก-ขยี้-อบ-รีด ให้หมดจด
นี่…ที่สว.จะ “ฝากแผลรัก” ไว้กับรัฐบาลเศรษฐาก่อนจาก ไม่มีผลวันนี้หรอก เพราะเป็นการอภิปรายไม่ลงมติ
แต่แผลรักนั้น จะเรียกแมลงหวี่-แมลงวันมาตอม เผลอๆ วางไข่-วางเชื้อ จนแผลกราย ไม่บาดทะยัก ก็อาจลามติดเชื้อเข้ากระแสเลือด
ตายเอาได้ง่ายๆ ในช่วงราหูอยู่ในภพวินาศดวงเมือง
โดยเฉพาะกับเรื่องใช้จ่ายงบประมาณตุกติก เรื่องถึงคุก-ถึงตะราง เรื่องความไม่พอใจจากประชาชน ด้านเอารัด-เอาเปรียบสังคม
ประเภท ทุจริตต่อหน้าที่ คอร์รัปชัน กินส่วย รับสินบาท-คาดสินบน ระวังให้ดี ถูก “ราหู” หมายหัวแน่
ยิ่งวันนี้ “๒๕ มีนา.” เกิด “จันทรคราส” ราหูในมีนเป็น ๗ กับราศีกันย์ด้วยแล้ว
พวกหนอนบ่อนไส้ ทำใต้ดิน-บนดิน กับบ้านเมือง พวกคดในข้อ-งอในกระดูก พวกโกงบ้าน-กินเมือง
ราหูอมจันทร์รอบนี้ ต้องระวังตัวเป็น ๑๐ เท่า
เพราะพระราหู มาเพื่อ “เช็คบิล” พวกนี้ เป็นกรณีพิเศษ ไม่เชื่อ ก็คอยดู!
วันนี้ ๒๕ มีนา.ไปพรุ่งนี้ ๒๖ มีนา.มีคดีเล็กๆ คดีหนึ่ง ที่ศาลจะตัดสิน แต่ประเด็นกลับใหญ่ ที่ใครๆ ก็ห้ามพลาด
นั่นคือ “คดีอาญา” ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ฟ้อง “ชวน หลีกภัย” ข้อหาหมิ่นประมาท
กรณีอดีตนายกฯ และอดีตประธานรัฐสภา “ชวน หลีกภัย” ไปบรรยายที่ “โรงเรียนการเมือง” พรรคประชาธิปัตย์ ปี ๒๕๕๕
ได้กล่าวถึงนโยบายการแก้ปัญหาใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในสมัย “รัฐบาลทักษิณ”
ถ้อยคำที่ปรากฏในคำฟ้องอดีตนายกฯชวน ได้พูดข้อความดังนี้
“…………..รูปแบบการปกครองทุกอย่างต้องพัฒนาไปข้างหน้า แต่ต้องยอมรับว่า รูปแบบการปกครองของประเทศไทยให้โอกาสมาก
บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งที่เราต้องทำ คนไทยมีศักยภาพ แต่เรามีจุดอ่อนที่นักการเมืองโกง ซึ่งมาจากธุรกิจการเมือง
และอุปสรรคของประชาธิปไตย คือ การยึดอำนาจระบอบประชาธิปไตย อำนาจประชาธิปไตย จะใช้ผ่านองค์กร สถาบันทั้งนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และตุลาการ โดยมีการคานอำนาจซึ่งกันและกัน
แต่เมื่อบ้านเมืองมีปัญหา จึงเกิดองค์กรอิสระขึ้นมา เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)
แต่เมื่อระบบทักษิณเกิดขึ้น ก็ใช้วิธีการนอกกฎหมาย สำหรับปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบัน เป็นเพราะนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่า
จะแก้ไขปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้หมดภายในสามเดือน นั้น ทั้งที่ขณะนั้น ไฟใต้มอดแล้ว ในสมัยที่ผมเป็น นายกรัฐมนตรี
แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีกลับใช้คำว่าโจรกระจอก และยกเลิกศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
หันมาใช้นโยบาย “ฆ่าหมดก็จบ” ตรงนี้คือ ที่มาของการนองเลือดในปัจจุบันนี้…”
คดีนี้แหละครับ ทักษิณให้ทนายไปแจ้งความกับตำรวจไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ ตำวจสั่งฟ้อง อัยการสั่งฟ้อง
จนคดีใกล้หมดอายุความ คดียังไม่ไปถึงศาล น่าจะเป็นคดีแรกกระมัง ที่จำเลย คืออดีตนายกฯ ชวน ไม่ต้องการให้คดีหมดอายุความ ซึ่งจะทำเสียระบบยุติธรรม
จึงมอบให้ “นายราเมศ รัตนะเชวง” ไปตามเรื่องและอัยการนำตัวจำเลยส่งฟ้องศาลอาญากรุงเทพใต้ในที่สุด
พรุ่งนี้แหละ “ศาลจะตัดสิน”
“จำเลยชวน” จะถูกตัดสินว่าผิดหรือไม่ผิด ไม่ใช่ประเด็น เพราะผิดก็รับโทษไป ไม่ผิดก็กลับบ้านไป ทุกคนทัดเทียมกันทางกฎหมาย
ที่เป็นประเด็น “ต้องสนใจ” อยู่ที่คำพิพากษา
ถ้าผิด ก็หมายความว่า ข้อความที่ “จำเลยชวน”พูด…
“สำหรับปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบัน เป็นเพราะนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่า
จะแก้ไขปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้หมดภายในสามเดือน นั้น ทั้งที่ขณะนั้น ไฟใต้มอดแล้วในสมัยที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีกลับใช้คำว่าโจรกระจอก และยกเลิกศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
หันมาใช้นโยบาย “ฆ่าหมดก็จบ” ตรงนี้คือ ที่มาของการนองเลือดในปัจจุบันนี้…”
คำตัดสินศาล ๒๖ มีนา.นี้แหละ ไม่ว่าออกมาด้านใด
จะมีความอธิบายเป็นคำตอบให้ชัดเจนกันลงไปถึงที่มาของการนองเลือดในสามจังหวัดชายแดนใต้ถึงทุกวันนี้ ว่า
เป็นไปตามที่อดีตนายกฯ ชวนบรรยาย หรือเป็นการหมิ่นประมาทตามที่อดีตนายกฯทักษิณฟ้อง?
และ ๒๖ มีนา. “วันเดียวกัน”
นักโทษทักษิณที่ป่วยขั้นวิกฤติ อันอาจอันตรายถึงชีวิต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จนได้รับการพักโทษ นั้น
จะเดินทางไป “พรรคเพื่อไทย” ในวันประชุมพรรคพอดี
เพื่อให้สส.ทยอยเข้า “กราบคารวะนักโทษ” เป็นรายกลุ่มบุคคล-รายกลุ่มจังหวัด
มาตรา ๒๘, ๒๙ พรป.พรรคการเมือง บอกว่า
มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่น ซึ่งมิใช่สมาชิก กระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ
หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
มาตรา ๒๙ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
นักโทษทักษิณ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
การไปนั่งในพรรคให้สมาชิกเข้าคารวะ เข้าข่ายครอบงำ “ทางตรง-ทางอ้อม” หรือไม่ ก็คิดกันเอาเอง
“นางมนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคม เพื่อไทย ตอบนักข่าวที่ถาม “จะขอคำแนะนำอะไรจากนายทักษิณ” ว่า
“ก็ให้กำลังใจท่านและให้ท่านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ใช้กำลังกายและสิ่งที่ได้สะสมมาตอนที่อยู่ต่างประเทศ เอาความทันสมัยและสิ่งดีๆ นำมาให้เราได้รับคำแนะนำจากท่าน ดิฉันมองว่า การมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแนะนำสิ่งดีๆ ถือว่าต้องขอบคุณด้วยซ้ำ….”
วันนี้ นักโทษ “เหยียบพรรค”
วันต่อไป “ทำนียบฯ” ได้เหยียบแน่!
เปลว สีเงิน
๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗