ทักษิณ “ไม่เป็นภัยสังคม” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

พูดเหมือนคนกินอาหารเม็ด
“นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกฯ ให้ความเห็นเรื่องนักโทษเด็ดขาดทักษิณ เข้าเกณฑ์ออกในนอนบ้านแทนคุก ว่า
“นายทักษิณ ชินวัตร เข้าหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐ “เรื่องระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำ”
เพราะมีโทษน้อยกว่า ๑ ปี
และไม่ใช่บุคคลอยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม แต่เป็นโทษที่ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม”

“ทักษิณ” เนี่ยนะ ………
สมศักดิ์ว่า “ไม่ใช่บุคคลอยู่ในข่ายน่ากลัวของสังคม”
และโทษในความผิด ๓ คดี นั้น
“เป็นโทษที่ไม่เป็นภัยสังคม”?!

ขนาดนั้นเชียวรึครับท่าน เป็นโลกทัศน์ใหม่จาก “รัฐบาลเพื่อไทย” สำหรับผมเลยนะ

แต่เดี๋ยวก่อน ที่ทักษิณถูกศาลลงโทษ ๘ ปี จาก ๓ คดี และทักษิณยอมรับสารภาพว่าทำผิดจริงนั้น
ท่านรองฯ สมศักดิ์อาจ (แกล้ง) ลืมไปแล้วก็ได้ว่า ทักษิณทำอะไรต่อชาติบ้านเมืองและสังคมชาติไว้บ้าง

ถึงได้พูดเต็มปาก-เต็มคำ “ทักษิณไม่ใช่คนที่น่ากลัวของสังคม” และการกระทำนั้นๆ “ไม่เป็นภัยสังคม”?

ผมจะฟื้นความจำให้ซักนิด
๓ คดี ที่ศาลลงโทษ ๘ ปี ประกอบด้วย

  • คดี Exim Bank อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ ๔,๐๐๐ ล้านบาท แก่รัฐบาลเมียนมา จำคุก ๓ ปี
  • คดีหวยบนดิน จำคุก ๒ ปี และ
  • คดีให้นอมินีถือหุ้นในบมจ.ชินคอร์ป จำคุก ๕ ปี

คดีที่ ๑ และที่ ๒ โทษซ้อนกัน เหลือจำคุก ๓ ปี รวม ๓ คดี จำคุก ๘ ปี

ยังไม่แค่นี้นะท่านรองฯ สมศักดิ์ ท่านเป็นรัฐมนตรียุติธรรมมาก่อน น่าจะรู้นะ ว่ายังมีอีก ๒ คดี จ่อรออยู่

เรียกว่า ได้ออกไปนอนบ้านแทนคุกวันไหน จะมีเจ้าหน้าที่ถือหมายศาลไปอายัดตัวถึงหน้าคุกเลยก็เป็นได้

๑ ใน ๒ คดี นั้น เป็นคดีในความผิดตามมาตรา ๑๑๒
ตอนเป็นสัมภเวสี ไปพูดอะไรไว้ที่เกาหลีล่ะ จำได้มั้ย?

ผมบอกเพียง ๓ หัวข้อคดี ของโทษคุก ๘ ปี

ท่านรองสมศักดิ์รวมทั้งพลพรรคคนรักทักษิณ ด้วยความเป็น “คนตาบอดไม่กลัวเสือ” อาจมองไม่เห็นภาพว่า

“ทักษิณเป็นบุคคลน่ากลัวของสังคมและเป็นภัยสังคมยังไง?”

ก็ขนาด “ลุงพล” ศาลจำคุก ๒๐ ปีเมื่อวาน (๒๐ ธค.๖๖) พลพรรคคนรักลุงพล ยังบอกว่า “ลุงพลคนดีศรีสังคม” เลย!

งั้น ผมจะยกเนื้อหาแต่ละคดีมาสาธกพอสังเขป พอให้รู้ว่า การกระทำของทักษิณ ตอนเป็นนายกฯ เป็นภัยเฉพาะตัวคน หรือเป็นภัยต่อสังคมประเทศชาติ?

-คดี Exim Bank มูลค่าโกง ๔,๐๐๐ ล้านบาท

ปี ๒๕๔๖ รัฐบาล ๕ ประเทศ ไทย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม
ลงนาม “ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ลุ่มน้ำอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง”

ไทยให้รัฐบาลประเทศเหล่านั้น กู้เงินผ่านเอ็กซิมแบงก์ เพื่อมาใช้ซื้อสินค้าและบริการด้านสาธารณูปโภคของไทย

รัฐบาลทักษิณ ให้รัฐบาลพม่ากู้ ๔,๐๐๐ ล้านบาท แต่ให้พม่าซื้อบริการดาวเทียมจาก บริษัทชินแซทเทลไลท์
โดยนำเงินกู้ ๔,๐๐๐ ล้านบาทนั้น มาจ่ายให้ชินแซทฯ

ศาลมีคำพิพากษาว่า ………
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๒ (เดิม) ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน
มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น

ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงสองแสนบาท
ศาลสั่งจำคุกทักษิณ ๓ ปี ไม่รอลงอาญา

-คดีหวยบนดิน ศาลพิจารณาว่า….

แม้โครงการนี้จะช่วยให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีรายได้จากการขายสลากกว่า ๑.๒ แสนล้านบาท
แต่การบริหารงาน กลับขาดทุน ๗ งวด เป็นเงินกว่า ๑.๖ พันล้านบาท

ซึ่งทำให้เห็นว่า โครงการนี้ ไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงในการจ่ายเงินให้ผู้ที่ถูกรางวัล

นอกจากนี้ เงินรายได้กว่า ๘๐% ที่สมทบเข้า “กองทุนจ่ายเงินรางวัล” และส่วนหนึ่งต้องนำกลับคืนสู่สังคมนั้น
มีการใช้เงิน “ผิดวัตถุประสงค์” ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

จึงพิพากษาให้ลงโทษจำคุกทักษิณเป็นเวลา ๒ ปี โดยไม่รอลงอาญา

-คดีให้นอมินีถือหุ้นใน “บมจ.ชินคอร์ป”

ศาลวินิจฉัยตอนหนึ่ง สรุปได้ ว่า……..
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้มอบนโยบายและสั่งการให้ตราพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.๒๕๒๗(ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๔๖

และ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ พ.ศ.๒๕๔๖ เพื่อจัดเก็บภาษีสรรพสามิต จากกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งได้รับสัมปทานจากรัฐ

โดยคณะรัฐมนตรีที่เป็นจำเลย เป็นหัวหน้ารัฐบาล มีมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติให้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีและยกเว้นภาษีสรรพสามิต(ฉบับที่ ๖๘)ลงวันที่ ๒๘ ม.ค.๔๖

ให้ลดพิกัดอัตรา และยกเว้นภาษีสรรพสามิต สำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากอัตราร้อยละ ๕๐ เหลือร้อยละ ๑๐
และมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ ๑๑ ก.พ.๔๖ เห็นชอบแนวทางให้คู่สัญญาภาคเอกชน

นำภาษีสรรพสามิตมาหักออกจากส่วนแบ่งรายได้หรือค่าสัมปทานที่คู่สัญญาภาคเอกชน จะต้องนำส่งให้คู่สัญญาภาครัฐได้

จำเลยดำเนินการดังกล่าวเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)หรือ AIS
ซึ่งได้รับสัมปทานดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย(ทศท.ชื่อขณะนั้น)

และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด หรือบริษัท ดีพีซี ได้รับสัมปทานดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากการสื่อสารแห่งประเทศไทย(กสท.ชื่อขณะนั้น)

โดยทั้ง ๒ บริษัท เป็นบริษัทในเครือบริษัท ชินคอร์ปฯ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ให้ทั้ง ๒ บริษัท ได้รับคืนเงินภาษีสรรสามิตที่ชำระแล้ว โดยมีสิทธินำไปหักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องนำส่งให้ทศท. และกสท.เป็นผลให้ ทศท.และ กสท.ได้รับความเสียหาย

การกระทำของจำเลย จึงเป็นการเข้ามีส่วนได้เสียในกิจการโทรคมนาคมและเป็นผลให้บริษัทที่จำเลยเป็นผู้ถือหุ้นได้รับประโยชน์

อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต

พิพากษาว่า จำเลย(ทักษิณ ชินวัตร)มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๐ วรรคหนึ่ง (๒) และมาตรา ๑๒๒ วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๒(เดิม)

องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ

จำคุก ๒ ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์

สำหรับเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น จำคุก ๓ ปี รวมเป็นจำคุก ๕ ปี

เรื่อง “ชินคอร์ป” กับการใช้อำนาจทักษิณตอนเป็นนายกฯ เอื้อประโยชน์นี่ มันมากมายชนิดที่ต้องรวบรวมไว้เป็น “พงศาวสันดานโกง” เพื่อศึกษากลวิธีโกงรูปแบบต่างๆกันเลยทีเดียว

ขนาดทำให้ทักษิณ ตั้งกระทรวง ICT ที่เป็นกระทรวงดิจิทัลฯทุกวันนี้ เพื่อการ “แก้สัมปทานดาวเทียม” เอื้อประโยชน์ให้บ.ชินคอร์ปฯกันเลยทีเดียว

ใครอยากรู้รายละเอียด ไปถามหมอเลี้ยบ “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” สมุนเอกทักษิณดูก็ได้ ทักษิณให้ไปเป็นรัฐมนตรี ICT ครั้งนั้น ก็เพื่องานแก้สัมปทานนี่แหละ

และก็ได้ผล “รัฐมนตรีเลี้ยบ” ผู้ภักดี ติดคุก ๑ ปี ตอนนี้ออกมาแล้ว ด้วยความดี-ความชอบนั้น
ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “เลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ”

“มินต์ช็อก-หมูกระทะ” ผลงานรับประกันวิสัยทัศน์ “ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ณ อุ๊งอิ๊ง”!

เป็นไงครับ ทราบสรรพคุณของ ๓ คดี ๘ ปี ของทักษิณเป็นนายกฯ แล้วใช้อำนาจโกงผลประโยชน์ชาติให้ตัวเองและธุรกิจของตัวเองล้วนๆ

แล้วคนแบบนี้น่ะหรือ ที่รองนายกฯ “มัตสึซากะ” ยกย่องว่า “ทักษิณไม่ใช่บุคคลอยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม”
และโทษจากการโกงชาตินั้น….
เป็นโทษที่ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม”!?

พฤติกรรมอย่างไรบ้างเข้าข่าย “บุคคลเป็นภัยสังคม” ผมจำได้ไม่หมด ต้องไปถามท่าน “รัฐมนตรีชาดา ไทยเศรษฐ์” มือปราบผู้มีอิทธิพล

แต่ที่ผมจำได้แม่นๆ การทุจริต คอร์รัปชัน โกงชาติ-โกงแผ่นดิน ไม่แค่เป็นภัยสังคม ไม่แค่เป็นบุคคลน่ากลัว
ขนาดองค์กรโลก องค์การสหประชาชาติ ระบุไว้เลยว่า

นี่คือ “การบ่อนทำลายประเทศชาติและทำลายสังคมมนุษยชาติ” ที่เลวทราม บัดซบ ที่สุด

ไม่แค่ยุคนี้-สมัยนี้หรือยุคไหน-สมัยไหนๆ ล้วนประณามคนใช้อำนาจ ฉ้อฉล โกงชาติ โกงแผ่นดิน เหมือนๆกัน

ถึงขนาดบันทึกใส่หนังหมาเป็นภาษาขมุไว้เลยว่า….
“คนเลวริยำ ใส่ครกหินตำสัก ๗,๐๐๐ ปี มันก็บ่มี ซึ่งยางอาย”!

เอาหละ…๒๒ ธันวา.พรุ่งนี้
ทักษิณจะสถิตสวรรค์ ชั้น ๑๔ หรือลงไปสถิตในอเวจี นั่นเป็นเรื่อง “ยัง กัมมัง กริสสันติ”

แต่รัฐบาลเพื่อไทย โดยรัฐมนตรีกลาโหม “นายสุทิน คลังแสง” ประเมินอารมณ์สังคม ต่อกรณี “นักโทษเทวดา” แล้ว
บอกเมื่อวานว่า…….

ใครที่มาคิดปั่นสถานการณ์ให้เกิดปัญหาในการบริหารโยงมาใส่ฝ่ายบริหาร ทำให้เกิดความวุ่นวาย
“ผมคิดว่าประชาชนไม่เอาด้วย” แล้ว!

เปลว สีเงิน
๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
กระเป๋ารถเมล์กับผู้มีเกียรติ-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน มีข่าวที่ “ไม่เป็นข่าว” อยู่นิด แต่ผมว่า “มีค่าสูง” ทางสังคมมาก! มากชนิดที่ต้องป่าวประกาศให้รู้กันกว้างๆ และช่วยกันยกย่อง-เชิดชู ให้เป็นแบบอย่าง เพื่อ...
Read More
0 replies on “ทักษิณ “ไม่เป็นภัยสังคม” – เปลว สีเงิน”