นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา ไทยเศรษฐ์) กล่าวในการเปิดประชุมโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการคณะทำงานเครือข่ายขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับภาค ที่จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นประชุมตัวแทนกองทุนฯ 14 จังหวัดภาคใต้ว่า การมาเป็นประธานเปิดประชุมครั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ที่ต้องการให้กรมการพัฒนาชุมชนที่อยู่ในการกำกับของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เดินหน้าเพิ่มศักยภาพของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี(สกส.) ซึ่งตั้งขึ้นในสมัยรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือสตรีในทุกพื้นที่ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้นำไปพัฒนาอาชีพ พัฒนารายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีส่งผลให้มีความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานรากในระดับชุมชนและกรณีชุมชนใดมีสินค้าดี เด่น ดัง หรือมีรางวัลรองรับจะนำมาเชื่อมกับโครงการสินค้าโอทอปในระดับต่างๆ ต่อไป
ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่นายชาดา ในฐานะรมช. ที่กำกับดูแลกรมการพัฒนาชุมชนต้องการเห็นคือการส่งเสริมให้สตรีทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำได้เพื่อนำไปพัฒนาอาชีพของตนเอง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีมีการปรับเปลี่ยนไปมาก การพัฒนาอาชีพทำได้หลากหลายมิติมากขึ้น และสตรีจะได้ไม่ไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงเป็นภาระให้กับครัวเรือน
“ดังนั้นขณะนี้กำลังพิจารณาที่ปรับระเบียบในการกู้เงินของกองทุนฯ ที่รัฐบาลจะจัดสรรให้ปีละประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งเดิมเงื่อนไขการกู้กำหนดให้สมาชิกกองทุนต้องรวมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปสามารถกู้ได้ในวงเงินไม่เกิน 2 แสนบาท ชำระคืนภายใน 2 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.10 บาทต่อปี จะให้แก้ไขเป็นกรณีสมาชิกรวมตัวกัน 5 คนขึ้นให้ปรับวงเงินกู้เพิ่มเป็นไม่เกิน 500,000 บาทเพื่อต่อยอดอาชีพ และประเด็นสำคัญคือจะแก้เงื่อนไขการปล่อยกู้ของกองทุนฯให้สมาชิกทุกคน สามารถยื่นกู้กับกองทุนฯได้ด้วยตนเองรายละไม่เกิน 50,000 บาท และให้ชำระคืนภายใน 1 ปี นอกจากนั้นจะพิจารณาขยายให้นักเรียนที่อายุ 15 ปีขึ้นไปซึ่งเป็นบุตรหลานของสมาชิกสามารถกู้เพื่อนำไปพัฒนาโครงการหรืองานที่สร้างสรรค์เพื่อต่อยอดงานภายใต้การรับรองของโรงเรียน ซึ่งจะเป็นช่องทางสร้างรายได้ระหว่างเรียนและเป็นช่องทางอาชีพในอนาคต” นางสาวมนัญญา กล่าว
สำหรับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสตรีในแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งแต่ละปีสมาชิกจะมีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั่วประเทศตามภูมิภาค