ผักกาดหอม
อัปยศ!
การปกปิดความจริง คือการคอร์รัปชันชนิดหนึ่ง
และคอร์รัปชัน ก็เป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง
พรรคก้าวไกลต้องเข้าใจสิ่งนี้
แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เข้าใจอะไรกันเลย
พรรคก้าวไกลเติบโตมาจาก “กระแส” เป็นกระแสต้องการการเปลี่ยนแปลงที่โหมพัดกระหน่ำ ราวกับว่าต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืน
บัดนี้เริ่มแยกน้ำแยกเนื้อได้ระดับหนึ่งแล้ว พบว่าพรรคก้าวไกลขายฝันหลายเรื่อง
ความโปร่งใสนี่ก็เช่นกัน ชัดเจนขึ้นเมื่อพรรคก้าวไกลไม่ผ่านบททดสอบจากกรณีการขับ “สส.ปูอัด” ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ออกจากพรรคในรอบแรกไม่สำเร็จ
เพราะมี สส. ๒๒ คน เห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัวมากกว่าภัยจากการคุกคามทางเพศ จึงได้คอร์รัปชันโดยการอุปถัมภ์เห็นแก่พวกพ้องมากกว่าความถูกต้อง
ตอกย้ำด้วยคำแถลงของ “ชัยธวัช ตุลาธน” วานนี้ (๗ พฤศจิกายน) ห้ามเปิดเผยรายชื่อ ๒๒ สส.
…เปิดไม่ได้ ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เรียกร้องให้มีการลงมติ และเปิดอภิปรายถกเถียงอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องกังวล
ผมเป็นคนกำชับเองว่าเมื่อลงมติไปแล้ว สามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่เมื่อลงมติไปแล้ว ต้องไม่โจมตีเพื่อนที่ลงมติแตกต่างจากตนเอง
ไม่เช่นนั้นต่อไปในพรรค เวลาที่เปิดให้ทุกคนแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน ก็จะไม่สามารถทำได้
ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ขอให้ทุกคนไม่เอารายชื่อว่าใครโหวตอะไร มากล่าวหาโจมตีกัน ดังนั้น ผมเองก็เปิดเผยไม่ได้ ก็เป็นคนบอกให้ สส.ไม่ให้ออกมาเปิดเผยเอง เหตุผลก็มีแค่นั้น
เราไม่ได้ปกปิดว่าใครมีความเห็นว่าอย่างไร แต่เป็นเรื่องกระบวนการภายในของพรรค และผมยืนยันว่า การที่มีความเห็น การโหวตแตกต่างกันนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มีความชัดเจนไม่เท่ากันของทั้ง ๒ กรณี…
ไหนบอกว่าพรรคก้าวไกลมีความโปร่งใส สามารถตอบประชาชนได้ทุกเรื่อง
ตอนเลือกตั้งพรรคก้าวไกลชูนโยบายความโปร่งใสไม่ใช่ระดับพรรค แต่เป็นระดับรัฐบาลเลยทีเดียว
คือนโยบายในการเอาชนะการทุจริตคอร์รัปชัน ด้วยการสร้าง “รัฐโปร่งใส ไร้กลโกง ทุกคนตรวจสอบได้” ดังต่อไปนี้
…. “รัฐโปร่งใส ไร้กลโกง”
เปิดข้อมูลรัฐทันที ประชาชนเป็นเจ้าของ
ระบบจับโกงอัจฉริยะ
โครงการ “คนโกงวงแตก” จูงใจให้คนที่คิดจะโกง ระแวงกันเอง
โครงการ “แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน”
ตัวแทนจับโกงจากประชาชน ในโครงการมูลค่าสูง
ห้ามใช้เงินหลวง โปรโมตตัวเอง
ป.ป.ช. ยึดโยงประชาชน….
ที่บอกว่าอัปยศก็คือ พรรคก้าวไกลมีนโยบายความโปร่งใส แต่พรรคกลับปฏิบัติอีกอย่าง ที่สำคัญปฏิบัติไปในทางตรงกันข้าม
โครงการ “คนโกงวงแตก” จูงใจให้คนที่คิดจะโกง ระแวงกันเอง ถือเป็นนโยบายที่ดีมาก
พรรคก้าวไกลมีคำอธิบาย “คนโกงวงแตก” คือระบบที่ทำให้คนที่คิดจะร่วมกันโกง
เช่น คนจ่ายกับคนรับสินบน บริษัทที่จะฮั้วประมูลกัน ระแวงกันจนไม่มีใครกล้าร่วมกันโกง
กลไกที่จะทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นได้ คือการออกกฎคุ้มครองใครที่ออกมาแฉหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมรู้ร่วมคิดก่อน (leniency programme) ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกใช้ในหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก บราซิล
เป้าหมายและความสำเร็จของกลไกนี้ ไม่ใช่การเห็นคนมามอบตัว แต่คือการทำให้การโกงไม่เกิดขึ้นเลยตั้งแต่ต้น
เพราะคนที่คิดจะโกงก็ต้องหวาดระแวงกันตั้งแต่แรก ว่าถ้าโกงไปก็อาจถูกอีกฝ่ายเปิดโปงได้
และเมื่อหากทั้งคู่ตัดสินใจร่วมกันโกงจริง ทั้งคู่จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ผลประโยชน์สูงสุด จะเป็นของคนที่ออกมาสารภาพก่อนทันที
องค์กรไหนที่นำแนวความคิดนี้ไปปฏิบัติ น่าจะขจัดคอร์รัปชันได้ ๑๐๐% เพราะจะมีการสอดส่องกันเองอยู่ตลอดเวลา
และต้องเปิดข้อมูลให้ประชาชนได้รู้ทันที
แต่น่าเสียดายครับ พรรคก้าวไกล มิได้นำนโยบายที่สวยหรูของตนเองไปปฏิบัติ ให้พรรคมีความโปร่งใสประชาชนสามารถตรวจสอบได้
การโหวตเสียงในพรรคคือส่วนหนึ่งของกระบวนการทำให้เกิดความโปร่งใสและถูกต้อง
ในทางการเมืองการเปิดเผยชื่อ สส.ที่โหวตในสิ่งที่ถูกต้อง หรือผิดต่ออุดมการณ์ของพรรค ไม่ได้เกินกำลังสำหรับพรรคการเมืองที่ประกาศว่าตัวเองโปร่งใสมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ อย่างพรรคก้าวไกลเลย
แต่พรรคก้าวไกลเลือกที่จะปิดบังมิให้บุคคลภายนอกได้ล่วงรู้การคอร์รัปชันในหน้าที่ สส.ของพรรค
หากมีการแอบล็อบบี้ แลกด้วยผลประโยชน์ และจบลงด้วยการไม่เปิดเผยผลการโหวต ว่าใครโหวตอะไร มันก็คือการคอร์รัปชันชนิดหนึ่ง
ใน ๒๒ สส. ที่โหวตให้ “ปูอัด” มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ฉะนั้นด้วยวิธีของพรรคก้าวไกล ยากครับที่ “คนโกงวงแตก”
ภายภาคหน้ายังมีเรื่องต้องโหวตกันอีกมากมาย พรรคก้าวไกลมีหลักประกันอะไรที่ยืนยันได้ว่าจะไม่มีการคอร์รัปชันในหน้าที่ของ สส.อีก
แม้สุดท้ายพรรคก้าวไกลจะมีมติเอกฉันท์ ๑๒๘ เสียง ขับ “ปูอัด ไชยามพวาน” พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค แต่ความสูญเสีย ความเสื่อมในศรัทธา มันได้เกิดขึ้นแล้ว
อีกประเด็นที่มีการพูดถึงกันมากคือ พฤติกรรมล่าแม่มดของพรรคก้าวไกล และมวลชนด้อมส้ม ด้วยข้ออ้างเพื่อความโปร่งใส ซึ่งเราจะเห็นอยู่บ่อยครั้ง หลังมีคำพิพากษาของศาล ไม่ว่าศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งองค์กรอิสระอื่นๆ ล้วนเคยมีทัวร์ไปลงมาแล้วทั้งสิ้น
การออกมายืนในที่สว่างในฐานะพรรคฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว จริยธรรมของ สส.พรรคก้าวไกลมีปัญหา
ไม่ใช่แค่ ๒ คน
บวก ๒๒ คนเข้าไปด้วย ในฐานะผู้สนับสนุน
และต้องรวม “ชัยธวัช ตุลาธน” อีกคน เพราะพยายามให้พรรคปกปิดความจริง
เลือกตั้งครั้งหน้าอาจโชคดี ได้เห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ถึงวันนั้น หากพรรคก้าวไกลสำนึกได้ จะไม่มีเรื่องปิดบังประชาชนแม้แต่เรื่องเดียว ไม่ว่าเรื่องนั้นจะสร้างแรงกระเพื่อมในรัฐบาลแค่ไหน หรือจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ก็ตาม
แต่…วันนี้ “คนโกงวงยังไม่แตก”
การทุจริตในหน้าที่ถูกปล่อยผ่าน
จะคาดหวังอะไรจากเด็กเล่นขี้
