16 กุมภาพันธ์ 2567 นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทั้งการผลิต การนำเข้า การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดและเร่งด่วนนั้น เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร
จึงให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติด ซึ่งปัจจุบันผู้กระทำความผิดมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนวิธีการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดหลากหลายรูปแบบและลดปริมาณให้น้อยลง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ให้ได้มากที่สุด
จากการวิเคราะห์ข้อมูลของสถิติการจับกุมยาเสพติดทางอากาศยานในช่วงที่ผ่านมา ตามโครงการสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) หรือ หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ ที่เป็นการบูรณาการของกรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย จึงได้เฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดทุกรูปแบบ อาทิ ซุกซ่อนมากับพัสดุไปรษณีย์ หรือซุกซ่อนมากับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาและออกไปนอกประเทศ
โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 กรมศุลกากร โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองสืบสวนและปราบปรามได้ตรวจพบผู้โดยสารชาย สัญชาติอเมริกา ที่มีความเสี่ยงในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักร เดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จึงขอเข้าตรวจค้น
ผลปรากฏว่า พบยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 เฮโรอีน ซุกซ่อนอยู่ในขวดน้ำหอมภายในกระเป๋าสัมภาระ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม ประมาณ 1,100 กรัม มูลค่ากว่า 3,300,000 บาท โดยชุดปฏิบัติการ AITF จะดำเนินการขยายผลต่อไป
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า กรณีดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 242 และมาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด สำหรับสถิติการจับกุมยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (1 ตุลาคม 2566 – 15 กุมภาพันธ์ 2567) มีทั้งหมด 59 ราย มูลค่ารวมประมาณ 342,619,580 บาท