ทักษิณ “ทูนหัวของเศรษฐา” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ..⬇️

เปลว สีเงิน

อดเลย…ผม!
“ฝน” ยึดฟ้า ไม่เหลือพื้นที่ให้พระจันทร์แย้มหน้าออกจากม่านฝน ให้ชาวชนได้ไหว้ ในวัน “จงชิวเจี๋ย” เมื่อคืน
เสียดายนะ
อุตส่าห์เตรียม “เย่ว์ปิ่ง” ที่คุณสุรพงษ์ เลาหะอัญญา และ คุณนริศรา ศรีสันต์ แห่ง BTS ส่งมาให้ไว้อย่างดี

แต่ไม่เป็นไร เพื่อครอบครัวและแฟนๆ ไทยโพสต์เป็นสุข ผมก็เลยรับฉลองแทนพระจันทร์กับน้ำชาไปเป็นที่เรียบร้อย
ขอทุกท่านจง “หวานเจี๊ยบ”……

รักใคร่ สมานฉันท์ มีก็แบ่งปัน อยู่สุขร่วมกัน ตามนิยามความหมาย “ขนมวันไหว้พระจันทร์” ด้วยกันทุกท่าน เทอญ

ผมเป็นคน “ไม่มีทุกข์” จึงมีสุขมอบให้กับทุกท่านได้
เพราะอะไรๆ ที่มันเกิดกับผม ถือว่านั่น…มันคือ “ของผม”

เมื่อเป็น “ของผม” แล้วจะต้องทุกข์ทำไม ก็อยู่กับมันไปด้วย “ความเข้าใจ”
เมื่อ “เข้าใจ” คือ กูทุกข์ มึงก็ทุกข์, กูสุข มึงก็สุข

ฉะนั้น เลือกเอา มึงอยากสุขหรืออยากทุกข์ล่ะ มึงพร้อม-กูก็พร้อม
แบบนี้ ทุกข์ “หนีหมด” ผมจึงสุขแบบโอยๆ ได้ทุกวัน

พูดแล้วก็นึกถึงคนหนึ่ง คือ “คุณนิพนธ์ บุญญามณี” ช่วงนี้ท่านประสบวิบากกรรมทางการเมืองค่อนข้างหนัก

แทนที่ผมจะห่วงหาท่านในฐานะมิตรสหาย แต่กลายเป็นว่าคุณนิพนธ์กลับห่วงหาผม แบกลองกองจากใต้ส่งขึ้นรถไฟมาให้ผมกิน

ก็สุดคำจะเอ่ยถึงน้ำใจ!

ชีวิตคือวงเวียน ในความเป็นวงเวียน “จุดเริ่มต้น-จุดสิ้นสุด” อยู่ตรง “จุดเดียวกัน” ฉะนั้น ทุกข์ไปใย เดี๋ยวมันก็หมุนของมันไปสู่อีกจุดเอง

อย่างบิ๊กโจ๊ก “พล.ต.อ.พิเชษฐ์ หักพาล” กับบิ๊กต่อ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” นั่นปะไร เป็นรถไฟ “แหกราง” กันอยู่วัน

เมื่อวาน ภาพหรา ๒ บิ๊ก กอดเอว-กอดไหล่ เป็นรถไฟ “ร่วมรางเดี่ยว” หวานเจี๊ยบกันไปแล้ว!

การเมือง “เปลี่ยนยุค” แล้ว…..
ดังนั้น จะทำอะไรตอนนี้ ต้องดูทิศทางลมด้วย

“โดรน” นั่นน่ะ ไม่มีคนขับก็จริง
แต่มันมี “คนบังคับทิศทาง” มิใช่หรือ?

ฉะนั้น ประเทศไทยวันนี้ ไม่ว่าเล็ก-ใหญ่ “กินรวบ” จากคนบังคับทิศทางชั้น ๑๔

ในความเป็น “รัฐบาลเพื่อไทย”
กับนักโทษเทวดา “พ่อทุกสถาบันอำนาจไทย”

นายกฯ เศรษฐา กล้ามั้ย?
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร.คนใหม่ กล้ามั้ย?
บิ๊กโจ๊กก็เถอะ ถ้าเป็นผบ.ตร. กล้ามั้ย?

นี่เขาเตรียมวางศิลาฤกษ์ “พักโทษ” นักโทษเทวดากันแล้ว ทั้งที่ ตั้งแต่กลับมา ไม่เคยรับโทษจริงในคุกเลยแม้แต่คืนเดียว!

มีใคร…หน้าไหน กล้าหือมั้ยล่ะ?
ก็ไม่มี!!!

ฉะนั้น จะแย่งกันใหญ่แบบ “พริกหยวก” ไปทำมั้ย?
เอาตำแหน่ง เอาอำนาจ แต่ไม่เอาหน้าที่ ไม่มีจิตละอายต่อคำสัตย์ปฎิญาน
“ใหญ่แต่ไม่เผ็ด”……

มันมีศักดิ์ศรีแห่งคำว่า “พริก” ตรงไหน ถ้า “พิกกะจู๋” นั่นละก็ใช่ ในคนราชการและคนการเมืองวันนี้

“กัดกัน” เพื่อ “แย่งกิน-แย่งเก้าอี้” ละก็เก่งนัก แต่เพื่อพิทักษ์ความศักดิ์สิทธิ์ “ทุกคนต้องทัดเทียมกันทางกฎหมาย” กลับไม่มีหน้าไหนทำให้ประจักษ์?

เชิดชู “คนอัปรีย์” แต่กับคนดี “เหยียบย่ำ” ค่านิยมสังคมไทยยุคนี้ มันมาถึงจุด “บัดสี-บัดเถลิง” เช่นนี้กันแล้ว ช่างน่าอดสูนัก

ก็จะดูซิ………
ว่ารัฐบาลเพื่อไทย โดย “นายกฯเศรษฐา” กับผบ.ตร.คนใหม่ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” จะบริการ-จัดการอย่างไร ในปัญหา “นักโทษเทวดา” ขณะนี้

ยุคยิ่งลักษณ์ มีปัญหาจาก ชั้น ๗
ยุคเศรษฐา จะมีปัญหาจากชั้น ๑๔ ซ้ำรอย ก็ให้มันรู้กันไป!

ถ้านักโทษเทวดา ซึ่งขณะนี้ ตัวตนจริงๆ อยู่ที่ไหนไม่เป็นที่ประจักษ์ นอกจากไม่เคยเข้าคุกจริงๆ แล้วยัง “ขอพักโทษ” ได้
มันจะเป็นเนติแบบแผน

ให้นักโทษในคุก ร่วม ๓ แสนคน ทำหนังสือยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งขอพักโทษ ได้หมดทุกคน
จะได้ “ล้างคุก” ทั้งประเทศซะที ประหยัดงบประมาณได้ปีละหลายพันล้าน

ปฎิรูป “กรมราชทัณฑ์”เป็น “กรมทักษิณานิรโทษ” คนไหนเป็นนักโทษเด็ดขาดมาถึงคุกปุ๊บ

“กรมทักษิณานิรโทษ” ก็มีแบบฟอร์มให้กรอกเป็นหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปปั๊บเลย ตามที่อดีตรองนายกฯวิษณุแนะนำ

โดยมี “นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร” เป็นต้นแบบอ้างอิง

ประเทศไทย นับจากนี้ จะเดินไปในทิศทางไหน ช่างหวั่นในอก ระทดท้อในใจ!?

ปล้นเงิน-ปล้นทอง ปล้นอำนาจ ปล้นตำแหน่ง ปล้นบ้าน-ปล้นเมือง มีมาแล้วทั้งนั้น
เดี๋ยวนี้พัฒนา-ก้าวหน้าไปถึงขั้น “ปล้นผลงาน” ด้วยซ้ำ

เมื่อวาน (๒๙ กย.๖๖) นายกฯเศรษฐา ทวีสิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม
ไปเปิดให้บริการ “อาคารเทียบเครื่องบินรอง” หลังที่ ๑ (Satellite 1: SAT-1) ที่สุวรรณภูมิ

“เศรษฐา” ให้สัมภาษณ์เต็มปาก-เต็มคำ
“สนามบินสุวรรณภูมิ หลายสิบปีที่แล้ว ในการก่อสร้างสนามบิน โชคดีที่เราสร้างอุโมงค์ไว้ก่อน ทำให้การต่อเติมเป็นไปได้ง่ายขึ้น

งบประมาณสมัยก่อนในการดำเนินการสร้างอุโมงค์ก็มีราคาถูก ตอนนี้ก็สามารถเชื่อมต่อกับ SAT-1 ได้ดี ทำได้เร็ว และเป็นประโยชน์มาก

สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำไว้ก่อน เป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ทำให้ตอนนี้ ประหยัดงบประมาณได้มาก”

โถ…..เศรษฐา
ผมน่ะไม่ใช่คนหยุมหยิมและไม่ชอบจับคำพูดใครมาตอดเล็ก-ตอดน้อย แบบไร้สาระ เพราะผมไม่ใช่แมลงวันตอมขี้

แต่ที่ท่านพูด “อวยทักษิณ” คนเหนือนายกฯ แบบนั้นน่ะ เด็กวันนี้อาจหลงเชื่อ แต่แก่กะโหลกกะลาอย่างผมในยุคโน้น ยังพอเหลือ

ได้ยินท่านพุูดว่า “สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำไว้ก่อน”

ขอโทษ…ถุ้ยยยย!
อย่าว่าสั่งสอนนายกฯ เลยนะ สนามบินสุวรรณภูมินั่นน่ะ แผนเขามีมาแต่สมัย “จอมพลป.พิบูลสงคราม” โน่นแล้ว

เริ่มต้นจ้างฝรั่งศึกษาโครงการ “สนามบินหนองงูเห่า” หรือสนามบินสุวรรณภูมิทุกวันนี้ ในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปี ๒๕๐๓

จอมพลถนอม กิตติขจร ให้สัมปทานบริษัทสหรัฐอเมริกาก่อสร้าง แต่ยังไม่ทันลงมือ เกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา.๑๖ จึงยกเลิกสัมปทานไป

มาราวๆ ปี ๒๕๒๑ รัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ จ้างฝรั่งมาศึกษาหาที่สร้างใหม่ ศึกษาแล้ว สรุปว่า ตรงหนองงูเห่านั้นแหละ “เหมาะสุด”

รัฐบาลรสช.”บิ๊กสุ-บิ๊กจ๊อด-บิ๊กเต๊” ปี ๒๕๓๔ ที่นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ อนุมัติให้ก่อสร้างสนามบินหนองงูเห่า

แต่ไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างหรอก………
จนถึงรัฐบาล “นายชวน หลีกภัย “ราวๆ ปี ๒๕๓๖-๓๗ อนุมัติงบ ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ดำเนินโครงการ

แต่ด้วยภาวะพิษ “ต้มยำกุ้ง” โครงการจึงเป็นไปลุ่มๆดอนๆ จนถึงยุคทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐบาล

ในปี ๒๕๔๕ การก่อสร้างจึงเดินต่อตามโครงการที่มีอยู่แล้ว ไปเสร็จในปี ๒๕๔๙ ปลายรัฐบาลทักษิณ และตีปี๊บเป็นผลงานกันพุงกาง

ฉลองกันได้ไม่ถึง ๒ เดือนมั้ง ถึง ๑๙ กันยา.๔๙ ทักษิณก็ถูก “บิ๊กบัง” ฉลอง ตกเก้าอี้ เป็นสัมภเวสี
เพิ่งกลับมาในฐานะ “นักโทษเทวดา” เดือนกว่าๆนี่เอง!

ฉะนั้น ที่นายกฯ เศรษฐา พูด……
“สนามบินสุวรรณภูมิ หลายสิบปีที่แล้ว ในการก่อสร้างสนามบิน โชคดีที่เราสร้างอุโมงค์ไว้ก่อน ทำให้การต่อเติมเป็นไปได้ง่ายขึ้น ……….

สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำไว้ก่อน เป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ทำให้ตอนนี้ ประหยัดงบประมาณได้มาก”

คนรู้ ฟังแล้ว จะอ้วก!
โดยเฉพาะ”อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1)”ที่ท่านไปเปิดวันนี้ แผนมี แต่เริ่มโครงการช่วงปี ๑๐ กว่าปีมานี้เอง

SAT-1 สร้างยุคไหน โดยใคร เศรษฐาไม่เดียงสาจริงๆ หรือแกล้งไร้เดียงสา?

เอ้า…จะบอกให้คร่าวๆ ว่า”อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) นี้
-เริ่มก่อสร้าง ๒๕๕๙ เสร็จ ๒๕๖๖
-งบประมาณ ๓๙,๗๖๐ ล้านบาท
-พื้นที่ภายในอาคาร ๒๑๖,๐๐๐ ตร.ม.
-จำนวนชั้น ๔ ชั้น หลุมจอด ๒๘ หลุม
-รองรับผู้โดยสาร จาก ๔๕ ล้านคน/ปี เป็น ๖๐ ล้านคน/ปี
-เพิ่มประตูทางออกขึ้นเครื่อง เพิ่มขึ้น ๒๘ GATE

ภายในอาคาร ๔ ชั้น มีชั้นใต้ดิน ๒ ชั้น

-ชั้น B2(ใต้ดิน):ขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ(Automated People Mover: APM)
เป็นรถไฟฟ้าระบบล้อยางแบบไร้คนขับทำหน้าที่ในการรับ-ส่งผู้โดยสาร ระหว่างตัวอาคารผู้โดยสารหลัก กับอาคาร SAT-1
ใช้ระยะเวลาประมาณ ๓ นาที(รวมระยะเวลาโดยสารและเวลารอคอย)รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด ๒๑๐ คน/ขบวน
-ชั้น B1(ใต้ดิน):เป็นชั้นลำเลียงกระเป๋าและสัมภาระ
-ชั้น GF:เป็นชั้นลานจอดเครื่องบิน(Apron Level)
มีโถงพักคอย, มีพื้นที่จัดสวน,จุดจอดรถบัสรับ-ส่ง และ สำนักงานของเจ้าหน้าที่

ชั้น 2: เป็นชั้นผู้โดยสารขาเข้า(Arrival Level)
มีโถงพักคอย,ร้านค้าต่างๆ,ห้องละหมาด,ห้องปฐม พยาบาลและพื้นที่จัดสวน
-ชั้น 3:เป็นชั้นผู้โดยสารขาออก(Departure Level)
มีพื้นที่นั่งพักคอย,ร้านค้าปลอดภาษี และร้านค้าอื่นๆ
-ชั้น 4:เป็นชั้นบริการผู้โดยสารพิเศษ (CIP Lounges Level)หรือ Commercial Important Person
มีร้านค้า,ร้านอาหาร ภัตตาคาร, ห้องละหมาด,ห้องเด็กเล่น และจุดชมวิว Sky Lounges

เฮ้อ…เหนื่อย เอาเท่านี้พอ
ทีนี้เศรษฐารู้แล้วใช่มั้ย ว่าปี ๕๙-๖๖ ที่ทำโครงการนี้จนเสร็จ คือรัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”

ถ้าสร้างคุกระดับ “รอยัล สวีท” เมื่อไหร่
นั่น…เศรษฐาค่อยยกเป็นผลงาน “นักโทษเทวดา” ก็แล้วกัน!

เปลว สีเงิน

๓๐ กันยายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
ขอให้กูได้ “ชังชาติ” เถอะ – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน “แขกบ้าน-แขกเมือง” ทยอยมาเหยียบชานเรือนแต่วาน (๑๖ พย.๖๕) แล้วนะครับ ประธานาธิบดีเวียดนาม “นายเหวียน ซวน ฟุก” และภริยา...
Read More
0 replies on “ทักษิณ “ทูนหัวของเศรษฐา” – เปลว สีเงิน”