14 มีนาคม 2567 เวลา 05.19 น. ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) บุตรสาวและนายปิฎก สุขสวัสดิ์ บุตรเขย ได้เดินทางมาสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ ก่อนเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปไหว้บรรพบุรุษที่ จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ นายทักษิณ พร้อมครอบครัวเดินทางมาด้วยรถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำ ทะเบียน ภษ 1414 กรุงเทพมหานคร
ทันทีที่นายทักษิณ พร้อมครอบครัวเดินทางมาถึงได้เข้าประตูด้านข้างศาลหลักเมืองบริเวณ ถ.หลักเมือง ข้างกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าไปประกอบพิธี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจ (สน.) สำราญราษฎร์ คอยอำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณโดยรอบ ขณะเดียวกันได้มีการนำแผงเหล็กมาปิดกั้นบริเวณทางเข้า ถ.หลักเมือง เพื่อไม่ให้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป ขณะที่บรรดาสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางมาปักหลักรอทำข่าวนายทักษิณอยู่โดยรอบศาลหลักเมือง ขณะที่ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีประชาชนเข้าไปปะปนในศาลหลักเมือง เนื่องจากจะเริ่มเปิดให้เข้าสักการะในเวลา 06.30 น. เป็นต้นไป และเป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มี สส. หรือมวลชน มาดักรอนายทักษิณแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายทักษิณได้สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงิน สวมเฝือกอ่อนดามคอพร้อมกับใส่แมสก์ แต่ไม่ได้ใส่ผ้าคล้องแขนด้านขวา และสามารถเดินได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องนั่งวีลแชร์ แต่มี น.ส.แพทองธาร เดินประกบ และมีการประคองกันเป็นระยะ ทั้งนี้ นายทักษิณ พร้อมครอบครัวได้ไหว้ศาลหลักเมืองนั้นมีอยู่ 5 จุด โดยเรียงตามลำดับ ดังนี้ จุดที่ 1 หอพระพุทธรูป โดยมีการนำพวงมาลัยดอกดาวเรืองเข้าไปสักการะ จากนั้นไปไหว้จุดที่ 2 คือองค์พระหลักเมืองจำลอง โดยเป็นการผ้าสีเหลืองจีวรผูกกับองค์พระหลักเมืองจำลอง ต่อมาไปที่จุดที่ 3 องค์พระหลักเมืององค์จริง ได้ทำการบวงสรวงองค์พระหลักเมืององค์จริง จุดที่ 4 หอเทพารักษ์ทั้ง 5 ประกอบด้วย พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าหอกลอง ส่วนจุดที่ 5 เป็นการเติมน้ำมันตระเกียงพระประจำวันเกิด เพื่อ ความสว่างไสวในชีวิตและสะเดาะเคราะห์ เพื่อให้สิ่งไม่ดีออกไป
โดยทำพิธีเสร็จสิ้นในเวลา 05.45 น. ใช้เวลาทำพิธี 26 นาที จากนั้นนายทักษิณ พร้อมครอบครัว ได้เดินทางออกจากศาลหลักเมือง โดยสื่อมวลชนได้พยายามเรียกทักทาย สวัสดี โดยนายทักษิณได้หันมายกมือรับไหว้ก่อนขึ้นรถ แล้วเดินไป ไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวและเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
ที่มา เว็บไซต์ไทยโพสต์